“นายกฯ” เผย “ทรัมป์” ยังไม่ประสานคุยหยุดยิง ชี้การเจรจาระดับผู้นำมีขั้นตอนอยู่ ยันพร้อมแจงข้อมูลสถานการณ์ให้ ปธน.สหรัฐเข้าใจ ย้ำไทยอยู่บนพื้นฐานรักษาอธิปไตย-ดินแดน-ความปลอดภัยประชาชน ไม่ตอบเหตุปะทะจบเมื่อไหร่ “7 จังหวัดชายแดน” เดือด! กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่ตี 5 ทั้งปืนใหญ่-อาวุธประจำกายถล่มเป็นระลอก ยิง BM-21 ตกห่างโรงพยาบาลพนมดงรักไม่ถึง 1 กม. รีบย้ายแพทย์-ผู้ป่วยเข้าที่ปลอดภัย “ฐาน ตชด.” เจอโดรนสังหารโจมตีเจ็บ 8 นาย “ทภ.2” สอยเครนบนพื้นที่พระวิหารเขมรใช้เป็นจุดตรวจการณ์ ติดตั้งเรดาร์ พังยับ เศร้า! ทหารกล้าพลีชีพรายที่ 5 “ผบ.ทบ.” ดอดลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด “ทภ.1” เปิดแนวรบสระแก้วตลอดวัน “ผบ.กกล.บูรพา” ประกาศเคอร์ฟิว 4 อำเภอชายแดนสระแก้ว ห้ามออกนอกบ้าน 19.00-05.00 น. “ทร.” ระบุกำลังพล นย.ยังเข้ายึดพื้นที่ไม่ได้ หลังทำลายบ้าน 3 หลังราบ เหตุมีทหารเขมรยังซุ่มโจมตีอยู่
เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2568 เวลา 10.00 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า ขอให้ประชาชนฟังข้อมูลจากการแถลงของกองทัพ หน่วยงานความมั่นคง อย่าไปฟังข่าวจากแหล่งอื่น ขอให้ฟังจากแหล่งเดียว จะได้มีความชัดเจนและถูกต้อง
ถามว่า ตอนนี้ท่าทีของกัมพูชามีการติดต่อหรือประสานอะไรเข้ามาหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ยังไม่มี เมื่อถามถึงกรณีมีข่าวที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีกัมพูชาส่งสารมา อยากจะพูดคุยเจรจาข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นายอนุทินย้อนถามว่า ส่งให้ใคร เมื่อผู้สื่อข่าวตอบว่า พูดผ่านสื่อ นายกฯ จึงกล่าวว่า มันไม่ได้ ต้องมีช่องทางของมัน ซักต่อว่าแสดงว่าช่องทางดังกล่าวยังมาไม่ถึงใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ครับ เขาก็มีช่องทางในการดำเนินการอยู่แล้ว แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดคุยกัน
พอถามว่า สถานการณ์ตอนนี้จำเป็นจะต้องมีการขอเปิดประชุมร่วมรัฐสภา ตามมาตรา 165 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เพื่อขอความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์อย่างไรหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า เชื่อว่าตอนนี้ยังไม่ได้รับการร้องขอใดๆ และทางกองทัพยืนยันยังควบคุมสถานการณ์ได้อย่างเต็มที่ แค่กองทัพขอให้รัฐบาลสนับสนุนการดำเนินการ ซึ่งต้องปล่อยให้การดำเนินการเป็นไปตามกลยุทธ์ของทหาร
นายกฯ กล่าวถึงเรื่องหากมีการยุบจะกระทบต่อสถานการณ์ชายแดนหรือไม่ว่า ไม่เกี่ยวกัน เรื่องการปกป้องอธิปไตยของไทย เป็นภารกิจหลักของฝ่ายความมั่นคงอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า ล่าสุดกัมพูชาได้โจมตีเข้ามาที่โรงพยาบาลด้วย จะมีการประณามอย่างไรหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เดี๋ยวขอรับรายงานที่แน่นอน และชัดเจนก่อน เมื่อถามว่าสถานการณ์ชายแดนในขณะนี้จำเป็นที่จะต้องมีการนำไปพูดคุยบนโต๊ะเจรจาอย่างจริงจังหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า พูดไปแล้ว เมื่อถามว่าถ้าชายแดนยังรบไม่จบจะไม่มีการยุบสภาใช่หรือไม่ นายอนุทินไม่ตอบคำถามดังกล่าวพร้อมกับเดินขึ้นห้องประชุมรัฐสภาทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สื่อโซเชียลได้รายงานข่าวนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา กล่าวระหว่างการปราศรัยหาเสียงที่รัฐเพนซิลเวเนียว่า จะโทรศัพท์หารือกับผู้นำของกัมพูชาและไทย หลังสถานการณ์ความขัดแย้งตามแนวชายแดนของทั้งสองประเทศกลับมารุนแรงอีกครั้ง โดยสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายทรัมป์ระบุว่า "พรุ่งนี้ผมต้องโทร.หาทั้งสองประเทศ ผมจะเริ่มการหารือทางโทรศัพท์ และจะยุติสงครามระหว่างสองประเทศที่ทรงอิทธิพลนี้ให้ได้
เวลา 16.00 น. นายอนุทินได้เข้าร่วมประชุมที่รัฐสภา โดยสื่อได้เผยแพร่ภาพขณะนายอนุทินนั่งดูข้อความไลน์ในโทรศัพท์มือถือ จากนั้นเมื่อนายอนุทินออกจากห้องประชุมจึงถูกถามถึงการดูข้อความไลน์ในโทรศัพท์มือถือดังกล่าว นายอนุทินกล่าวว่า ไม่มีอะไร อาจจะเป็นเพราะเมื่อช่วงเช้าตนให้สัมภาษณ์ว่ายังไม่ได้รับการติดต่อจากสหรัฐอเมริกา จึงมีคนส่งมาให้ดูว่ามีแล้ว ซึ่งนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาพูดแล้ว จึงมีคนส่งคลิปมาให้ดู ซึ่งก็เป็นแบบนั้นจริงๆ และวันนี้เป็นวันหยุดราชการ มาประชุมที่สภาเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฝ่ายข้าราชการเขาหยุดจึงยังไม่ได้รับรายงาน
หนูลั่นแจง ‘ทรัมป์’ ให้เข้าใจ
ถามว่า ประธานาธิบดีสหรัฐติดต่อมาหรือยัง นายอนุทินกล่าวว่า ยังไม่ได้มีใครประสานมา เมื่อถามว่าจะพูดคุยกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ คนเดียวใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เวลาหารือทางโทรศัพท์ระดับผู้นำจะมีการนัดหมายกัน เพราะมีช่องทางอยู่ เมื่อถามต่อว่าถ้าเขาติดต่อมาให้ไทยกลับไปอยู่บนพื้นฐานการเจรจา จะยอมเจรจาด้วยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ระดับประธานาธิบดีสหรัฐโทรศัพท์มาเราก็ต้องรับสาย และต้องมีการพูดคุย แต่เราก็ต้องอธิบายให้ท่านได้เข้าใจ ท่านไม่มีทางรับทราบข้อมูลมากกว่าตัวของตนอยู่แล้ว ก็ต้องอธิบายให้ท่านฟัง
ซักว่า ถ้านายโดนัลด์ ทรัมป์ โทรศัพท์มา ไทยจะอยู่ในจุดยืนเดิมใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า คนละเรื่องกัน อย่างที่เรียน เรื่องนี้เป็นเรื่องของคู่กรณีระหว่างสองประเทศ แต่ก็มีผู้นำประเทศอื่นๆ ที่ปรารถนาดีอยากให้เห็นสันติภาพ เราก็ต้องอธิบายว่ามันมีปัญหาอะไร และทำไมต้องเป็นเช่นนี้ ซึ่งหากมีการนัดกันระดับผู้นำ ไม่ใช่จะกดโทร.ก็โทร. ต้องมีการนัดหมายกัน และวางประเด็นที่จะพูดคุยกัน เพราะฉะนั้นเรายังมีเวลาที่จะเตรียมประเด็นต่างๆ ขณะเดียวกันการพูดคุยก็จะต้องมีการเชิญ รมว.การต่างประเทศ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และถ้าจำเป็นก็ต้องเชิญผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) และ รมว.กลาโหมเข้าร่วมด้วย
เมื่อถามว่า มีผู้นำประเทศอื่นๆ ติดต่อมาพูดคุยบ้างหรือไม่ เช่นประเทศจีน นายกฯ กล่าวว่า ไม่มี และการติดต่อต้องติดต่อผ่านช่องทางการทูต เมื่อมีการติดต่อกันเรียบร้อยแล้วทางกระทรวงการต่างประเทศจึงจะแจ้งให้ตนทราบ
“ยืนยันการลงนามครั้งที่ผ่านมาเป็นบทเรียน แต่เป็นสิ่งที่ต้องการจะสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้นในภูมิภาคนี้ และมีเงื่อนไขที่ต้องปฏิบัติทั้งสองฝ่าย แต่ปรากฏว่าอีกฝ่ายหนึ่งไม่ปฏิบัติ แต่ฝ่ายเราปฏิบัติครบจะอธิบายกับใครก็ง่าย เพราะไทยปฏิบัติตามเงื่อนไขอยู่แล้ว ไม่มีผิดแม้แต่ข้อเดียว ตอนนั้นจะแถมเรื่องการปล่อยตัวเฉลยศึกด้วย” นายกฯ กล่าว
ถามว่า หากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ขอให้ไทยกลับไปอยู่ในจุดการเจรจา ไทยจะยอมหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “ไม่ ท่านต้องฟังคำอธิบายสถานการณ์จากผมก่อน” เมื่อถามย้ำว่าตอนนี้นายกฯ ให้ทหารตัดสินใจหลายอย่างใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า เรื่องของการรบก็ต้องเป็นเรื่องของทหารอย่างแน่นอน เมื่อถามอีกว่าการเจรจาอะไรต้องฟังทหารด้วยใช่หรือไม่ นายกฯ ย้อนถามกลับว่า เรื่องอะไร ต้องดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ตอนนี้มีการสู้รบกันขนาดนี้ ต้นตอของการสู้รบมาจากไหน เพราะประเทศกัมพูชาโจมตีประเทศไทยก่อน และทำร้ายทหารไทยก่อน รวมถึงไม่ปฏิบัติตามแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา
พอถามว่าจะหยุดที่จุดไหน หรือจะสู้รบกันไปแบบนี้ไม่มีจุดสิ้นสุดจนกว่าจะชนะกันไปข้างหนึ่ง นายกฯ กล่าวว่า เรื่องนี้ตอบไม่ได้ มันเป็นเรื่องของความมั่นคง เมื่อถามอีกว่าสองสัปดาห์นี้จะจบหรือไม่ นายกฯ กล่าวย้ำว่า เป็นเรื่องของความมั่นคง ไม่สามารถให้ความเห็นได้ ถามย้ำว่าแต่จะมีทางออกสำหรับไทยอยู่ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เรารักษาอธิปไตย รักษาดินแดนของประเทศและความปลอดภัยของประชาชน เรามีเป้าหมายอยู่
ส่วนนายนิกรเดช พลางกูร โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ยังไม่ได้รับการติดต่อโดยตรงมาจากสหรัฐอเมริกา เห็นเพียงข่าวจากสื่อโซเชียล ดังนั้นหากนับจนถึงเวลานี้น่าจะยังไม่มีการหารือหรือพูดคุยกัน หรือถ้าหากมีการพูดคุยกันจริง สิ่งแรกที่ต้องรับฟังก็คือ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาต้องการจะส่งข้อความอะไรมาถึงนายกรัฐมนตรีไทย หรือประเทศไทย หรืออาจจะเป็นการส่งความหวังดีมาถึงทั้งสองประเทศก็เป็นได้
ถามถึงกรณีนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ออกแถลงการณ์แสดงความกังวลต่อเหตุการณ์ปะทะและเรียกร้องให้ทั้งสองประเทศกลับสู่เส้นทางการทูตบนพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศ โฆษก กต.กล่าวสั้นๆ ว่า หากมีการเสนอให้เปิดการเจรจาขึ้นระหว่างสองประเทศ คงต้องยึดคำตอบเดียวกับที่นายกฯ ให้สัมภาษณ์สื่อไป ก็คือ กระทรวงการต่างประเทศก็ยังไม่พร้อมเจรจา
โฆษก กต.กล่าวว่า ขอแจ้งเตือนคนไทยที่อาศัยอยู่ในกัมพูชา ปัจจุบันมีประมาณ 600-1,200 คน สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ และสถานกงสุลได้ติดต่อ และแจ้งข้อมูลสถานการณ์ให้กลุ่มคนไทยทราบอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากสถานการณ์ชายแดนตอนนี้มีความไม่แน่นอน กรมกงสุลจึงได้ออกประกาศแจ้งเตือน ขอให้คนไทยในกัมพูชาที่ไม่มีเหตุจำเป็นพำนัก พิจารณาเดินทางออกจากกัมพูชา และขอให้คนไทยที่ไม่มีเหตุจำเป็น งดเว้นการเดินทางไปกัมพูชา จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
ประณามเขมรยิงจรวดตกใกล้ รพ.
ส่วนสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา วันที่ 3 ของเหตุปะทะ ในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 เริ่มตั้งแต่เวลา 05.20 น. ทหารกัมพูชาได้เปิดฉากยิงด้วยกระสุนปืนใหญ่เข้ามายังพื้นที่ฝั่งไทยก่อนตลอดแนวชายแดน โดยในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ จำนวน 1 แนวรบหลัก ช่วงแนวรบช่องสายตะกู เริ่มมีการปะทะกัน จ.สุรินทร์ จำนวน 5 แนวรบหลัก คือ 1.แนวรบช่องจอม-ช่องเปรอ-ช่องระยี มีการยิงเป็นระยะ 2.แนวรบปราสาทคนา มีการยิงเข้ามาเป็นระยะๆ โดยมีการยิงด้วยปืนใหญ่เข้ามายังฝั่งไทย 3.แนวรบปราสาทตาควาย มีการยิงเข้ามายังฝั่งไทยเป็นระยะๆ หน่วยประจำกายและปืนใหญ่ปืนไร้แรงสะท้อน (ปรส.) 4.แนวรบช่องกร่าง มีการยิงเป็นระยะๆ ด้วยอาวุธประจำกายและกระสุนปืน ค. 5.แนวรบปราสาทตาเมือนธม มีการยิงเป็นระยะๆ ด้วยอาวุธประจำกายและเครื่องลูกระเบิดมายังฝั่งไทย
จ.ศรีสะเกษ จำนวน 4 แนวรบหลัก คือ 1.แนวรบพระวิหาร (ช่องซำแต-โดนตวล-ภูผี-สัตตะโสม-พนมประสิทธิโส-ช่องตาเฒ่า) มีการปะทะเป็นระยะด้วย 2.แนวรบพระวิหาร (ปราสาทพระวิหาร-ผามออีแดง-ห้วยตามาเรีย) มีการปะทะเป็นระยะ 3.แนวรบภูมะเขือ-ช่องโดนเอาว์-พลาญยาว-พลาญหินแปดก้อน มีการปะทะเป็นระยะ 4.แนวรบช่องสะงำ พื้นที่ชายแดน และ จ.อุบลราชธานี 2 แนวรบหลัก คือ 1.แนวรบช่องบก มีการปะทะเป็นระยะ ด้วยอาวุธประจำกายและปืนใหญ่ 2. แนวรบช่องอานม้า มีการปะทะเป็นระยะ ด้วยอาวุธประจำกายและปืน ค.
เวลา 08.40 น. กัมพูชายิง BM-21 ตกที่โรงพยาบาลพนมดงรัก จ.สุรินทร์ และพื้นที่โดยรอบจำนวน 6 นัด จากการตรวจสอบกับหน่วยในพื้นที่โดยละเอียดแล้ว พบว่าตำบลกระสุนตกอยู่ห่างจากโรงพยาบาลพนมดงรักไม่ต่ำกว่า 1 กิโลเมตร จากการประเมินของกองทัพภาคที่ 2 แล้วเป็นความเสี่ยง จึงต้องรีบแจ้งเตือนให้ดำเนินการเคลื่อนย้ายบุคลากรทางการแพทย์และผู้ป่วยเจ็บเข้าที่ปลอดภัย
เวลา 10.00 น. สถานการณ์ยังคงตึงเครียด กัมพูชายิงจรวดหลายลำกล้อง BM-21 พร้อมใช้โดรนสังหาร (Killer Drone) โจมตีฐานปฏิบัติการของตำรวจตระเวนชายแดน บริเวณชายแดน จ.ศรีสะเกษ ทำให้ ตชด.ได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิดจำนวน 8 นาย โดยชุดปฏิบัติการได้เข้าช่วยเหลือกำลังพลทั้งหมดออกจากพื้นที่ และลำเลียงส่งโรงพยาบาลอย่างปลอดภัยแล้ว
ต่อมาเวลา 14.00 น. กองทัพภาคที่ 2 ได้ทำลายเครนที่อยู่บริเวณทางขึ้นเขาพระวิหาร หลังตรวจพบว่าใช้เป็นที่ติดตั้งแจมเมอร์ หรือแอนตี้โดรน รวมทั้งติดตั้งระบบกล้องวงจรปิดด้วยสัญญาณเรดาร์บนพื้นที่เขาพระวิหาร โดยพบว่ามีระบบ Spoofing GPS ก่อกวนนำร่องด้วยดาวเทียม (GNSS/GPS) ส่งผลให้โดรนและระบบอื่นๆ ในพื้นที่ของไทยมีปัญหา และยังมีการใช้กล้องวงจรปิดบันทึกภาพ รวมทั้งดูการปฏิบัติของกำลังฝ่ายเราในพื้นที่รอบเขาพระวิหาร
นอกจากนี้ กองทัพภาคที่ 2 ได้นำผู้สื่อข่าวต่างประเทศลงพื้นที่ โดยนายโจนาธาน เฮด ผู้สื่อข่าวอาวุโสประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ BBC News (บีบีซี) ลงดูพื้นที่ศูนย์อพยพ จ.สุรินทร์ โรงพยาบาลพนมดงรัก และบ้านเรือนของประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากกระสุน BM-21 โดยได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ภายในบังเกอร์หลบภัย และตรวจเยี่ยมชาวบ้านที่ประสบภัยในพื้นที่ ณ ศูนย์พักพิงชั่วคราวจังหวัดสุรินทร์
กองทัพบก ได้ออกมาประณามการใช้อาวุธโจมตีพื้นที่พลเรือนของกัมพูชา ซึ่งเป็นการกระทำที่ละเมิดอธิปไตยของไทย และขัดต่อหลักมนุษยธรรมอย่างร้ายแรง การยิงจรวดหลายลำกล้องเข้าสู่เขตชุมชนและบริเวณสถานพยาบาล ถือเป็นพฤติกรรมที่ไม่อาจยอมรับได้ และเป็นภัยอย่างยิ่งต่อความปลอดภัยของประชาชนผู้บริสุทธิ์
สดุดีทหารกล้าพลีชีพรายที่ 5
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโลกออนไลน์พร้อมใจร่วมไว้อาลัยและสดุดีทหารกล้าคนที่ 5 พลทหารเทิดศักดิ์ ศรีลาชัย สังกัด ร.23 พัน.3 กองพันสุรินทร์ พลีชีพเพื่อชาติ ในสมรภูมิปราสาทคนา เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยมีรายงานว่า จากเหตุการณ์ปะทะที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ทำให้ไทยสูญเสียกำลังพลทหารกล้ารายที่ 5 หลังถูกสะเก็ดระเบิดจาก BM-21 ของกัมพูชา ขณะกำลังรักษาตัวที่ รพ.พนมดงรัก
พล.ท.บุญสิน พาดกลาง ที่ปรึกษาผู้บัญชาการทหารบก และอดีตแม่ทัพภาคที่ 2 ได้เดินทางมาที่โรงพยาบาลปราสาท อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ เพื่อเยี่ยมทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบจากแนวชายแดนไทย-กัมพูชา
พล.ท.บุญสินกล่าวว่า วันนี้ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ก็เดินทางลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ ทั้งในส่วนของกองทัพภาคที่ 1 และกองทัพภาคที่ 2 อย่างไรก็ตาม การปฏิบัติการทางทหารในการยึดคืนพื้นที่เรามีแผนอยู่แล้ว ก็คงเดินไปตามแผนนั้น ซึ่งเหมือนในการสู้รบครั้งที่แล้ว และกำลังพลที่ปฏิบัติก็ยังเป็นส่วนเดิม ซึ่งมีความพร้อม อย่างไรก็ตาม ก็พยายามให้สูญเสียน้อยที่สุด และขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน
เวลา 16.00 น. ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า มีการใช้อาวุธของฝ่ายกัมพูชาตั้งแต่ 7-10 ธ.ค.68 เวลา 15.00 น. ฝ่ายกัมพูชามีการใช้อาวุธ BM-21 จำนวน 79 ครั้ง ลูกจรวด 3,160 นัด, ใช้ปืนใหญ่ จำนวน 122 นัด และใช้โดรนทิ้งระเบิด (FPV) ต่อฝ่ายเรา จำนวน 63 ครั้ง 125 ลำ พื้นที่ช่องอานม้าฝ่ายกัมพูชาได้มีการปฏิบัติการโจมตีหลายครั้ง พื้นที่พระวิหารฝ่ายกัมพูชาใช้เครนก่อสร้างในพื้นที่เป็นจุดตรวจการณ์ โดยมีการติดตั้งกล้องและอุปกรณ์ตรวจจับด้วยสัญญาณเรดาร์ ทำให้ในห้วงที่ผ่านมาฝ่ายทหารไทยได้รับบาดเจ็บและสูญเสียชีวิต ในวันนี้จึงได้ดำเนินการยิงทำลายเครนก่อสร้างดังกล่าว เพื่อทำให้ฝ่ายกัมพูชาสิ้นสภาพขีดความสามารถทางทหาร
ขณะที่ กองทัพภาคที่ 1 ใน จ.สระแก้ว เวลา 09.00 น. บริเวณ 3 แนวรบหลัก ได้แก่ 1.บ้านคลองแผง อ.ตาพระยา มีการปะทะเป็นระยะ 2.บ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง มีการปะทะเป็นระยะ ฝ่ายกัมพูชาระดมยิง BM-21 ตกลงหมู่บ้าน 3.บ้านหนองจาน อ.โคกสูง มีการปะทะเป็นระยะ เวลา 10.00 น. กกล.บูรพา และกองทัพอากาศไทย (ทอ.) ร่วมกัน "ปฏิบัติการทางอากาศ" โดย F-16 โจมตีเป้าหมายทางทหารฝ่ายกัมพูชา 1 ที่หมายบริเวณชายแดน ตรงข้ามบ้านหนองจาน อ.โคกสูง จากนั้นเวลา 12.00 น. มีการเปิด 5 แนวรบหลัก 1.บ้านคลองแผง อ.ตาพระยา มีการปะทะเป็นระยะ 2.บ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง ยังมีการปะทะเป็นระยะ 3.บ้านหนองจาน อ.โคกสูง มีการปะทะเป็นระยะ 4.บ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ เฝ้าระวัง มีการปะทะเล็กน้อย และ 5.อำเภอคลองหาด พบรถสายพานฝ่ายกัมพูชาในพื้นที่ 3 คัน ฝ่ายไทยใช้อาวุธปืนใหญ่ยิงสกัด
ประกาศเคอร์ฟิว 4 อำเภอสระแก้ว
มีรายงานว่า พล.ต.เบญจพล เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา ลงนามในประกาศกองกำลังบูรพา ที่ 166/2568 เรื่อง ห้ามบุคคลออกนอกเคหสถานภายในระหว่างระยะเวลาที่กำหนด ลงวันที่ 10 ธ.ค.2568 ระบุว่า ด้วยพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พุทธศักราช 2457 กำหนดให้อำนาจแก่ฝ่ายทหารในเขตพื้นที่ประกาศกฎอัยการศึก เพื่อให้เกิดความมีเสถียรภาพ มีความมั่นคง มีความปลอดภัย เกิดความสงบสุขของประชาชนในพื้นที่ และรอดพ้นจากความหวาดระแวงภัยคุกคามจากภายนอกประเทศ เพื่อรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของชาติ รวมถึงชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย อาศัยอำนาจตามมาตรา 11(6) แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึกพุทธศักราช 2457 จึงกำหนดมาตรการรักษาความสงบเรียบร้อย ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ห้ามบุคคลออกนอกเคหสถานภายในระหว่างระยะเวลา 19.00-05.00 น. ในพื้นที่ 4 อำเภอ ตามแนวชายแดน ได้แก่ อำเภอตาพระยา อำเภอโคกสูง อำเภออรัญประเทศ และอำเภอคลองหาด, ข้อ 2 ใช้มาตรการตามกฎหมาย ให้การปฏิบัติยังคงเป็นไปตามพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พุทธศักราช 2457 อย่างเคร่งครัด อำนาจที่ให้นี้ ครอบคลุมถึงการควบคุมพื้นที่ การควบคุมบุคคล การตรวจค้น ที่อาจก่อให้เกิดความไม่สงบ หรือกระทบต่อความมั่นคง, ข้อ 3 การมีผลบังคับใช้ประกาศนี้ ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ลงนามเป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง เป็นอย่างอื่น
ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 สรุปสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ จ.สระแก้ว กกล.บูรพาปฏิบัติภารกิจ 5 พื้นที่ 1.บ้านคลองแผง อ.ตาพระยา สามารถยึดและควบคุมพื้นที่ได้บางส่วนนั้น ในวันนี้ถูกต้านทานอย่างหนักจากฝ่ายกัมพูชา โดยเฉพาะอาวุธวิถีโค้ง และจรวดหลายลำกล้อง BM-21 กว่า 80 นัด ทำให้ไม่สามารถยึดและควบคุมพื้นที่ได้อย่างสมบูรณ์ 2.บ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง ยึดและควบคุมพื้นที่เป็นที่เรียบร้อย 3.บ้านหนองจาน อ.โคกสูง อยู่ระหว่างการเข้าปฏิบัติการต่อที่หมาย 4.บ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ วางกำลังคุ้มครองพื้นที่ และ 5.อ.คลองหาด วางกำลังคุ้มครองพื้นที่ ซึ่งได้ตรวจพบรถสายพานลำเลียงพล 3 คัน ในพื้นที่ฝั่งตรงข้าม คาดว่าจะทำการเพิ่มเติมกำลังให้กับหน่วยทางด้านทิศเหนือ จึงใช้อาวุธปืนใหญ่ยิงขัดขวางการเคลื่อนที่ โดยปัจจุบันยังมีการตรึงกำลังของทั้ง 2 ฝ่าย
สำหรับประชาชนในพื้นที่ชายแดน จ.สระแก้ว ใน 4 อำเภอ ได้มีการอพยพแล้ว จำนวน 180,683 คน คิดเป็นร้อยละ 83 นอกจากนี้ได้รับรายงาน เมื่อเวลา 17.00 น. ชาวกัมพูชาที่อยู่ในพื้นที่ตลาดโรงเกลือ เริ่มทยอยเดินทางกลับประเทศ บริเวณด่านถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว โดยผ่านการตรวจสอบเอกสารก่อนเดินทาง ยอดรวมประมาณ 800 คน อย่างไรก็ตาม การประกาศเคอร์ฟิวของ กกล.บูรพา เพื่อป้องกันชาวกัมพูชาที่ยังอยู่ในพื้นที่ชายแดนฝั่งไทยอาจเป็นสายลับออกมาส่งพิกัดที่ตั้งทหารไทยให้ทหารกัมพูชา
ที่ศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชา ททบ.5 เวลา 16.00 น. พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงสรุปสถานการณ์ภาพรวมไทย-กัมพูชาว่า ขณะนี้การปฏิบัติการเกิดขึ้นตลอดแนวชายแดนทั้ง 7 จังหวัด
ส่วน น.อ.นรา คุณโฑถม ผู้ช่วยโฆษกกองทัพเรือ ชี้แจงปฏิบัติการตราดปรปักษ์ ซึ่งรับผิดชอบในพื้นที่บ้านชำราก อ.เมืองตราด ว่าเราพยายามทำลายอาวุธสนับสนุนของกัมพูชา เพื่อไม่ให้ต่อตีกำลังพลฝ่ายไทยที่จะเข้ายึดพื้นที่ได้ จากภาพจะเห็นหลุมปืนของฝ่ายกัมพูชาที่วางกำลังอยู่โดยรอบ และยิงสนับสนุนเข้าไปในพื้นที่บ้าน 3 หลัง ซึ่งขณะนี้ตัวบ้าน 3 หลังได้ถูกทำลายไปหมดแล้ว 100% แต่เนื่องจากยังมีกำลังพลกัมพูชาหลบอยู่ตามคูเลต ทำให้กำลังพลทหารราบนาวิกโยธิน (นย.) ยังไม่สามารถเข้าไปยึดพื้นที่ได้ เพราะยังมีการต่อต้านจากปืนใหญ่ และปืน ค.ของฝ่ายข้าศึก ดังนั้น 2 วันนี้ (9-10 ธ.ค.68) ฝ่ายไทยจึงต้องพยายามลิดรอนทำลายภัยคุกคามที่จะมีผลต่อฝ่ายไทย
“เรื่องการโจมตีตึกที่มั่นทางทหาร (กาสิโน) ไม่ได้โจมตีเพื่อทำลายตัวอาคาร แต่โจมตีเพื่อทำลายที่มั่นทางทหารของกัมพูชา เพื่อลดขีดความสามารถในการเป็นภัยคุกคามกับฝ่ายไทย ยืนยันว่าไทยตอบโต้ฝ่ายตรงข้ามอย่างมีสัดส่วน สมเหตุสมผล ไม่ได้ต้องการทำลายราบเป็นหน้ากลอง” ผู้ช่วยโฆษก ทร.ระบุ
พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงกรณีกระทรวงกลาโหมกัมพูชาออกแถลงการณ์ระบุฝ่ายไทยยิงแก๊สพิษ (ควันพิษ) เข้ามาในพื้นที่ ต.โอเบยเจือน อ.โอโจรว จ.บันเตียเมียนเจย ซึ่งเป็นเขตที่อยู่อาศัยของพลเรือนกัมพูชาว่า ขอให้กัมพูชาหยุดปล่อยข่าวปลอมหรือข้อมูลบิดเบือนซ้ำๆ ไม่มีการยิงแก๊สพิษหรือควันพิษตามที่กล่าวอ้าง
“จากที่กัมพูชาได้กล่าวว่ามีประชาชนหรือพื้นที่ของประเทศตน รวมถึงโบราณสถานที่สำคัญ อาทิ ปราสาทพระวิหาร และปราสาทตาควาย ได้รับความเสียหายนั้น จากหลักฐานการข่าวสามารถยืนยันว่ากัมพูชามีการใช้พื้นที่ชุมชนพลเรือน อาคารบ่อนกาสิโน และโบราณสถาน เป็นที่กำบังในการเปิดปฏิบัติการทางทหาร หรือใช้โล่มนุษย์ โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนประเทศตน” โฆษก ทบ.ระบุ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สภาเคาะ20หยิบ1 35อรหันต์ร่างรธน.
นับถอยหลัง “อนุทิน” จ่อดาบ พ.ร.ฎ.ยุบสภา ขณะที่สภาถก รนธ.วาระ 2 เคาะ "กมธ.ร่าง รธน.-กมธ.รับฟังความเห็น" สูตร 20 หยิบ 1
รับคดีพิเศษบ.สแกนม่านตา
“ดีเอสไอ" รับคดีบริษัทสแกนม่านตาแลกเหรียญดิจิทัลเป็นคดีพิเศษแล้ว
สำนึกกองทุนแม่แผ่นดิน คืนชีวิตผู้เสพกลับสังคม
พระราชวงศ์บำเพ็ญพระราชกุศลถวาย “สมเด็จพระพันปีหลวง”
'อนุทิน' ยังตอบไม่ได้ รบกัมพูชาจบเมื่อไหร่ บอกทรัมป์ต้องรับฟังสถานการณ์ให้ชัดเจนก่อน
นายกฯ เผย "ทรัมป์" ยังไม่ประสานมา ชี้การพูดคุยระดับผู้นำมีขั้นตอนอยู่ ยังไม่ตัดสินกลับไปโต๊ะเจรจา ยันไม่ได้โยนทหารตัดสินใจทุกเรื่อง ไม่ตอบจบเมื่อไหร่ เป็นเรื่องของความมั่นคง ย้ำ ไทยอยู่บนพื้นฐานรักษาอธิปไตย-ดินแดง-ความปลอดภัยประชาชน
16ธ.ค.เคาะคนละครึ่งเฟส2
"อนุทิน" ย้ำ "คนละครึ่งพลัส" เฟสสองทำแน่ ตราบใดยังมีอำนาจเต็ม "โฆษกรัฐบาล" เผยชงเข้า ครม.สัปดาห์หน้า คาดให้ 10 ล้านสิทธิ์
‘หนู’ปราบโกง ลุยอุดช่องโหว่ ใช้กม.เด็ดขาด
นายกฯ อนุทินนำปฏิญาณต่อต้านทุจริต หลัง CPI ไทยรั้งท้าย อันดับ 107 ของโลก

