ขอไฟเขียวงบคนละครึ่ง รับมีหลายนโยบายสะดุด

"บวรศักดิ์" นำทีมหารือ กกต.ขอใช้งบฯ โครงการคนละครึ่งพลัส เฟส 2-ครม.สัญจร ยันเป็นไปตามนโยบายที่ได้แถลง ไม่ใช่หาเสียงล่วงหน้า "เอกนิติ" รับยังมีอีกหลายนโยบายใหม่ๆ ที่ไม่ได้ไปต่อหลังรัฐบาลประกาศยุบสภา โยน กกต.พิจารณา ปลื้ม 2 เดือนลุยเข็นมาตรการฟื้นเศรษฐกิจดันไตรมาส 4 โตเกิน 1% มั่นใจทั้งปี 68 จีดีพีทะลุ 2% พร้อมโพสต์ขอบคุณนายกฯ ดึงทำงานเพื่อประเทศ

ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) วันที่ 15 ธันวาคม นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา นางณัฐฏ์จารี อนันตศิลป์ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี เข้าหารือกับ กกต.ซึ่งนำโดยนายณรงค์ กลั่นวารินทร์ ประธาน กกต.เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีรักษาการ ภายหลังมีพระราชกฤษฎีกายุบสภา โดยเฉพาะในเรื่องของการอนุมัติโครงการคนละครึ่งพลัส เฟส 2, การประชุม ครม.สัญจร ที่ต้องใช้งบประมาณตามกฎหมายและต้องขออนุญาตจาก กกต.

โดยนายบวรศักดิ์กล่าวก่อนเข้าหารือว่า เรื่องวันเลือกตั้งที่มีการระบุว่าจะเป็นวันอาทิตย์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 นั้นต้องถาม กกต. ใครพูดก็ไม่มีผล ส่วนเรื่องการจะทำประชามติในวันเดียวกับวันเลือกตั้งจะยังสามารถทำได้หรือไม่นั้น ก็ต้องมาถาม กกต.เหมือนกัน เพราะรัฐบาลทำไม่ได้ ต้องหารือกับ กกต.และต้องดูกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แต่คงจะมีการหารือกันในการประชุม ครม.วันอังคารนี้

นายบวรศักดิ์กล่าวด้วยว่า วันนี้ยังจะหารือเกี่ยวกับโครงการคนละครึ่งพลัส เฟส 2 กับ กกต.ด้วย เพราะรัฐบาลพูดไว้นานแล้ว และคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจก็พูดกันไว้แล้ว ส่วนที่มองว่าการอนุมัติโครงการดังกล่าวเป็นการหาเสียงก่อนการเลือกตั้ง นายบวรศักดิ์กล่าวว่า ก็ไม่รู้ ก็ต้องถาม กกต. เพราะโครงการคิดไว้ก่อนนานแล้ว มีการแถลงเป็นนโยบายว่าจะมีเฟส 2 จึงต้องมาถาม กกต.ถ้าบอกว่าทำไม่ได้ก็ไม่ทำ รัฐบาลจะฝืนทำไปทำไมถ้ามันทำไม่ได้

ด้านนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลอยู่ระหว่างการหารือกับ กกต.ว่าจะสามารถเดินหน้าโครงการคนละครึ่ง พลัส เฟส 2 ได้หรือไม่ ภายหลังจากที่รัฐบาลได้มีการประกาศยุบสภาไปก่อนหน้านี้ และต้องยอมรับว่ายังมีอีกหลายนโยบายใหม่ๆ ที่ไม่สามารถขับเคลื่อนได้หลังจากนี้  เช่นโครงการ Thailand Individual Savings Account: TISA ซึ่งเป็นโครงการบัญชีออมและลงทุนส่วนบุคคลรูปแบบใหม่ เพื่อส่งเสริมการออมระยะยาวและกระตุ้นตลาดทุน

นายเอกนิติกล่าวว่า สำหรับโครงการคนละครึ่งพลัส  เฟสแรกนั้น ได้ก่อให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจผ่านการใช้จ่ายกว่า 7 หมื่นล้านบาท โดยเป็นการใช้จ่ายใน กทม.เพียง 17% เท่านั้น ที่เหลือกระจายอยู่ในทั่วประเทศ สะท้อนถึงความสำเร็จของมาตรการที่ต้องการเน้นการกระจายตัวเป็นหลัก ยอมรับว่ารัฐบาลได้ประกาศยุบสภาเร็วกว่าที่แถลงนโยบายไว้ คือวันที่ 31 ม.ค. 2569 แต่ไม่ได้แตกต่างไปจากสิ่งที่ได้คาดการณ์ไว้ เพียงแต่ระยะเวลาในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่านนโยบายใหม่ๆ สั้นลง จากเดิมที่ได้ออกแบบมาตรการภายใต้การทำงาน 4 เดือน ทำให้ความต่อเนื่องในการขับเคลื่อนมาตรการใหม่ๆ อาจจะทำไม่ได้แล้ว แต่ยืนยันว่าการทำงานทุกอย่างด้านเศรษฐกิจยังอยู่ในกรอบ Quick Big Win เหมือนเดิม และรัฐบาลได้ขับเคลื่อนมาตรการต่างๆ ผ่าน 5 เสาหลัก 1 ฐานรากเสร็จเรียบร้อยแล้วเกือบ 99% และผลของมาตรการเริ่มออกมาแล้ว ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจในช่วงเปลี่ยนผ่าน ให้สามารถเติบโตได้ในอนาคตอย่างมั่นคง

 “ตอนนี้นโยบายใหม่ๆ คงทำไม่ได้เลย ดังนั้นระหว่างนี้รัฐบาลคงเดินหน้านโยบายเดิมที่ได้มีการอนุมัติเรียบร้อยแล้ว เช่นการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนภาคประชาชน ที่มีหนี้เสียไม่เกิน 1 แสนบาทต่อราย ที่จะเริ่มเดินหน้าตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2569 โดยมีเป้าหมาย 2 ล้านราย ส่วนการแก้หนี้เฟส 2 สำหรับลูกหนี้กลุ่มนอนแบงก์ ซึ่งมีเป้าหมาย 3.4 ล้านราย ก็อาจจะต้องรอไปก่อน รวมถึงมาตรการในการให้ความช่วยเหลือเอสเอ็มอี วงเงินกว่า 3.2-3.3 แสนล้านบาท  ทั้งในส่วนของคลังและ ธปท. รวมถึงการคืนเม็ดเงินภาษีให้เอสเอ็มอี ที่ตั้งเป้าว่าภายในไตรมาส 4/2568 จะคืนภาษีให้เอสเอ็มอี 6 หมื่นล้านบาท ตลอดจนโครงการออมพลัส ของ สบน.ที่ยังคงเดินหน้าได้” นายเอกนิติกล่าว

รองนายกฯ และ รมว.การคลังระบุว่า เชื่อมั่นว่าจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ที่รัฐบาลได้เร่งผลักดันออกมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เข้ามาเป็นรัฐบาลในวันที่ 30 ก.ย. 2568 ทั้งโครงการคนละครึ่งพลัส, การเติมเงินผ่านบัตรสวัสดิการ, การแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน และมาตรการ Thailand Fast Pass เพื่อสนับสนุนให้เกิดการลงทุน 4.7 แสนล้านบาท รวมถึงการอนุมัติโครงการลงทุน 1.6 แสนล้านบาท ที่ขอรับสิทธิประโยชน์จากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน จะเป็นปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีนี้จนถึงปีถัดๆ ไป รวมถึงเชื่อว่าจะช่วยให้เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4/2568 ไม่ติดหล่ม สามารถขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 1% และทั้งปี 2568 มั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 2% 

"วันนี้เราต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กลับมา ผ่านความเข้มข้นด้านวินัยการคลังที่หลายคนอาจจะไม่ชอบ แต่ก็เป็นการวางรากฐานให้เศรษฐกิจ และเชื่อว่าหลายๆ มาตรการที่รัฐบาลผลักดันจนเสร็จสิ้น จะเป็นพลังต่อเนื่องไปยังเศรษฐกิจในปี 2569 ให้หมุนต่อไปได้ แม้จะออกนโยบายใหม่ไม่ได้” นายเอกนิติระบุ

อย่างไรก็ดี นายเอกนิติยิ้มรับและระบุเพียงว่า "เป็นเกียรติ" กรณีที่มีการสอบถามว่า ได้มีการตอบรับเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทยหรือไม่

 ทั้งนี้ นายเอกนิติได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว "Ekniti Niti" ระบุว่า "ขออนุญาต share ประสบการณ์อันมีค่าสำหรับผมในการเป็นรองนายกฯ และ รมว.คลัง ในช่วงที่ผ่านมา 1.การออกแบบนโยบาย ‘Quick Big Win’ นโยบายที่ออกแบบจะต้องทำได้จริง มุ่งแก้ปัญหาทั้งระยะสั้นและยาว เห็นผลเป็นรูปธรรม และคำนึงถึงความคุ้มค่าของทรัพยากรที่มีจำกัด และวินัยการคลังควบคู่กันไป เช่น คนละครึ่งพลัส (เสาที่ 1) ที่เน้นกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น 2.หัวใจการขับเคลื่อนนโยบายทุกเสาหลัก คือการ "บูรณาการ" (Agile) ของทั้งภาครัฐและภาคเอกชน 3.การออกแบบนโยบายจะไม่ประสบความสำเร็จเลย หากเราไม่รับฟังปัญหาที่แท้จริงของ "customer" ในที่นี้หมายถึงผู้ประกอบการ 4.การออกแบบนโยบายเศรษฐกิจ และการดำเนินงานทั้งหมดต้องตั้งอยู่บน "วินัยการเงินการคลัง" 5. อีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือ "เวลา" และ "ความต่อเนื่อง" เพื่อให้ทุกมาตรการมีผลเป็นรูปธรรม

"สุดท้าย ขอขอบคุณทีมงานเบื้องหน้าและเบื้องหลัง   และท้ายสุด กราบขอบพระคุณท่านนายกรัฐมนตรี ที่เห็นความตั้งใจ ความจริงใจ และให้โอกาสผมเข้ามาช่วยดูแลเศรษฐกิจของประเทศในช่วงเปลี่ยนผ่านที่สำคัญนี้” นายเอกนิติระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ยึด‘ตาควาย’ได้100%

“นายกฯ” นัดถก สมช. 16 ธ.ค. ย้ำต้องปะทะเพื่อหยุดปะทะ ลั่นพื้นที่ที่เราสถาปนาชัดเจนอยู่แล้วว่าตรงไหนต้องเป็นของเรา

'บวรศักดิ์' นำทีมถก 'กกต.' ขอใช้งบ 'คนละครึ่งเฟส 2' ปัดหาเสียงล่วงหน้า

'บวรศักดิ์' นำทีมหารือ 'กกต.' ขอใช้งบประมาณโครงการคนละครึ่งเฟส 2 - ครม.สัญจร ยันเป็นไปตามนโยบายที่แถลงไม่ใช่หาเสียงล่วงหน้า เตรียมพิจารณาคำถามประชามติอังคารนี้