“กกต.” ออกกฎเหล็กตรวจสอบนโยบายประชานิยม พรรคการเมืองจะใช้หาเสียง กำหนดต้องแจ้ง 20 วันก่อนหย่อนบัตร ตั้งกูรู ศก.-การคลัง-นโยบายสาธารณะ นั่ง “กก.ตรวจสอบ” ติดดาบให้อำนาจเรียกพรรคการเมืองแจง ก่อนเสนอความเห็น กกต.พิจารณา “แสวง”ยันพร้อมจัดเลือกตั้งควบทำประชามติ ไม่หวั่นสถานการณ์ชายแดน บอกวางแผนรับสถานการณ์พิเศษไว้แล้ว เตือนเวทีประชามติห้ามหาเสียง ชี้ตามหลัก กม.คำถามประชามติ “ครม.” ต้องเลือกไม่ใช่ "กกต." นายกฯ เรียก "ครม.นัดพิเศษ" ถกด่วน 18 ธ.ค. เคาะคำถามประชามติ หลังโดนตีกลับให้เลือกมาคำถามเดียว “ภท.” เปิดสโลแกน “พูดแล้วทำ Plus” สู้เลือกตั้ง “สีหศักดิ์” เข้าภูมิใจไทย อ้างแค่มาถ่ายรูปไม่เกี่ยวแคนดิเดตนายกฯ “อนุทิน” กั๊กบอกแคนดิเดตของพรรคอยู่ใกล้แล้ว รอเปิดตัวฤกษ์สะดวก “เท้ง” ติวเข้มว่าที่ผู้สมัคร สส.ปชน.มาครบ 400 เขต 100 บัญชีรายชื่อ “พท.” โอ่ 3 แคนดิเดตเสียงตอบรับดี “กธ.”คึก! ธรรมนัสลั่นจัดเต็มทุกเขต เผยมีนักการเมืองผู้ใหญ่เป็นแคนดิเดตนายกฯ “ปชป.” เปิด 100 ชื่อปาร์ตี้ลิสต์ “อภิสิทธิ์-ชวน” นำทีม
เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2568 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการตรวจสอบนโยบายที่ต้องใช้จ่ายเงินของพรรคการเมืองที่ใช้ในการประกาศโฆษณา พ.ศ. 2568 หรือที่เรียกว่านโยบายประชานิยม มีนายณรงค์ กลั่นวารินทร์ ประธาน กกต.ลงนามเมื่อวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยสาระสำคัญนอกจากจะกำหนดให้การกำหนดนโยบายของพรรคการเมืองที่จะใช้ในการโฆษณาหาเสียง ต้องคำนึงถึงความเห็นของสาขาพรรคการเมือง ตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด และต้องมีการระบุถึงวงเงินที่จะใช้ ที่มาของเงินที่จะใช้ในการดำเนินการ ความคุ้มค่าประโยชน์ในการดำเนินนโยบาย ผลกระทบและความเสี่ยงในการดำเนินนโยบายตามที่มาตรา 57 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 กำหนดแล้ว ยังกำหนดเวลาให้พรรคการเมืองต้องรายงานนโยบายดังกล่าวต่อ กกต.ก่อนวันเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 20 วัน และกำหนดให้ กกต.สามารถตั้งคณะกรรมการตรวจสอบขึ้นชุดหนึ่ง
ซึ่งกรรมการที่ได้รับแต่งตั้งอย่างน้อยต้องเป็นผู้มีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ในด้านใดด้านหนึ่งเกี่ยวกับการเงินการคลัง นโยบายสาธารณะและเศรษฐกิจมหภาค มีหน้าที่ตรวจสอบนโยบายดังกล่าวของพรรคการเมือง เรียกเอกสารหลักฐาน หรือให้พรรคการเมืองชี้แจงเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการได้ และกรณีที่พรรคการเมืองยังดำเนินการไม่ครบถ้วนถูกต้อง คณะกรรมการตรวจสอบก็สามารถเสนอต่อ กกต.ให้สั่งพรรคการเมืองดำเนินการให้ครบถ้วนถูกต้องภายในระยะเวลาที่กำหนด รวมทั้งเมื่อตรวจสอบแล้ว สามารถมีข้อเสนอแนะ หรือข้อสังเกตต่อนโยบายของพรรคการเมือง เพื่อประกอบการพิจารณาของ กกต.ได้ และเมื่อ กกตได้รับรายงานก็ต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จโดยเร็ว พร้อมเผยแพร่ให้ประชาชนทราบ
ทั้งนี้ ตามแบบฟอร์มแนบท้ายประกาศ ซึ่งเป็นเอกสารที่พรรคการเมืองต้องกรอกรายละเอียดเพื่อยื่นต่อกกต.นั้น ยังมีการระบุด้วยว่า การหาเสียงเลือกตั้งของผู้สมัครและพรรคการเมืองต้องไม่ขัดหรือแย้งกับแนวทางที่กำหนดเป็นนโยบายของพรรคการเมืองตามมาตรา 74 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 รวมถึงบทกำหนดโทษกรณีพรรคการเมืองใดไม่ทำรายการให้ครบถ้วน กกต.จะสั่งให้ดำเนินการจัดทำรายการให้ครบถ้วนและถูกต้องภายในระยะเวลาที่กำหนด หากไม่ดำเนินการต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 500,000 บาท และปรับอีกวันละ 10,000 บาทตลอดระยะเวลาที่ยังไม่ปฏิบัติให้ถูกต้องตามมาตรา 121 ของกฎหมายเดียวกัน
ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงการจัดทำประชามติว่า วันที่ 16 ธ.ค. รัฐบาลได้ส่งหนังสือเรื่องการขอให้ กกต.จัดทำประชามติมาถึง กกต. ตามมาตรา 15 ของ พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ 2564 โดยมีรายละเอียด 5 เรื่อง เช่น เหตุผลความจำเป็น สาระสำคัญของเรื่องที่จะทำประชามติ งบประมาณตามกฎหมายกำหนดเพื่อให้ กกต.เตรียมเอกสารที่จะส่งให้ประชาชน ซึ่งยังถือว่ากระบวนการประชามติยังไม่เริ่ม 100% ต้องรออีก 15 วัน ที่กฎหมายกำหนดให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ประกาศวันออกเสียงประชามติ ซึ่งจะตรงกับวันเลือกตั้งที่ 8 ก.พ. แต่โดยกฎหมายและการบริหารของ กกต.สามารถทำประชามติในวันเดียวกันกับวันเลือกตั้งได้ และ กกต.ได้ให้ข้อมูลนี้แก่รัฐบาลไปแล้วในวันที่มีการหารือร่วมกัน ดังนั้นกกต.พร้อมแต่อยู่ที่รัฐบาลจะคิดอย่างไร เพราะตอบแทนไม่ได้
กกต.พร้อม ลต.ควบประชามติ
นายแสวงอธิบายถึงการหาเสียงเลือกตั้งและการรณรงค์การออกเสียงประชามติว่า การหาเสียงคือการที่พรรคหาคะแนนนิยม เพื่อให้ประชาชนเลือกผู้สมัครหรือพรรคของตัวเอง แต่การทำประชามติคือการให้ข้อมูลความรู้สาระสำคัญของประเด็นที่จะทำประชามติ เพื่อให้ประชาชนพิจารณาว่าจะเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ ซึ่งหน่วยงานที่จะให้ กกต.จัดทำประชามติได้ส่งข้อมูลมาให้ กกต.เพื่อเผยแพร่แก่ประชาชนแล้วตามมาตรา 15 ส่วนที่ 2 คือการจัดให้มีการแสดงความคิดเห็นทั้งสองฝ่าย ทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ซึ่งก็ใช้ระยะเวลาอีกช่วงหนึ่งในการดำเนินการ
"จริงๆ ประเด็นหาเสียงเป็นการเสนอแนวทางและนโยบายว่าพรรคจะทำอะไร แต่เมื่อขึ้นเวทีประชามติเหมือนเรื่องการแสดงความคิดเห็น เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยเราต้องพูดเฉพาะเนื้อหา ไม่ใช่การหาเสียง ซึ่งมันต้องแยกกันชัด และในข้อมูลที่เขาส่งมาตามมาตรา 15 ต้องไม่เป็นการชี้นำ ต้องเป็นกลาง ซึ่งการจัดเวทีแสดงความคิดเห็นกกต. ก็ต้องจัดให้ทัดเทียมกันทั้งฝ่ายเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย” นายแสวงกล่าว
ซักว่า เวทีปราศรัยหาเสียงของพรรคสามารถบอกเลยได้หรือไม่ว่า ประชาชนควรจะเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบกับประชามติ เลขาฯ กกต.กล่าวว่า พรรคต้องบอกว่านโยบายของพรรคเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ อย่างนี้พูดได้เพราะเป็นการหาเสียง แต่ในเวทีประชามติคนที่พูดไม่ใช่พรรค แต่เป็นเวทีของฝ่ายที่เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับประเด็นประชามติ ซึ่งหากพรรคอยากพูดก็ต้องไปลงทะเบียนเป็นฝ่ายเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ ซึ่งใช้กฎหมายคนละฉบับ ดังนั้นการหาเสียงของพรรคจึงทำได้เพียงเสนอว่าพรรคมีนโยบายเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างไร แต่ไม่ใช่ไปบอกว่าจะเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ เพราะถ้าทำเช่นนั้นมันจะเป็นเรื่องของการทำประชามติไปแล้ว
"ผู้สมัครและพรรคต้องระวัง ต้องคิดว่าขณะที่พูดในเวทีกรอบกฎหมายเลือกตั้งหรือในกรอบการทำประชามติ ถ้าพูดในกรอบประชามติต้องไปลงทะเบียนว่าเป็นฝ่ายเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย เนื่องจากมีเวทีให้แสดงความคิดเห็นอยู่ แต่ถ้าพูดในฐานะ สส.มันเปิดกว้าง พูดอย่างไรก็ได้ แต่อย่าไปพูดว่าควรเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ จะข้ามไปกฎหมายการทำประชามติ" เลขาฯ กกต.กล่าว
ถามถึง ครม.เตรียมหารือในเรื่องคำถามที่จะทำประชามติ ว่าจะใช้คำถามที่รัฐสภาส่งผ่าน ครม.หรือ ครม.เป็นผู้คิดคำถาม นายแสวงกล่าวว่า กกต.ขอเวลาดูรายละเอียดหนังสือที่ ครม.ส่งมาก่อน แต่โดยหลักกฎหมายแล้วให้เป็นอำนาจของหน่วยงานที่ส่งเรื่องมาให้ทำประชามติ ไม่ใช่ กกต.เป็นผู้เลือกคำถาม ซึ่งยังไม่ขอตอบว่า ครม.ส่งคำถามมาตามวงเล็บไหนของกฎหมายการทำประชามติ จึงขอไปดูหนังสือก่อน ส่วนงบประมาณในการจัดทำประชามติ ถ้าไม่รวมกับการจัดการเลือกตั้งจะใช้ใกล้เคียงกับการเลือกตั้ง เพราะผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีจำนวน 53 ล้านคน ซึ่งถ้าแยกกันทำก็จะรวมประมาณหมื่นล้านบาท แต่ถ้าจัดพร้อมกันก็จะอยู่ที่ 8 พันล้านบาท
เมื่อถามถึงกรณีเหตุสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา ถ้าเกิดในช่วงเลือกตั้งจะจัดเลือกตั้งได้หรือไม่ นายแสวงกล่าวว่า เรามีวิธีบริหารจัดการ เราคงอยากให้การเลือกตั้งเป็นไปตามกำหนดวัน ทั้งนี้ก็ต้องอาศัยความร่วมมือของผู้มีสิทธิเลือกตั้งด้วยในการแก้ปัญหา ซึ่งเราอำนวยความสะดวกอยู่แล้วอาจจะไม่ลำบากอะไร ซึ่งหากเป็นเพียงสถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดน เรามีแผนบริหารจัดการอยู่แล้ว แต่หากมีการประกาศกฎอัยการศึก ต้องดูว่าประกาศแบบไหนดูสาระสำคัญของกฎอัยการศึก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เบื้องต้น กกต.สำรวจพื้นที่ที่มีสถานการณ์สู้รบไทย-กัมพูชา พบว่ามีอยู่ใน 7 จังหวัดรวม 16 เขตเลือกตั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ (17 ธ.ค.) กกต.จัดกิจกรรมประชุมชี้แจงแนวทางการดำเนินกิจการของพรรคการเมืองครั้งที่ 1 เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจข้อกฎหมายและเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคการเมือง และการจัดสรรเงินอุดหนุนของกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองประจำปี 2569 โดยมีตัวแทนของพรรคการเมืองเข้าร่วมกิจกรรม
นายแสวงกล่าวว่า สถานการณ์บ้านเมืองในครั้งนี้ 2 เรื่อง คือพรรคจะต้องเตรียมพร้อมในการเลือกตั้ง และเป็นครั้งแรกที่จะมีการเลือกตั้ง สส.และการออกเสียงประชามติ พร้อมกัน จากนี้เรื่องประชามติเกี่ยวกับพรรคอยู่บ้าง แม้ ครม.จะเป็นผู้ส่งเอกสาร เพราะเป็นเรื่องของรัฐธรรมนูญ กติกาสูงสุดของประเทศ สองเรื่องเกี่ยวเนื่องไปกับการเลือกตั้ง ส่วนอำนาจประกาศวันทำประชามติเป็นอำนาจ ครม. นายกรัฐมนตรี จึงต้องติดตามว่าจะมีความชัดเจนวันไหน กกต.เพียงรับไม้ต่อจัดการออกเสียงให้สำเร็จ
“ครม.ส่งประเด็นที่รัฐสภาส่งมาให้ กกต.แล้ว โดยต้องรออีก 15 วัน หรือในวันที่ 31 ธ.ค.จะทราบวันออกเสียงประชามติ อาจจะตรงกับวันเลือกตั้งหรือไม่ตรงก็ได้ แต่ทั้งสองกิจกรรมมีความสัมพันธ์กัน” นายแสวงกล่าว
ครม.นัดเคาะคำถามประชามติ
มีรายงานว่า ในวันที่ 18 ธ.ค. เวลา 10.30 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ได้เรียกประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.นัดพิเศษ) ครั้งที่ 3/2568 ที่ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล โดยมีวาระสำคัญเพียงเรื่องเดียวคือ กรณีคำถามประชามติ ซึ่ง ครม.เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.ได้มีมติส่งให้ กกต. 2 คำถามคือ 1.“ท่านเห็นด้วยหรือไม่ที่จะให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่” ซึ่งเป็นมติที่ประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ 11 ธ.ค. และ 2.“ท่านเห็นชอบว่าสมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่” ซึ่งเป็นไปตามที่ ครม.กำหนด เป็นไปตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้มีรายงานว่า กกต.ได้มีหนังสือตอบกลับมาที่ ครม.ว่า กกต.ไม่มีอำนาจในการเลือกคำถามประชามติ ครม.ต้องมีมติเลือกเพียงคำถามเดียว แล้วส่งมาให้ กกต.ดำเนินการ ซึ่งในการประชุม ครม.นัดพิเศษจะหารือกันเพื่อเลือกคำถามเดียว
ที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย โฆษกพรรค ภท. กล่าวถึงความพร้อมในการเลือกตั้งว่า การเลือกตั้งรอบนี้พรรค ภท.จะใช้สโลแกนพูดแล้วทำ Plus (พลัส) ซึ่งยังคงยืนหยัดในอุดมการณ์และจุดยืนเดิม การเป็นพรรคที่เมื่อพูดแล้วจะต้องทำ และทำให้สำเร็จ ส่วนคำว่า Plus เป็นการขยายความสิ่งที่พรรคได้พูดแล้วทำต่อไป เป็นการขยายแนวนโยบาย ทำให้ประชาชนได้เห็นสิ่งที่พรรคทำสำเร็จมาแล้ว หรือสิ่งที่กำลังดำเนินการอยู่ในช่วงที่นายอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรี 2 เดือนกว่าที่ผ่านมา
ในเวลา 12.00 น. นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.การต่างประเทศ เดินทางเข้าพรรค ภท. โดยผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่าเดินทางมาทำอะไร นายสีหศักดิ์ตอบว่า มาพูดคุยปกติ เมื่อถามว่าจะลงสมัคร สส.แบบแบ่งเขตหรือปาร์ตี้ลิสต์ นายสีหศักดิ์กล่าวว่า ยังไม่ได้คิดจุดนั้น ตอนนี้ยังไม่ได้คิดเรื่องการเมือง เขาเรียกให้มาถ่ายรูปก็มาถ่ายไว้ก่อน เมื่อถามย้ำว่าจะถึงขั้นเป็นแคนดิเดตนายกฯ เลยหรือไม่ นายสีหศักดิ์นิ่งไปครู่หนึ่งและตอบว่า คงไม่หรอกครับ เพราะตอนนี้เป็น รมว.การต่างประเทศอยู่
ถามว่า กรณีที่นายอนุทินมีแผนสำรองที่นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ ไม่ตอบรับเป็นแคนดิเดตนายกฯ นายสีหศักดิ์กล่าวว่า “ผมไม่ทราบเหมือนกัน เค้าให้มาถ่ายรูป ผมก็มาถ่ายรูป” พร้อมหัวเราะ ถามต่อว่านายอนุทินเชิญให้เป็นแคนดิเดตนายกฯ หรือไม่ นายสีหศักดิ์ระบุว่า ขณะนี้มีอยู่แล้วสองท่าน ก็ตามนั้นไปก่อน ส่วนตนยังไม่ได้คิด ถูกเรียกให้มาถ่ายรูปก็มาถ่ายรูปไว้ก่อน
ต่อมาเวลา 14.05 น. นายสีหศักดิ์ให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงเรื่องแคนดิเดตนายกฯ ว่า เขามีอยู่แล้ว 2 คน เมื่อถามว่านายสีหศักดิ์เป็นคนที่ 3 ใช่หรือไม่ นายสีหศักดิ์ย้ำว่ามีได้ 2 คน คนที่มีอยู่แล้วก็เหมาะสมดี ที่มาถ่ายรูปเพราะเขาบอกให้มาถ่าย ไม่ได้ถูกทาบทามลงสมัคร สส.หรือเป็นแคนดิเดตนายกฯ เมื่อถามว่าสนใจเล่นการเมืองหรือไม่ นายสีหศักดิ์กล่าวว่า ไม่ได้สนใจ แต่สนใจทำหน้าที่ รมว.ต่างประเทศให้ดีที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างสัมภาษณ์นายสีหศักดิ์ นายอนุทินในฐานะหัวหน้าพรรค ภท.ได้เดินทางเข้ามาที่ทำการพรรคภูมิใจไทย ทำให้สื่อเข้าไปสอบถามนายอนุทิน ว่าได้ทาบทามนายสีหศักดิ์เป็นแคนดิเดตนายกฯ ด้วยหรือไม่ นายอนุทินไม่ตอบ แต่ได้จับมือนายสีหศักดิ์ชูขึ้น พร้อมจูงมือกลับขึ้นไปบนพรรค ก่อนระบุว่าเดี๋ยวจะขึ้นไปคุยงานข้างบน ผู้สื่อข่าวจึงถามว่า นายสีหศักดิ์เป็นแผนสำรองที่นายกฯ เคยระบุไว้หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า นายสีหศักดิ์เป็นสำรองใครได้ พร้อมบอกว่าไม่มีแผนสำรอง มีแต่แผนหลัก
ในช่วงท้ายผู้สื่อข่าวยังสอบถามอีกว่า นายสีหศักดิ์ เป็นแคนดิเดตนายกฯ ได้หรือไม่ นายอนุทินไม่ได้ตอบ เพียงแค่ยิ้มให้สื่อ และขึ้นไปชั้นบนที่ทำการพรรคทันที
ต่อมานายอนุทินให้สัมภาษณ์ถึงแคนดิเดตนายกฯ ว่ายังคงเป็นนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกฯ และ รมว.การคลัง กับนางศุภจีอยู่หรือไม่ว่า ใกล้แล้วๆ เมื่อถามย้ำว่านายเอกนิติและนางศุภจีตอบรับแล้วหรือไม่ นายอนุทินย้ำว่าใกล้แล้ว
ถามว่า พรรค ภท.เปิดแคนดิเดตนายกฯ ช้าจะเสียเปรียบพรรคอื่นหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า วันโหวตวันเดียวกัน ซักว่า ฤกษ์งามยามดีที่จะเปิดตัวแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคคือเมื่อไร นายอนุทินกล่าวว่า ฤกษ์สะดวก ผู้สื่อข่าวจึงถามต่อว่าสะดวกวันไหน นายอนุทิน กล่าวว่า วันที่สะดวก
ส่วนนายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ในฐานะเลขาธิการพรรค ภท. กล่าวยอมรับจะลงสมัคร สส.บัญชีรายชื่อพรรคลำดับที่ 2 ในการเลือกตั้งที่จะมาถึง เช่นเดียวกับ น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รมว.วัฒนธรรมว่า ตอนนี้เขตเลือกตั้งในจังหวัดอุทัยธานีเต็มหมดแล้ว จะต้องลงระบบปาร์ตี้ลิสต์
‘ปชน.-กธ.’ ส่งครบ 400 เขต
ที่พรรคประชาชน (ปชน.) มีการจัดสัมมนาว่าที่ผู้สมัคร สส.ทั้งแบบแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อ โดยพรรคยืนยันว่าส่งผู้สมัครครบทั้ง 400 เขต และได้จัดทำบัญชีรายชื่อครบ 100 คนเรียบร้อย เพื่อเตรียมการทำไพรมารีตามขั้นตอนทางกฎหมาย ก่อนจะถึงวันรับสมัครอย่างเป็นทางการในวันที่ 27 ธ.ค. 2568 โดยนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค ปชน.ขึ้นกล่าวต้อนรับว่าที่ผู้สมัคร สส. โดยย้ำถึงความสำคัญของการเลือกตั้งในฐานะวันตัดสินอนาคตประเทศไทย ว่าจะเดินหน้าต่อไปสู่การจัดการปัญหาเรื้อรังอย่างเต็มรูปแบบ หรือจมดิ่งสู่ความเทาให้ทุนเทาดำยึดประเทศ
มีรายงานว่า ภายหลังพรรค ปชน.ได้สรรหาและประเมินว่าที่ผู้สมัคร สส.แล้ว พรรคจะมีการนัดสัมมนาว่าที่ผู้สมัคร สส.แบบแบ่งเขตทั้ง 300 คน รวมถึงว่าที่ผู้สมัคร สส.แบบบัญชีรายชื่อ 100 คน เพื่อเตรียมความพร้อมทั้งด้านนโยบายและการลงพื้นที่หาเสียง ระหว่างวันที่ 17-18 ธ.ค.นี้ด้วย โดยรายชื่อของว่าที่ผู้สมัคร สส.ในพื้นที่กรุงเทพมหานครทั้ง 33 เขต ส่วนใหญ่เป็นผู้สมัครคนเดิมกับการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา แต่มี 10 เขตที่มีการเปลี่ยนตัวผู้สมัคร
ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) บรรดาสมาชิก สส. แกนนำ และกรรมการบริหารพรรคทยอยเดินทางเข้ามากันอย่างต่อเนื่อง อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แคนดิเดตนายกฯ และน.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เพื่อปฏิบัติงานและประชุมหารือตามปกติ โดยจะมีการหารือถึงกระแสตอบรับภายหลังจากที่เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมาได้เปิดตัวแคนดิเดตนายกฯ
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรค พท.และแคนดิเดตนายกฯ กล่าวถึงการประชุมเพื่อวางแผนยุทธศาสตร์ในการเตรียมความพร้อมเลือกตั้งว่า เรามีการประชุมกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีการหารือเกี่ยวกับเรื่องการเลือกตั้ง รวมถึงมีการประเมินกระแสหลังจากที่มีการเปิดตัวแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคทั้ง 3 คนแล้วว่าเป็นอย่างไร ทั้งในโซเชียลมีเดีย ซึ่งถือว่าได้รับความสนใจสูง
ที่พรรคกล้าธรรม (กธ.) ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกฯ และ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรค กธ. กล่าวถึงการวางตัวผู้สมัคร สส.ว่า ตอนนี้วางตัวได้ประมาณ 85% แล้ว ส่วนแคนดิเดตนายกฯ นั้นยังมีผู้หลักผู้ใหญ่ที่ยังไม่เป็นข่าวจะเข้ามาอีกหลายคน ต้องรอกันก่อน เมื่อถามว่าเป็นคนนอก เป็นนักธุรกิจ ใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ไม่เกี่ยวกับคนปัจจุบันนี้ เดี๋ยวเขาก็เข้ามา เมื่อถามย้ำว่า หมายความว่าไม่ต้องเป็นสมาชิกพรรค อาจจะเป็นนักธุรกิจหรือคนดัง พอเปิดตัวแล้วเป็นที่รู้จักของสังคมใช่หรือไม่ มีความชำนาญด้านไหน ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ก็เป็นนักการเมืองอยู่
ถามว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะส่งครบทั้ง 400 เขตใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ส่งครบทั้ง 400 เขต ส่วนวันรับสมัครรับเลือกตั้ง 27 ธ.ค. คณะกรรมการบริหารพรรคจะพาผู้สมัครไปสมัคร
มาร์ค-ชวนนำทีม 100 ปาร์ตี้ลิสต์
มีรายงานว่า นายเดชอิศม์ ขาวทอง อดีตเลขาฯ พรรคปชป. ส่งลูกชาย 2 คนลงสมัคร สส.สงขลา ในนามพรรค กธ. ซึ่งได้สมัครสมาชิกพรรคเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยในเขต 5 เขตเดิมของนายเดชอิศม์ จะส่งนายวงศ์วชิระ ขาวทอง ลงแทน ส่วนเขต 6 สงขลา นายบารมี ขาวทอง จะถูกส่งลงแทนนางสุภาพร กำเนิดผล ภรรยานายเดชอิศม์
ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ เลขาธิการพรรค ปชป. กล่าวถึงการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส.ของพรรคว่า จะสามารถเปิดตัวผู้สมัครได้ในวันที่ 25 ธ.ค.นี้ เนื่องจากจะต้องรอคณะกรรมการบริหารพรรครับรองให้ความเห็นชอบก่อน ซึ่งจะมีการประชุมในสัปดาห์หน้า แต่ว่าที่ผู้สมัคร สส.กรุงเทพฯ สามารถเปิดตัวได้ในวันที่ 22 ธ.ค.นี้ เนื่องจากได้ดำเนินการไพรมารีโหวตในพื้นที่เสร็จแล้ว
ถามถึงแคนดิเดตนายกฯ นายชัยวุฒิกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการบริหารพรรคจะพิจารณา ซึ่งรายชื่ออีก 2 บุคคลนั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค อยู่ระหว่างการพิจารณา จะเป็นผู้สมัคร สส.ของพรรคหรือคนนอก โดยคาดว่าจะสามารถเปิดตัวได้ในวันเปิดตัวผู้สมัคร สส.
“การส่งผู้สมัคร สส.แบบแบ่งเขตครั้งนี้ พรรคตั้งใจจะส่งครบ 400 เขต แต่ก็ยังมีปัญหาที่ว่าที่ผู้สมัครบางคนขาดคุณสมบัติ เช่นไม่ได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งท้องถิ่นก่อนหน้านี้ ซึ่งจะพยายามส่งให้ใกล้เคียง 400 เขตให้ได้มากที่สุด” นายชัยวุฒิกล่าว
มีรายงานว่า นายสาธิต ปิตุเตชะ ประธานคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรรับเลือกตั้งพรรค ปชป. ได้ลงนามประกาศรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส.แบบบัญชีรายชื่อ (ปาร์ตี้ลิสต์) เพื่อรับฟังความเห็นการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส.จำนวน 100 ราย โดยเรียงตามตัวอักษร อาทิ นายอภิสิทธิ์, นายชวน หลีกภัย อดีตหัวหน้าพรรค นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ เลขาธิการพรรค นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรค นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ อดีตหัวหน้าพรรค ดร.การดี เลี่ยวไพโรจน์ รองหัวหน้าพรรค นายสาธิต ปิตุเตชะ อดีต สส.ระยอง นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตรองหัวหน้าพรรค นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย อดีต สส.ตรัง เป็นต้น ทั้งนี้ไม่ปรากฏชื่อนายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรค ซึ่งเคยบอกว่าจะไม่ขอลงสมัครรับเลือกตั้ง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กนง.หั่นดอกเบี้ย0.25% เศรษฐกิจปี69-70โตตํ่า
"กนง." มติเอกฉันท์ ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อปีลง 0.25% เหลือ 1.25% ต่อปี
จีนปัดส่งอาวุธช่วยเขมร
"อนุทิน" ฟาดเขมรมีสติควรเจรจา ฮึ่ม! ต้องได้เนิน 350 กองทัพชี้สู้ยืดเยื้อจุดยุทธศาสตร์พื้นที่่ช่วงชิง พร้อมเร่งค้นหาร่างทหาร 2 นาย
DSIประเดิมเชือด8ราย ส่งอัยการฟ้องคดีฮั้วสว.
"ดีเอสไอ" สรุปสำนวน "คดีอั้งยี่-ฟอกเงิน สว." ให้อัยการคดีพิเศษเชือดล็อตแรก 8 ราย
พระราชินีทรงพระปรีชานำทัพเรือใบคว้าทอง
"พระราชินี" ทรงวางกลยุทธ์ตลอด 3 วัน นำทีมเรือใบไทยขึ้นอันดับ 1 ของตาราง
นายกฯ เรียกประชุม ครม.นัดพิเศษ หลัง กกต. ตีกลับคำถามประชามติ
นายกฯอนุทิน เรียกถก "ครม.นัดพิเศษ" พรุ่งนี้ เคาะคำถามประชามติ หลัง กกต.ตีกลับ ให้เลือกมาเลยคำถามเดียว
กกต. เตรียมใช้วิธีเลือกตั้งแบบพิเศษ 16 เขตเลือกตั้งใน 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา
สำนักงานกกต.ได้สำรวจพื้นที่ที่มีสถานการณ์สู้รบไทย-กัมพูชาและกกต.เตรียมใช้วิธีบริหารจัดการเลือกตั้งแบบพิเศษในวันเลือกตั้งที่ 8 ก.พ.69 เพื่อให้ไม่ต้องเลื่อนวันเลือกตั้งออกไปพบว่า อยู่ใน 7 จังหวัดรวม 16 เขตเลือกตั้ง ประกอบด้วย 1.จ.จันทบุรี จากที่มีทั้งหมด 3 เขตเลือกตั้ง กระทบ 1 เขตเลือกตั้ง คือเขตเลือกตั้งที่ 3

