ภท.ชู‘หนู’หนึ่งเดียว เอกนิติ-ศุภจี-สีหศักดิ์รองนายกฯ/ธรรมนัสเดือด‘ปชป.’ยี้

“อนุทิน” นำดรีมทีมภูมิใจไทยแถลงนโยบายพรรคสู้ศึกเลือกตั้ง ลุยแก้ 4 ปัญหาหลัก  ความมั่นคง ภัยพิบัติ สังคม และเศรษฐกิจ ชู “เอกนิติ-ศุภจี-สีหศักดิ์” นั่งรองนายกฯ คุม ศก.-ต่างประเทศ ลั่นเป็นแคนดิเดตนายกฯ คนเดียว มั่นใจเลือกตั้งได้ สส.เพิ่มทุกครั้ง “กก.บห.ปชป.” รับรองจุดยืนพรรคตาม “อภิสิทธิ์” ไม่ร่วมรัฐบาลพรรค กธ. จ่อเปิดตัว 3 แคนดิเดตนายกฯ 26 ธ.ค.นี้ “ธรรมนัส” ฉะ “มาร์ค” อย่าพูดเอาหล่อแต่ไร้ผลงาน สวนสมัย ปชป.เป็นรัฐบาลสร้างความเดือดร้อนอะไรไว้บ้าง เหน็บถ้ามี สส.ถึง 25 คนแล้วค่อยมาคุย “ยศชนัน” นำ กก.บห.เพื่อไทยรับฟังปัญหาสภาอุตฯ “พปชร.” ดัน “ตรีนุช” ขึ้นแคนดิเดตนายกฯ  อันดับ 1 หลัง “ลุงป้อม” ถอนตัวจากปัญหาสุขภาพ “ไพบูลย์” ยัน “ประวิตร” ยังนั่งหัวหน้าพรรคอยู่

ที่โรงละครอักษรา ศูนย์การค้าคิง เพาเวอร์ วันที่ 24 ธันวาคม 2568 เวลา 10.30 น. พรรคภูมิใจไทย (ภท.) จัดประชุมพรรคและแถลงนโยบายในการเลือกตั้ง นำโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรค ภท. พร้อมแกนนำพรรค อาทิ นายชาดา ไทยเศรษฐ์, นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ, นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรค และ น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รวมถึงแกนนำกลุ่มต่างๆ ที่เพิ่งเข้ามาอยู่พรรค ภท. อาทิ นายวราวุธ ศิลปอาชา, นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์, นายสนธยา คุณปลื้ม, นายสุชาติ ชมกลิ่น รวมทั้งนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกฯ และ รมว.การคลัง, นางศุภจี สุธรรมพันธุ์  รมว.พาณิชย์, นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.การต่างประเทศ และว่าที่ผู้สมัคร สส.ทั้ง 500 คน

การแถลงนโยบายพรรค ภท. ภายใต้ 4 ปัญหาหลัก คือ ความมั่นคง ภัยพิบัติ สังคม และเศรษฐกิจ โดยมีนโยบายสนับสนุนเพื่อแก้ไขปัญหาที่น่าสนใจ ประกอบด้วย คนละครึ่งพลัส, นำเศรษฐกิจเติบโต จีดีพี 3% พลัส, เศรษฐกิจสีเขียว, บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ+ (บัตรคนจนใหม่), ค่าไฟต่ำ 3 บาท, รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า, Barter trading (เช่น ซื้อเครื่องบิน จ่ายด้วยสินค้าเกษตร ผลผลิตไม่ตกค้าง), จ้างผู้สูงอายุทำงาน (สูงวัยมีรายได้), พยาบาลอาสา (15,000/4 ปี ลูกหลานกลับบ้านมีงานทำ ดูแลผู้สูงวัยถึงที่), กองทุนภัยพิบัติ, เรียนฟรีต้องมีจริง, สร้างกำแพงความมั่นคง ปกป้องคนไทย จากภัยคุกคาม สกัดลักลอบนำเข้า, ทหารอาสา 1  แสนอันตรา เงินเดือน 12,000 บาท Up-skill  Re-skill เป็นนายสิบ และศูนย์บำบัดยาเสพติดทุกอำเภอ เป็นต้น

นายอนุทินกล่าวว่า วันนี้พรรคมีความมั่นใจ มีความพร้อมเข้าสู่สนามเลือกตั้งเพื่อรับใช้ประเทศและประชาชน การเลือกตั้งครั้งนี้สำคัญที่สุดตั้งแต่มีพรรค ภท.มา เพราะเป็นครั้งแรกที่พวกเรารู้สึกได้ว่าประชาชนชาวไทยตั้งความคาดหวังไว้สูงกับการทำงานของพรรค เราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากความพร้อมสูงสุดในทุกๆ ด้าน ทั้งด้านบุคลากร นโยบาย และยุทธศาสตร์ ที่ต้องยกระดับเพิ่มขึ้น เป็นที่มาของสโลแกนภูมิใจไทยพูดแล้วทำพลัส

“ภัยของประเทศในวันนี้ หลักๆ มี 4 ด้าน ที่เป็นภัยคุกคามประเทศทั้งเศรษฐกิจ สังคม ภัยพิบัติ และภัยความมั่นคง คนไทยในปัจจุบันเกิดความกลัวสารพัด แต่สิ่งที่ผมไม่อยากให้คนไทยต้องกังวลเลย คืออย่ากลัวเสียอธิปไตยของประเทศ พรรค ภท.จะทำให้ความหวาดระแวง ความกลัวของท่าน เปลี่ยนมาเป็นความมั่นคง มั่งคั่ง และเชื่อมั่น โดยพรรค ภท.จะเปิดโอกาสทหารอาสาเพื่อรับใช้ชาติอย่างสมัครใจ และมีอนาคต เราจะเปลี่ยนคำว่าทหารเกณฑ์เป็นคำว่าทหารอาสา เพื่อจะได้มีทหารที่ตั้งใจเต็มใจเข้ามาปกป้องอธิปไตยดินแดนของเรา โดยจะเปิดรับสมัครทหารอาสา 1 แสนคน ให้พวกเขาได้รับราชการเป็นทหาร 4 ปี เงินเดือน 12,000 หมื่นบาท จะทำให้ประเทศมีกำลังพลที่เข้มแข็งเพื่อปกป้องแผ่นดิน” นายอนุทินกล่าว

หัวหน้าพรรค ปภ.กล่าวว่า ที่ผ่านมาเรามีนโยบายควิกบิ๊กวินมาให้ประชาชน ทำโครงการคนละครึ่งพลัสที่ยังติดประชาชนอยู่คนละ 2,400 บาท ขอให้ตนได้มีโอกาสกลับมาชำระหนี้ให้ แน่นอนว่าโครงการนี้จะกลับมาแบบไม่ธรรมดา เพราะมีคำว่าพลัสกลับไปด้วย

ชูเอกนิติ-ศุภจี-สีหศักดิ์รองนายกฯ

“ขอให้เลือกพรรค ภท.กลับมา ท่านได้ผมเป็นนายกฯ ผมจะให้นายสีหศักดิ์เป็นรองนายกฯ และ รมว.กต. เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของประเทศ นางศุภจีจะไม่เพียงเป็น รมว.พาณิชย์ แต่จะเป็นรองนายกฯ กำกับการพาณิชย์ การอุตสาหกรรม และการค้า  นายเอกนิติจะยังเป็นรองนายกฯ และ รมว.การคลัง คุมการคลังของแผ่นดิน ดูวินัยการเงินการคลัง ดูค่าเงินบาท นโยบายทางเศรษฐกิจ สิ่งเหล่านี้พรรค ภท.ไม่เคยมีมาก่อน แต่วันนี้มีแล้วจะทำงานครอบคลุม ถ้าทำไม่ได้พรรค ภท.ไม่พูด” หัวหน้าพรรค ภท.ระบุ

ส่วนนายสีหศักดิ์กล่าวว่า มารับหน้าที่เข้าเดือนที่ 4 ก็ต้องเจอวิกฤตความสัมพันธ์กับกัมพูชา ตนคิดว่ามาถูกทางแล้ว เพราะมีผู้นำที่เข้มแข็ง และมีเอกภาพระหว่างทหารกับฝ่ายการทูตเราทำงานร่วมกันและพูดเป็นเสียงเดียวกัน อีก 4 ปีข้างหน้าหวังว่าไทยจะก้าวพ้นความขัดแย้งในปัจจุบันและการต่างประเทศในอีก 4 ปีข้างหน้าจะสร้างโอกาสให้กับประเทศไทยและสร้างโอกาสให้กับประชาชนชาวไทย ทำให้ไทยกลับมาสู่แนวหน้าของประชาคมโลก ทำให้ไทยมีบทบาทนำในเวทีระหว่างประเทศและอยู่ในเวทีอย่างมีเกียรติภูมิและมีศักดิ์ศรี

 “ในสัปดาห์หน้านี้จะมีการประกาศนโยบายการทูตเศรษฐกิจ ซึ่งต่อไปนี้สถานทูต สถานกงสุลใหญ่ ซึ่งมีเกือบ 100 ประเทศ ต้องหันมาทำงานด้านเศรษฐกิจ แต่ไม่ใช่แบบเดิมๆ ที่เป็นการหาตลาด ส่งเสริมการลงทุน ทูตจะต้องทำงานแบบมีเป้าหมาย walk to talk โดยการเข้าหา และเข้าถึงดังนั้นการทูตเศรษฐกิจถือเป็นการส่วนสำคัญของนโยบายต่างประเทศภายใต้พรรค ภท. โดยต้องมุ่งสู่ที่ประเทศไทยจะอยู่ในเวทีโลกอย่างมีเกียรติภูมิ มีศักดิ์ศรี และผลักดันผลประโยชน์ของประเทศไทยทุกด้านเพื่อให้ไทยอยู่ในแนวหน้าของประชาคมโลก และเพื่อให้ไทยเป็นไทยในเวทีโลก” นายสีหศักดิ์กล่าว

ด้านนายไชยชนกกล่าวว่า พรรคเห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องยกระดับฐานข้อมูลการพยากรณ์ภัยต่างๆ รวมถึงการเสริมอุปกรณ์วิเคราะห์ข้อมูลคือการใช้เอไอ เพื่อให้ใช้ประโยชน์จากข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ การป้องกันภัยจะเกิดขึ้นได้จากความสามัคคีจากทุกหน่วยงาน และบูรณาการทำงานร่วมกันวางแผน สถานการณ์ที่ผ่านมาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามีผลกระทบหลายสิ่ง

 “การฟื้นฟูเยียวยาประกันภัยครัวเรือนเกี่ยวกับภัยพิบัติ ควรเป็นสิทธิพื้นฐานของพี่น้องประชาชนทุกครัวเรือนในประเทศไทย นำมาสู่นโยบายกองทุนภัยพิบัติ โดยจะได้รับมากถึง 100,000 บาทต่อครัวเรือน ต่อภัยทั่วประเทศ ซึ่งทำได้แน่นอน” นายไชยชนกกล่าว

น.ส.ซาบีดากล่าวถึงประเด็นการศึกษาว่า พรรคเสนอแนวคิดการศึกษาเท่าเทียมพลัส เพื่อทำให้เรียนฟรีมีจริง เรียนฟรีมีงานทำ เรียนฟรีได้ทุกที่ทุกเวลา โดยสร้างแพลตฟอร์มการเรียนออนไลน์ฟรี หรือ 1 แพลตฟอร์ม 1,000,000 ความรู้ ที่จะรวมความรู้ทันสมัย ครอบคลุมการศึกษาทุกระดับ และทุกคนสามารถเรียนได้ฟรี ไม่มีการคิดค่าอินเตอร์เน็ต รวมทั้งนโยบายสูงวัยพลัส ที่เราให้ความสำคัญกับการรับมือกับสังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์

ขณะที่นายเอกนิติกล่าวว่า ได้รับโจทย์เมื่อไทยพ้นจากการติดหล่มแล้วจะไปต่ออย่างไร ซึ่งถ้าเราได้ทำต่ออีก 4 ปี ระหว่างปี 2569-2572 เราตั้งใจจะทำให้เศรษฐกิจไทยจีดีพีเกิน 3% พลัส ด้วยนโยบายเศรษฐกิจ 10 พลัส 1.เติมชีวิตให้คนตัวเล็กแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เติมชีวิตให้คนตัวเล็ก 13 ล้านราย บัตรสวัสดิการแห่งรัฐพลัส คนละครึ่งพลัส พันธบัตรรัฐบาล ออมพลัส ค่าไฟไม่เกิน 3 บาทต่อหน่วย (200 หน่วยแรก) ปิดหนี้ไว ไปต่อได้ (AMC), 2.เมดอินไทยแลนด์ SMEs พลัส เติมทุนให้ ค้ำประกันไว สู้ได้ทุกที่ ผู้สูงวัยพลัส ทักษะดี มีงาน มีเงิน มีคนดูแล 3.ลงทุนพลัส เพิ่มการลงทุน รัฐร่วมทุน กระตุ้นโตยาว 4.ผลิตได้ ขายออกพลัส ผลิตของที่ใช่ ขายของที่คนชอบ ตอบโจทย์ทุกคน 5.Trade พลัส ค้าขายฉลาด อัปเกรดการผลิต 6.เศรษฐกิจสีเขียวพลัส เพราะรักษ์โลกคือทางรอด และเป็นทางรวย อย่างยั่งยืน 7.ดิจิทัล AI พลัส AI ถึงมือ งานถึงตัว เงินถึงบ้าน 8.การศึกษาเท่าเทียมพลัส  เรียนฟรีมีจริง มีงานเรียนฟรีทุกที่ทุกเวลา 9.สูงวัยพลัส ทักษาะดี มีงาน มีเงิน มีคนดูแล 10.ไทยแลนด์พลัส รัฐฉับไว เศรษฐกิจใหม่ คนไทยแฮปปี้

'อนุทิน' แคนดิเดตคนเดียว

จากนั้นปิดท้ายด้วยนางศุภจีขึ้นกล่าวว่า ด้านการค้าเราอยู่กับที่ไม่ได้ต้องเปลี่ยน เพราะโลกเปลี่ยนแล้ว ประเทศไทยต้องพร้อมเปลี่ยนแปลงไปด้วยกัน ดังนั้นเราต้องไปหาข้อมูลว่าสิ่งที่ขายไปให้กับประเทศคู่ค้าสามารถไปทำประโยชน์ต่อและแปรรูปต่อเพื่อให้สามารถส่งออกไปต่างประเทศได้อย่างไร นี่คือพลัสที่ 1 เป็นวิธีเอาตัวเราไปอยู่ในห่วงโซ่อุปทาน ให้เปลี่ยนจากประเทศคู่ค้า เป็นพันธมิตร และเป็นหุ้นส่วนในการค้า ส่วนของการบริการ 66% ซึ่งหากเราขายสินค้าทางการเกษตรหรือสินค้าอุปโภคบริโภค เราต้องมีการคุยขายบริการควบคู่ไปด้วย เนื่องจากประเทศไทยมีบริการมูลค่าสูงจำนวนมาก อาทิ บริการด้านการแพทย์/ด้านธุรกิจคอนเทนต์ เพื่อเพิ่มมูลค่าบริการให้สูงขึ้น ซึ่งต้องเปลี่ยนความคิด หรือ Mindset

นางศุภจีกล่าวถึงนโยบายติดปีก SME ที่จะให้ประชาชนสร้างสินค้ามูลค่าสูง ซึ่งสิ่งที่ดำเนินการอยู่ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยกรมธุรกิจการค้าได้เน้นเรื่องการทำธุรกิจแฟรนไชส์ เป็นการขยายธุรกิจโดยที่ไม่ต้องใช้เงินตัวเอง ซึ่งสิ่งนี้เรียกว่า Asset Light ในเมื่อธุรกิจของประชาชนสามารถเป็นแฟรนไชส์ได้ เมื่อเข้าสู่กระบวนการกลั่นกรองมาตรฐานได้เป็นอย่างดีแล้ว  ก็สามารถที่จะเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้ เป็นสิ่งที่ทำแล้ว และจะทำต่อไปอีก โดยมีตัวอย่างที่ได้จากการไปเยือนซาอุดีอาระเบีย ที่มีความต้องการที่จะซื้อธุรกิจแฟรนไชส์จากประเทศไทย ซึ่งถือเป็นตัวของ Asset Light ที่จะติดปีกให้กับ SME ของเรา

 “เรายังสนับสนุนการเป็น Multicaster อาทิ ฮาลาล หากประเทศไทยสามารถผลักดันตัวเองให้เป็นฮาลาลฮับในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงได้ ก็จะสามารถต่อยอดได้ธุรกิจได้ นอกจากนี้ ยังมีต่างชาติให้ความสนใจ ในเรื่องของการถ่ายทำภาพยนตร์โดยที่สหรัฐอเมริกา มาเปิดวิทยาเขตร่วมกันกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นครั้งแรก ซึ่งสิ่งเหล่านี้เราอยากจะผลักดัน นอกจากนี้ ยังชูนโยบาย รัฐฉับไว อนุมัติไว ไม่มีกั๊ก เป็นความตั้งใจ ที่จะทำให้รวดเร็ว ฉับไว ลดความซ้ำซ้อนของกฎหมาย ลดความยืดเยื้อ ความไม่ทันสมัย พร้อมโปร่งใสเป็นธรรมเปิดเผยข้อมูล” นางศุภจีระบุ

ต่อมา นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ  โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะแกนนำพรรค ภท. ให้สัมภาษณ์ถึงความชัดเจนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคหลังนายอนุทินประกาศเป็นแคนดิเดตนายกฯ เพียงหนึ่งเดียวว่า การเลือกตั้งครั้งที่แล้วก็เป็นอย่างนี้ ส่วนนายเอกนิติ นายสีหศักดิ์และนางศุภจี จะกลับมาเป็นรองนายกฯ ให้อย่างแน่นอน

ถามว่า ไม่ห่วงเรื่องอุบัติเหตุทางการเมืองใช่หรือไม่ หากไม่มีแคนดิเดตนายกฯ สำรอง นายสิริพงศ์กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่มีตัวสำรอง เมื่อถามว่า พรรค ภท.ได้มีการประชุมหรือไม่ว่าตั้งเป้าเก้าอี้ สส.ไว้เท่าไหร่ นายสิริพงศ์กล่าวว่า ยังไม่มีการตั้งเป้า แต่เท่าที่ดูวันนี้มีผู้สมัคร สส.ทุกเขต และปาร์ตี้ลิสต์ ก็ครบทุกคน และหวังว่าเราจะได้เยอะที่สุด ครั้งนี้น่าจะเป็นครั้งแรกที่เราส่งผู้สมัครครบทุกเขต

 “ถ้าเป็นไปได้หากได้เป็นรัฐบาลเดี่ยวก็จะสามารถทำงานได้ง่าย เราก็หวังหากประชาชนจะกรุณาให้พรรค ภท.เป็นรัฐบาลเดี่ยวได้” นายสิริพงศ์กล่าว

ซักว่าหลังการเปิดนโยบายแล้ว ภท.จะส่งคนไปร่วมดีเบตในเวทีต่างๆ หรือไม่ นายสิริพงศ์กล่าวว่า มีแน่นอน และต้องขออภัยบางรายการที่มีการดีเบตไปแล้ว แต่เป็นการดีเบตก่อนที่พรรคจะมีการแถลงนโยบาย จึงไม่ได้ส่งตัวแทนไป เมื่อถามว่านายอนุทินจะไปร่วมเวทีดีเบตเองด้วยหรือไม่ นายสิริพงศ์กล่าวว่า ก็ต้องดูในหลายเหตุการณ์ ซึ่งนายอนุทินยังมีภาระที่ต้องทำ เพราะเป็นรักษาการนายกรัฐมนตรี ก็ต้องดูว่าถ้าเวลาไหนอำนวยก็จะไปให้เยอะที่สุด

ธรรมนัสฉะมาร์คอย่าพูดเอาหล่อ

ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค นั่งหัวโต๊ะเป็นประธานการประชุมกรรมการบริหารพรรค วาระสำคัญเป็นการขอมติจากที่ประชุม เพื่อจัดลำดับแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค คาดว่าอันดับ 1 คือ นายอภิสิทธิ์, ลำดับ 2 น.ส.การดี (กาน-ดี) เลียวไพโรจน์, ลำดับ 3 นายกรณ์ จาติกวณิช

นายพงศกร ขวัญเมือง โฆษกพรรค ปชป. กล่าวว่า ในวันที่ 26 ธ.ค. จะเปิดตัวแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคทั้ง 3 คน ส่วนนโยบายพรรคทั้งหมดจะเปิดอย่างทางการอีกครั้งหลังวันรับสมัคร สส. นอกจากนี้ที่ประชุมกรรมการบริการพรรคยังได้มีมติตั้งคณะกรรมการสอบสวน กรณีที่พรรคได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน หากพบว่ามีผู้สมัครของพรรค กระทำการผิดกฎหมายเลือกตั้ง เช่น การซื้อเสียง หรือพฤติกรรมอื่นๆ สามารถแจ้งเบาะแส ได้ทุกช่องทางการสื่อของพรรคประชาธิปัตย์ และตรวจสอบพบว่ามีความจริง พรรคจะยุติและไม่สนับสนุนผู้สมัครคนดังกล่าวอีกต่อไป

 “กรรมการบริหารพรรคยังมีมติรับรองเจตนารมณ์ของนายอภิสิทธิ์ที่ได้ประกาศไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคกล้าธรรมให้เป็นจุดยืนของพรรค รวมถึงมีมติรับรองให้นายอภิสิทธิ์เป็นหัวหน้าพรรคจนครบวาระ 4 ปี เนื่องจากนายอภิสิทธิ์มีเจตนารมณ์ต้องการฟื้นฟูพรรค ซึ่งต้องใช้เวลาและหลักการ ดังนั้นไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาเป็นอย่างไร จะไม่ลาออกจากตำแหน่ง อยู่จนครบวาระ เพื่อดำเนินการตามสัจจะที่ได้มอบไว้กับพรรคในการเลือกตั้งครั้งนี้” นายพงศกรกล่าว 

ถามว่า การที่พรรค ปชป.ประกาศตัวไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคกล้าธรรม แสดงว่าจะเป็นฝ่ายค้านใช่หรือไม่ เพราะพรรคกล้าธรรมจะร่วมรัฐบาลกับทุกพรรค นายพงศกรกล่าวย้อนถึงสมัยที่พรรคประชาชนเป็นพรรคก้าวไกล ผลสำรวจความเห็นประชาชนอยู่ที่ประมาณ 15% วันนี้พรรค ปชป.อยู่ที่ประมาณ 10% แต่เมื่อถึงวันเลือกตั้ง พรรคก้าวไกลได้รับความนิยมถึง 45% ดังนั้นจึงมองว่าทุกอย่างสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ที่สำคัญพรรคต้องการเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล หากพรรค ปชป.เป็นแกนนำตั้งรัฐบาล จะไม่มีพรรคกล้าธรรม

ด้าน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม (กธ.) กล่าวถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ประกาศจะไม่จับมือจัดตั้งรัฐบาลกับพรรค กธ.ว่า การที่ผู้นำบางพรรคประกาศไม่ร่วมกับพรรค กธ. มารยาทการเมืองเขาไม่ทำกัน ตั้งแต่ปี 2562 ตนมาดูแลประชาชนในฐานะ รมช.เกษตรและสหกรณ์ กับนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในขณะนั้น ถือว่าเป็นอดีตผู้บังคับบัญชา และการทำงานของตนก็ต้องดึงผลประโยชน์ของรัฐมาจากกลุ่มทุน ทำให้รัฐบาลต้องเจ๊ง ยุบสภาหนี แล้วยุคไหนที่ทำให้เกิดการเสียทหารกล้าตั้งแต่เขาพระวิหาร และยุคไหนสร้างสุสานโรงพัก คงไม่ต้องให้ตน ลูกน้อง หรือโฆษกมาพูด แต่ละเรื่องผลงานชัดเจน

“เวลาจะเลือกตั้งที คนหล่อพูดจาหล่อ พูดจาเพราะ แต่ผลงานเคยทำอะไรให้ชาติบ้างในฐานะผู้นำประเทศ การที่เราจะตัดสินใจว่าจะร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคใดพรรคหนึ่ง ไม่ใช่เวลา ต้องให้ประชาชนตัดสินใจว่าจะเลือกคุณหรือไม่ หรือเลือกพวกตนหรือไม่ หากคุณมี สส.ในกำมือ  25 คน ค่อยมาคุยกัน แม้แต่พรรคตนก็ยังไม่รู้ว่าจะได้กี่คน ต้องแข่งขันว่าจะทำอะไรให้กับประชาชน และผลงานที่ผ่านมาทำอะไรบ้างถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ” ร.อ.ธรรมนัสกล่าว

ประธานที่ปรึกษาพรรค กธ.กล่าวว่า  อีกทั้งสิ่งที่พยายามจะโจมตีว่าตนไปถ่ายรูปกับคนโน้นคนนี้ ขอโทษนะถ้าเอารูปมาวางบนโต๊ะกลุ่มชนชั้นอีลิทเกือบครึ่ง นักการเมืองตั้งแต่ระดับหัวจนถึง สส.ชั้นล่างถ่ายรูปกับเขา ข้าราชการผู้ใหญ่ทุกกระทรวงก็ถ่ายรูปกับเขา แสดงว่าประเทศไทยไม่มีคนดี เป็นแก๊งสแกมเมอร์ ไม่รู้จักแยกแยะว่าอะไรคืออะไร ถ้าตนถ่ายรูปกับใครวันนี้แล้วพรุ่งนี้ทำผิดก็แปลว่าตนก็ไปร่วมด้วย ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และให้เขาพิสูจน์ว่าผิดหรือไม่ผิด สิ่งที่ตนพูดไม่ต้องเตรียมแถลงข่าว ตนพูดมาจากใจ พรรคนี้ทำมากกว่าพูด

“อย่าพูดเอาหล่อแล้วทำไม่ได้ พอเป็นรัฐมนตรีก็สร้างความเสียหายให้ลูกหลานจนถึงปัจจุบัน ถ้าเป็นอย่างนั้นอย่ามาเล่นการเมืองดีกว่า และผมไม่ได้ประกาศว่าไม่จับมือกับใคร หรือใครไม่จับมือกับผม ก็เป็นเรื่องของคุณ ผมไม่เล่นการเมืองแบบนั้น พรรคเราชัดเจนในเรื่อง 112 ไม่แตะเด็ดขาด พรรคไหนแตะเราไม่เอา ต้องชัดเจน ผมจบโรงเรียนเตรียมทหาร ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าเรื่องใดก็ตาม เอาประชาชนเป็นที่ตั้ง และให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ คุณอย่าตัดสินใจแทนประชาชน” ประธานที่ปรึกษาพรรค กธ.กล่าว

ป้อมถอน'ตรีนุช'แคนดิเดตพปชร.

ที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) พรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดยนายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ แคนดิเดตนายกฯ, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้อำนวยการการเลือกตั้ง, นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช​​ อดีตเลขาธิการนายกฯ, นายจักรพงษ์ แสงมณี​​ รองหัวหน้าพรรค, นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล ​​รองหัวหน้าพรรค, นายฐิติพงศ์ เขียวไพศาล​​ ที่ปรึกษารองหัวหน้าพรรค และนายศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ​​ โฆษกพรรค เข้าพบนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธาน ส.อ.ท. เพื่อพูดคุยหารือประเด็นปัญหาต่างๆ และแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยในอนาคต

นายยศชนันให้สัมภาษณ์หลังหารือร่วมกับ ส.อ.ท.ว่า วันนี้ได้รับข้อเสนอที่ชัดเจน ทำให้เรามั่นใจในนโยบาย และเรามีการพูดคุยถึงปัญหารากหญ้าคือการทำให้ทุกคนฟื้นขึ้นมา เรื่องหนี้สิน การบริหารจัดการน้ำ และการบริหารจัดการความเสี่ยงต่างๆ ซึ่งต้องคิดอย่างเป็นระบบ รวมถึงมีการพูดคุยถึงความได้เปรียบของประเทศไทย ซึ่งจะต้องดูตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เพื่อเพิ่มมูลค่าทุกรูปแบบ สิ่งที่สำคัญและถือเป็นความยั่งยืนคือองค์ความรู้และทักษะต่างๆ ของคน การทำให้คนไทยรองรับอุตสาหกรรม เศรษฐกิจมูลค่าสูงได้ ต้องทำให้ SMEs ซึ่งเป็นกลุ่มที่ขับเคลื่อนสามารถลืมตาอ้าปากได้

ถามว่า พรรค พท.มีแคนดิเดตนายกฯ มาจากเครือญาติของตระกูลชินวัตรทำให้เป็นปัญหาเรื่องชายแดนไทย-กัมพูชาหรือไม่ นายยศชนันกล่าวว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยว เนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้นคือเราปราบปรามสแกมเมอร์ในทุกรูปแบบต่างหาก และสามารถทำให้ลดลงได้กว่า 40 เปอร์เซ็นต์ ย่อมเกิดความไม่พอใจ

นอกจากนี้ ที่พรรค พท. นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ แคนดิเดตนายกฯ และหัวหน้าพรรค พท. เปิดตัวนายนิติศักดิ์ ธรรมเพชร อดีต สส.พัทลุง เขต 2 พรรครวมไทยสร้างชาติ มาเป็นว่าที่ผู้สมัคร สส.พัทลุง เขต 2 ในนามพรรคเพื่อไทย

พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.แรงงาน ในฐานะเลขาธิการพรรค พปชร. ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ถึงกระแสข่าวอาจถอนตัวจากแคนดิเดตนายกฯของพรรค พปชร.ว่า ยืนยันยังไม่ออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรค รวมถึงยังไม่มีการถอนตัวจากแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค และยังอยู่กับพรรค พปชร.

ถามถึงกระแสข่าวที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค จะวางมือทางการเมือง น.ส.ตรีนุชกล่าวว่า ก็ยอมรับว่ามีผลกระทบ ทุกอย่างต้องมูฟออน เพราะจริงๆ แล้วพรรคหรือทาง พล.อ.ประวิตรเองพยายามทำให้พรรค พปชร.ยั่งยืน แต่ถึงแม้ว่า พล.อ.ประวิตรจะไม่อยู่ในตำแหน่ง ร่างกายท่านอาจจะไม่เหมือนเดิม ตนก็คิดว่าประสบการณ์และความคิดของท่านที่ผ่านอะไรมาเยอะเป็นประโยชน์กับพรรคมาก อย่างไรก็ตาม คิดว่าหลักการที่พรรคจะเดินต่อไปก็คงยังเดินต่อไปเหมือนเดิม คงจะต้องรอความชัดเจนจากทาง พล.อ.ประวิตรอีกครั้งหนึ่ง

ต่อมา นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค พปชร. แถลงหลังประชุมกรรมการบริหารพรรคว่า ที่ประชุมมีการพิจารณาเกี่ยวกับการเสนอชื่อผู้สมัคร สส.แบบบัญชีรายชื่อ และแบบแบ่งเขต รวมถึงแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค ในส่วนแคนดิเดตนายกฯ เนื่องด้วย พล.อ.ประวิตรขอถอนตัวจากการเป็นแคนดิเดตนายกฯ โดยจะเปลี่ยนให้ น.ส.ตรีนุชมาเป็นแคนดิเดตนายกฯ แทน ส่วนแคนดิเดตนายกฯ คนที่ 2 คือ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รองหัวหน้าพรรค นอกจากนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาส่งผู้สมัคร สส.แบบแบ่งเขต จำนวนกว่า 200 เขต ส่วนผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ คณะกรรมการบริหารพรรคมอบหมายให้หัวหน้าพรรคเป็นผู้พิจารณาการจัดลำดับ โดยต้องรอหัวหน้าพรรคจัดลำดับก่อน ส่วนใครอยู่ลำดับเท่าใดนั้น ถึงอย่างไรวันที่ 28 ธ.ค.เราก็ต้องเปิดทั้งหมดอยู่แล้ว

 ถามว่า พล.อ.ประวิตรยังเป็นหัวหน้าพรรคอยู่หรือไม่ นายไพบูลย์กล่าวว่า ยังเป็นอยู่ เมื่อถามว่าที่ผ่านมามีกระแสข่าวว่าจะวางมือ นายไพบูลย์กล่าวว่า เอาอย่างนี้แล้วกันว่าตอนนี้ท่านยังอยู่ เพราะจะต้องเซ็นหนังสือรับรองผู้สมัคร สส.แบบแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อ เมื่อถามย้ำว่า พล.อ.ประวิตรได้บอกเหตุผลที่ถอนตัวจากการเป็นแคนดิเดตนายกฯ หรือไม่ นายไพบูลย์กล่าวว่า ท่านมีปัญหาเรื่องสุขภาพ ตอนนี้สุขภาพท่านไม่ค่อยดี

ที่โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หัวหน้าพรรคไทยก้าวใหม่ พร้อมด้วยคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ประธานที่ปรึกษาพรรค และคณะผู้บริหารพรรคไทยก้าวใหม่ เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส.ทั้งระบบเขตและระบบบัญชีรายชื่อ พร้อมทั้งประกาศความพร้อมสำหรับการลงสู้ศึกเลือกตั้ง และเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคไทยก้าวใหม่ 2 คน คือ 1.นายสุชัชวีร์ และ 2.คุณหญิงกัลยา.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เขมรขอไทยเจรจาหยุดยิง

นานาชาติมองไทย-เขมรรบปมใหญ่มนุษยธรรม ด้าน ทอ.โจมตีเชิงลึก “คลังอาวุธ” ในพระตะบอง เพื่อปกป้องชีวิตคนไทย