ราชทัณฑ์แจงย้าย 2 ผู้ต้องขังจีนเทาไปยังเรือนจำเหมาะสมแล้ว “อนุทิน” ลั่นฟันไม่เลี้ยงใครเอี่ยวเอื้อนักโทษจีนวีไอพี “รมว.ยธ.” พบหลักฐานชัดผู้คุม 7 นายพานางแบบจีน 2 คนเข้า “ห้องดัดแปลง” กลางวันแสกๆ ไฟเขียวดีเอสไอร่วมคุ้ย เสาร์นี้บุกเข้าเรือนจำตรวจข้อเท็จจริงอีกรอบ
เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2568 จากกรณีที่ได้มีการจู่โจมตรวจค้นเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งได้มีการย้ายผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และเจ้าหน้าที่บางส่วน เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยพบว่ามีผู้ต้องขังชาวจีนบางรายมีอิทธิพลเหนือผู้ต้องขังรายอื่นในเรือนจำ ล่าสุด กรมราชทัณฑ์ออกเอกสารชี้แจงว่า ได้มีการตรวจค้นเรือนจำดังกล่าวแล้ว พบว่ามีสิ่งของต้องห้ามและสิ่งของไม่อนุญาตให้มีครอบครองหรือใช้ในเรือนจำ ตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 มาตรา 72 และมาตรา 73 นอกจากนี้ ยังพบสิ่งของเกินความจำเป็น เช่น ตู้เย็น ไมโครเวฟ แอร์เคลื่อนที่ และอีกหลายรายการ รวมถึงพบว่าผู้ต้องขังบางรายมีการครอบครองสิ่งของแบรนด์เนม และจากการตรวจค้นห้องเจ้าหน้าที่ยังพบกาแฟซองจำนวนมาก ซึ่งอาจเป็นสิ่งที่ใช้แทนการพนันของผู้ต้องขังชาวจีนบางรายในเรือนจำ
อนึ่ง กรมราชทัณฑ์ได้ดำเนินการย้ายผู้ต้องขังชาวจีนที่มีส่วนเกี่ยวข้องไปยังเรือนจำที่เหมาะสม เพื่อความมั่นคง ปลอดภัย และจะเร่งรัดดำเนินการสอบสวนต่อไป กรมราชทัณฑ์ยังคงกำชับเรือนจำ/ทัณฑสถานทั่วประเทศ ให้ยึดมั่นในการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังภายใต้หลักสิทธิมนุษยชน ด้วยความเสมอภาค อีกทั้งเรือนจำเป็นสถานที่ที่ควบคุมดูแลผู้กระทำผิดให้ได้รับความปลอดภัย ซึ่งดำเนินการเป็นไปตามหลักนิติธรรมและกฎหมายที่กำหนดไว้
ช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ นายยุทธนา นาคเรืองศรี รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ นำกำลังเข้าจู่โจมตรวจค้นที่แดน 8 เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นแดนที่มีผู้ต้องขังมากที่สุดของเรือนจำพิเศษ กทม. กว่า 900 คน โดยนายยุทธนายืนยันว่า ในการตรวจค้นวันที่ 16 พ.ย. ไม่พบถุงยางอนามัย แต่ยอมรับว่าพบกล่องถุงยาง ผู้หญิงกับนักโทษจีนเทา และของต้องห้าม อาทิ เครื่องใช้ไฟฟ้า แอร์เคลื่อนที่ ไฟแช็กจำนวนมาก โดยขณะนี้กรมราชทัณฑ์ได้ตั้งนายไพฑูรย์ มงคลหัตถี ผู้ตรวจราชการกรมราชทัณฑ์ เป็นหัวหน้าคณะตรวจสอบข้อเท็จจริง และจะเริ่มสอบปากคำนายมานพ ชมชื่น อดีต ผบ.เรือนจำพิเศษ กทม. และเจ้าหน้าที่ที่ถูกย้ายอีก 14 คน รวมเป็น 15 คน
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ว่า พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รมว.ยุติธรรม ต้องสั่งการให้เป็นไปตามกฎระเบียบ ใครทำผิดก็ว่ากันไปตามผิด ก็ต้องดำเนินการอย่างเต็มที่ ซึ่งเราได้ส่งพวกหัวโจกกลับไปรับโทษยังประเทศต้นทางของเขาก็หลายรายแล้ว พร้อมดำเนินการทั้งยึดทรัพย์ ถอนสัญชาติ และดำเนินการทุกอย่าง ความผิดไปถึงไหน คนนั้นต้องถูกลงโทษ ซึ่งชัดเจนอยู่แล้ว และเรื่องนี้ไม่ควรเกิดขึ้น
ด้าน พล.ต.ท.รุทธพลให้สัมภาษณ์ว่า หากผลการตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่ามีการกระทำความผิดจริง จะมีแนวโน้มขยับไปสู่กระบวนการสอบสวนวินัยร้ายแรง ให้พักราชการ ออกจากราชการไว้ก่อน หรือส่งสำนวนให้ ป.ป.ช.ดำเนินการตามมาตรา 157 เลยหรือไม่นั้น ตนขอให้เอาแบบเต็มที่ที่สุด เพราะเป็นเรื่องที่เรารับไม่ได้จริงๆ รับราชการมาจนเกษียณอายุมาขนาดนี้แล้ว จนมาอยู่จุดนี้ก็เพิ่งเคยเห็นแบบนี้ ก็จะร่วมกันแก้ไข ใครทำผิดก็ว่าไปตามผิด เพราะเชื่อว่าพี่น้องประชาชนก็รับไม่ได้กับเรื่องนี้
พล.ต.ท.รุทธพลให้สัมภาษณ์อีกครั้งหลังประชุมร่วมกับปลัด ยธ. กรมราชทัณฑ์ และคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีย้าย ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ จากเหตุเอื้อประโยชน์ผู้ต้องขังเชื่อชาติจีนว่า คณะกรรมการฯ ได้สอบสวนผู้หญิง 2 รายที่เข้ามาในพื้นที่เรือนจำ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบ โดยมีการแต่งตั้งกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ร่วมสืบสวนในคดีนี้ และในวันที่ 22 พ.ย. เวลา 09.00 น. จะเข้าไปในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ส่วนรายละเอียดในสำนวนขออนุญาตเก็บเป็นความลับ แต่เราจะดำเนินการอย่างเต็มที่
ถามถึงกลุ่มผู้ต้องขังจีนเทา เป็นกลุ่มใดที่พยายามทำให้ภาพลักษณ์เรือนจำเสื่อมเสีย พล.ต.ท.รุทธพลกล่าวว่า ในเรือนจำมีผู้ต้องขังจีนเทาประมาณ 200 คน ซึ่งผู้กระทำความผิดกลุ่มจีนเทาที่เกี่ยวข้องอยู่ที่ 2 คน เป็นผู้ต้องขังระหว่างการพิจารณาของศาล และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ด้านหน้าประตูจนถึงพื้นที่เกิดเหตุมีอยู่ 7 คน แต่ไม่ใช่ที่ห้องทำงานของ ผบ.เรือนจำ เป็นห้องของผู้คุมภาพมีการแปลงสภาพ ส่วนห้อง ผบ.เรือนจำอยู่ชั้นบน ส่วนจะพาหญิงสาวเข้าไปกี่ครั้งนั้น อยู่ระหว่างการสืบสวน เพราะเราเพิ่งทราบในวันเกิดเหตุ
“ภาพกล้องวงจรปิดนั้นได้มีการถูกลบไป แต่ขณะนี้สามารถกู้ไฟล์ได้บางส่วน ทำให้เรามีพยานหลักฐานพอสมควร โดยเป็นภาพที่ผู้ต้องขังเดินอยู่ในพื้นที่ที่ไม่มีสิทธิ์ที่จะเดิน ส่วนนางแบบใช้เส้นทางปกติ ไม่ได้ใช้เส้นทางลัดแต่อย่างไร โดยเป็นคนจีน 2 คน คาดว่าเจ้าหน้าที่ได้พานางแบบสาว 2 คนเข้าไปจากจุดด้านหน้าอาคาร และไม่ได้เข้ามาในช่องทางเยี่ยมญาติแต่อย่างใด โดยเข้ามาตอนกลางวัน โดยได้สอบปากคำนางแบบแล้ว โดยให้การว่ามาพบกับเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในบริเวณนั้น ส่วนจะมีนางแบบรายอื่นหรือไม่นั้น เราพบเพียงในเวลาที่เกิดเหตุเท่านั้น คาดว่ามาด้วยความเต็มใจ โดยขณะนี้ได้ถ่ายรูปทำประวัติดูพาสปอร์ต แต่จะเดินทางออกนอกประเทศแล้วหรือไม่ ยังไม่ทราบ"
พล.ต.ท.รุทธพลกล่าวอีกว่า ผู้ต้องขังชาวจีน 2 ราย ได้ถูกย้ายไปอยู่ในเรือนจำอื่นแล้ว โดยพรุ่งนี้จะไปดูรายละเอียดในห้องที่มีการดัดแปลงว่าเกิดขึ้นอย่างไร และดูทั้งหมด เพราะว่าเรื่องนี้ทำให้เกิดความเสื่อมเสีย และได้สั่งการให้เรือนจำทุกประเทศจับตาผู้ต้องขังวีไอพีว่าจะมีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นแบบนี้อีกหรือไม่.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา
หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.
"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.
แบบพระเมรุมาศเสร็จม.ค. สานพระราชปณิธานผ้าไทย
"อธิบดีกรมศิลป์" เผยแบบก่อสร้างพระเมรุมาศ “พระพันปีหลวง” แล้วเสร็จ ม.ค.69


