
ไทย-เขมรเห็นพ้องหยุดยิงทันทีเที่ยงวัน 27 ธ.ค. ยึดปฏิญญากัวลาลัมเปอร์ เปิดแถลงการณ์ร่วมยาวเหยียด 16 ข้อ เขมรกระอักเลือด พื้นที่ไทยยึดได้ยึดเลย การวางกำลังทหารในปัจจุบันโดยไม่มีการเคลื่อนย้ายเพิ่มเติม จะต้องไม่มีการเคลื่อนย้ายกองกำลัง รวมถึงการลาดตระเวนไปยังที่มั่นของอีกฝ่าย ยืนยันพันธกรณีอนุสัญญาออตตาวา ปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ แก๊งสแกมเมอร์ทางไซเบอร์ และค้ามนุษย์ กองทัพเผยหยุดยิงเพราะบรรลุเป้าหมายทางทหารแล้ว
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 27 ธันวาคม 2568 การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC ไทย-กัมพูชา สมัยพิเศษ ครั้งที่ 3 ได้เริ่มขึ้นที่ด่านถาวรบ้านผักกาด อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี โดยทั้งสองประเทศเห็นพ้องยึดปฏิญญาสันติภาพไทย-กัมพูชา กัวลาลัมเปอร์ ท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
ทั้งนี้ หลังจากสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มีมติเห็นชอบร่างข้อเสนอของฝ่ายเลขานุการ GBC ไทยและกัมพูชา โดยการลงนามในวันนี้ ยังอยู่ในกรอบ 4 ข้อปฏิญญาสันติภาพกัวลาลัมเปอร์ เมื่อ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา ประกอบด้วย ถอนอาวุธหนักออกจากชายแดน ร่วมกันเก็บกู้ระเบิด ปราบสแกมเมอร์ และหาแนวทางบริหารจัดการพื้นที่ทับซ้อนร่วมกัน และต้องหยุดยิงในทันที
โดยการประชุมวันนี้มี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประธาน GBC ฝ่ายไทย ประชุมร่วมกับ พล.อ.เตีย เซ็ยฮา รัฐมนตรีว่าการกลาโหมกัมพูชา เพื่อหารือในข้อตกลงทั้ง 4 ข้อว่าเห็นตรงกันหรือไม่ เพื่อนำไปสู่การคลี่คลายสถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดนระหว่างสองประเทศ ซึ่งขณะนี้ตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชายังมีการปะทะกันอย่างต่อเนื่อง และทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยมีการประชุมร่วมกันประมาณเวลา 30 นาที
ภายหลังการหารือทั้งสองฝ่ายได้ร่วมลงนามในถ้อยแถลงร่วม ที่จะเป็นข้อตกลงในการหยุดยิงร่วมถึงความร่วมมือที่จะเกิดขึ้น ตามข้อตกลงกัวลาลัมเปอร์ ไทย-กัมพูชา เมื่อ 26 ต.ค.68 และมีข้อเสนอที่ฝ่ายกัมพูชายอมรับที่จะหยุดยิง 72 ชั่วโมง เพื่อขอให้ฝ่ายไทยส่งตัวทหารกัมพูชา 18 นายที่เป็นเชลยศึก ตามที่มีการหารือกันในฝ่ายเลขานุการฯ และมีคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน AOT นำโดยพลจัตวา ซัมซุล ริซัล บิน มูซา ผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซียประจำประเทศไทย หัวหน้าคณะผู้สังเกตการณ์ประจำประเทศไทย ร่วมติดตามการประชุมครั้งนี้ด้วย ทั้งนี้ หลังการประชุม ทั้ง 2 ฝ่ายลงนามร่วมกัน บรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น
สำหรับแถลงการณ์ร่วมของการประชุม GBC ครั้งที่ 3 ระบุว่า ที่ประชุมตระหนักถึงความสำคัญของการดำเนินการหารือเกี่ยวกับการระงับข้อพิพาทโดยสันติวิธี ในบรรยากาศแห่งความไว้วางใจ ความจริงใจ ความสุจริตใจ ความยุติธรรม และความเคารพซึ่งกันและกัน สอดคล้องกับวัตถุประสงค์และหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติ กฎบัตรอาเซียน และสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อปูทางไปสู่บทใหม่แห่งสันติภาพและความร่วมมือระหว่างสองชาติ
รำลึกถึงถ้อยแถลงของประธานอาเซียนในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนนัดพิเศษ ว่าด้วยสถานการณ์ปัจจุบันระหว่างกัมพูชาและไทย ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2568 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์
ย้ำถึงความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ที่จะละเว้นจากการข่มขู่หรือการใช้กำลัง การระงับข้อพิพาทโดยสันติวิธี และความเคารพต่อเส้นเขตแดนระหว่างประเทศและกฎหมายระหว่างประเทศ เพื่อส่งเสริมสันติภาพ ความมั่นคง เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาค บนพื้นฐานของการเคารพซึ่งกันและกันในเอกราช อธิปไตย ความเสมอภาค บูรณภาพแห่งดินแดน และอัตลักษณ์แห่งชาติของแต่ละชาติ
วางกำลังทหาร ณ จุดปัจจุบัน
ยืนยันความมุ่งมั่นอันไม่สั่นคลอนที่จะดำเนินการตามข้อตกลงหยุดยิงเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 อย่างเต็มที่ และมีประสิทธิภาพ รวมถึงข้อตกลงอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น และข้อตกลงที่บรรลุในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป และการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม ตลอดจนข้อตกลงที่มีอยู่เดิมอื่นๆ ระหว่างกัมพูชาและไทย
ยืนยันความมุ่งมั่นร่วมกันที่จะกลับสู่การเจรจาและสานต่อข้อตกลงก่อนหน้านี้ รวมถึงกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ เพื่อมุ่งสู่การยุติความเป็นปรปักษ์ทุกรูปแบบ และสร้างสันติภาพที่แท้จริงและยั่งยืน ด้วยความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ในการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ และการฟื้นฟูสภาวะปกติและสันติภาพถาวรตามแนวชายแดน
เห็นชอบต่อความเข้าใจและมาตรการดังต่อไปนี้
มาตรการลดความตึงเครียด
1.ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะหยุดยิงทันที หลังจากที่มีการลงนามในแถลงการณ์ร่วมฉบับนี้ โดยมีผลตั้งแต่เวลา 12.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) ของวันที่ 27 ธันวาคม 2568 ครอบคลุมอาวุธทุกประเภท รวมถึงการโจมตีพลเรือน วัตถุทางพลเรือน และโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงเป้าหมายทางทหารของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ในทุกกรณีและทุกพื้นที่ ทั้งสองฝ่ายต้องหลีกเลี่ยงการยิงโดยปราศจากการยั่วยุ หรือการรุกคืบ หรือการเคลื่อนย้ายกองกำลังไปยังที่มั่นหรือกองกำลังของอีกฝ่าย ข้อตกลงนี้จะต้องไม่ถูกละเมิดไม่ว่าในสถานการณ์ใดๆ
2.ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะคงการวางกำลังทหารในปัจจุบันโดยไม่มีการเคลื่อนย้ายเพิ่มเติม จะต้องไม่มีการเคลื่อนย้ายกองกำลัง รวมถึงการลาดตระเวนไปยังที่มั่นของอีกฝ่าย
3.ทั้งสองฝ่ายตกลงว่าการดำเนินการทั้งหมดภายใต้แถลงการณ์ร่วมนี้ เป็นไปโดยไม่กระทบกระเทือน (Without prejudice) ต่อการจัดทำหลักเขตแดนและเส้นเขตแดนระหว่างประเทศระหว่างสองประเทศ ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะอ้างอิงถึงคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) เพื่อกลับมาดำเนินการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนโดยเร็วที่สุด ตามข้อตกลงที่มีอยู่ระหว่างสองประเทศ เพื่อให้บรรลุสันติภาพที่ยั่งยืนตามแนวชายแดน ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะใช้กลไกที่มีอยู่ของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม เพื่อรับรองความปลอดภัยและความมั่นคงของชุดสำรวจร่วมในพื้นที่ ทั้งสองฝ่ายตกลงว่าคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมจะให้ความสำคัญเป็นลำดับแรกและสูงสุดแก่การสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนในพื้นที่ชายแดนที่ได้รับผลกระทบซึ่งมีพลเรือนอาศัยอยู่
ยึดอนุสัญญาออตตาวา
4.ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะอนุญาตให้พลเรือนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชายแดนที่ได้รับผลกระทบ กลับคืนสู่ภูมิลำเนาโดยเร็วที่สุด โดยปราศจากการขัดขวาง และด้วยความปลอดภัยและศักดิ์ศรี สู่บ้านเรือนและการดำรงชีพตามปกติในพื้นที่ภายในฝั่งของตนเอง
5.ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะไม่เพิ่มกองกำลังตลอดแนวชายแดนกัมพูชา-ไทย การเสริมกำลังใดๆ จะเป็นการเพิ่มความตึงเครียดและส่งผลกระทบในเชิงลบต่อความพยายามระยะยาวในการแก้ไขสถานการณ์
6.ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะไม่ดำเนินการยั่วยุใดๆ ที่อาจยกระดับความตึงเครียด ซึ่งรวมถึงกิจกรรมทางทหารที่รุกล้ำเข้าน่านฟ้าและดินแดน หรือที่มั่นของอีกฝ่าย ณ เวลาที่หยุดยิง ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะงดเว้นการก่อสร้างหรือปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานทางทหารหรือป้อมปราการใดๆ ที่อยู่นอกเหนือฝั่งของตนเอง
7.ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะไม่ใช้กำลังใดๆ ต่อพลเรือนและวัตถุทางพลเรือนในทุกสถานการณ์ การกระทำดังกล่าวไม่เพียงแต่จะเป็นอันตรายต่อชุมชนในพื้นที่ชายแดน แต่ยังเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ และทำลายภาพลักษณ์ในระดับโลกของฝ่ายที่ไม่ปฏิบัติตาม
8.ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะงดเว้นการเผยแพร่ข้อมูลเท็จหรือข่าวปลอม เพื่อลดความตึงเครียด บรรเทาความรู้สึกเชิงลบของสาธารณชน และส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเจรจาอย่างสันติ
9.ทั้งสองฝ่ายยืนยันพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยการห้ามใช้ สะสม ผลิต และโอนระเบิดสังหารบุคคลและการทำลายระเบิด (อนุสัญญาออตตาวา) ทั้งสองฝ่ายจะทำงานร่วมกันผ่านคณะทำงานประสานงานร่วม (JCTF) ว่าด้วยการเก็บกู้วัตถุระเบิดเพื่อมนุษยธรรม ตามระเบียบปฏิบัติประจำ (SOP) ที่ได้ตกลงกัน เพื่อให้เกิดความคืบหน้าในการเก็บกู้วัตถุระเบิดตามแนวชายแดนอย่างทันท่วงที
10.ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะยึดมั่นในแผนปฏิบัติการเพื่อความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึงแก๊งสแกมเมอร์ทางไซเบอร์และการค้ามนุษย์ ระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติกัมพูชาและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ไทย) และยืนยันความมุ่งมั่นที่จะยกระดับความร่วมมือโดยมีเป้าหมายเพื่อป้องกันการฉ้อโกงออนไลน์ การจัดการกับการใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลในทางที่ผิด และการส่งเสริมข้อมูลที่รับผิดชอบและถูกต้อง ในลักษณะที่ก่อให้เกิดความไว้วางใจ เสถียรภาพ และความสัมพันธ์ฉันเพื่อนบ้านที่ดี
ส่งกลับ 18 ทหารเขมร
11.ด้วยเจตนารมณ์ของปฏิญญาร่วมกัวลาลัมเปอร์ เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2568 ทหารกัมพูชาจำนวน 18 นาย จะถูกส่งกลับไปยังกัมพูชา หลังจากที่มีการรักษาการหยุดยิงอย่างสมบูรณ์เป็นเวลา 72 ชั่วโมง
11.กลไกสำหรับการดำเนินการและการตรวจสอบมาตรการลดความตึงเครียด
12.ทั้งสองฝ่ายตระหนักถึงบทบาทสำคัญของทีมผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) และตกลงที่จะเสริมสร้างบทบาทของ AOT โดยการหารือร่วมกับประธานอาเซียนและ AOT ในการตรวจสอบและรับรองการดำเนินการตามมาตรการทั้งหมดในแถลงการณ์ร่วมฉบับนี้อย่างมีประสิทธิภาพ
13.เพื่อให้มั่นใจถึงการดำเนินการที่มีประสิทธิภาพ ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะใช้ชุดประสานงานชายแดนกัมพูชา-ไทย และไทย-กัมพูชา เพื่อให้มั่นใจว่าการหยุดยิงจะยั่งยืน จัดการสถานการณ์ในพื้นที่ได้อย่างทันท่วงที และป้องกันการคาดการณ์ผิดพลาด ภายใต้การสังเกตการณ์และการตรวจสอบของทีมผู้สังเกตการณ์อาเซียน
14.ทั้งสองฝ่ายจะรักษาช่องทางการสื่อสารปกติและโดยตรงระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและผู้บัญชาการทหารสูงสุด เพื่อตอบสนองอย่างรวดเร็วต่อสถานการณ์เร่งด่วนที่ไม่สามารถจัดการได้ในระดับท้องถิ่น หากจำเป็น ผู้แทนระดับสูงจากทั้งสองฝ่ายจะพบปะกันเพื่อแก้ไขปัญหาใดๆ ในพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ
15.คณะทำงานประสานงานร่วม (JCTF) จะแจ้งหน่วยงานท้องถิ่นของฝั่งตนเองรวมถึง JCTF ของอีกฝั่งหนึ่ง เพื่อรับทราบและอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติการเก็บกู้วัตถุระเบิดเพื่อมนุษยธรรม ในพื้นที่ชายแดนเร่งด่วนที่ตกลงกัน ตามแผนปฏิบัติการที่ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบ เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างราบรื่นโดยไม่มีอุปสรรคหรือความเข้าใจผิด
16.ทีมสื่อทางการของทั้งสองฝ่ายจะรักษาการสื่อสารปกติและโดยตรง เพื่อให้มั่นใจถึงการป้องกันและจัดการข้อมูลที่บิดเบือนและข้อมูลเท็จอย่างมีประสิทธิภาพ พวกเขาจะยังรับรองความโปร่งใสและความถูกต้องของข่าวและรายงานเพื่อยกระดับความไว้วางใจซึ่งกันและกัน
แถลงการณ์ร่วมฉบับนี้ลงนามเมื่อเวลา 10.15 น. ของวันที่ 27 ธันวาคม 2568 เป็นต้นฉบับภาษาอังกฤษจำนวนสองฉบับ
'บิ๊กเล็ก' ยันยึดได้ 99%
พล.อ.ณัฐพลเปิดเผยว่า ทางกัมพูชาได้ตอบรับข้อตกลงทั้ง 4 ข้อ ซึ่งเป็นข้อตกลงที่เคยทำไว้แล้วที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ โดยจะมีการลงในรายละเอียดต่างๆ อีกครั้ง ขณะนี้เราเองก็มีความมั่นใจเป้าหมายที่กองทัพได้รับมอบหมายสามารถทำไปแล้ว 99% เหลืออีกบางส่วน ที่ต้องนำกำลังไปวาง โดยการเข้ายึดพื้นที่คืนว่ายากแล้ว การรักษายากกว่า แต่เราก็ต้องรักษาผืนแผ่นดินไทยของเราทั้งหมดไว้ เป็นการยึดในที่หมายพื้นที่สำคัญที่มีผลกระทบต่อประชาชน ต่ออธิปไตยเรา มองตรงนั้น
รมว.กลาโหมย้ำว่า สําหรับประชาชนชาวไทยเข้าใจถึงความรู้สึกโกรธเจ็บปวดและห่วงใยชาติบ้านเมือง รัฐบาลไม่เคยมองข้ามเสียงเหล่านี้ และไม่ได้ประมาทบทเรียนจากความสูญเสียที่ผ่านมา ขอแสดงความเคารพอย่างสูงสุดต่อกําลังพลทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความกล้าหาญ อดทน เสียสละ รวมถึงครอบครัวของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต การสูญเสียของท่านไม่ได้เป็นเพียงตัวเลขในรายงาน แต่เป็นรับผิดชอบโดยตรงของรัฐบาลที่จะดูแลเรื่องสิทธิสวัสดิการ เยียวยา การดูแลผู้บาดเจ็บและครอบครัวในระยะยาว รวมถึงการพิจารณาดูแลกําลังพลหลังการรบด้วยความจริงจังต่อเนื่องและเร่งด่วน
"ขอยืนยันต่อประชาชนและกําลังพลทุกนายว่า การหยุดยิงในครั้งนี้ เปิดโอกาสให้ใช้วิธีแก้ปัญหาโดยสันติวิธีในเวทีทางการทูตเพื่อกลับเข้ามาสู่การแก้ไขปัญหาร่วมกันอีกครั้ง รัฐบาลและกองทัพจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ตัดสินใจทุกขั้นตอนบนข้อเท็จจริง โดยยึดถืออธิปไตยศักดิ์ศรีของชาติ ความปลอดภัย และการใช้ชีวิตปกติของประชาชน ขอบคุณทหารทุกนายและประชาชนชาวไทยที่ยืนหยัดเคียงข้างประเทศชาติและกองทัพไทยด้วยความเข้าใจและเข้มแข็งในช่วงเวลาสําคัญของประเทศชาตินี้" พล.อ.ณัฐพลกล่าว
บรรลุเป้าหมายทางทหารแล้ว
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ว่า ในที่ประชุม สมช. ได้รับรายงานว่ากองทัพสามารถที่จะไปสถาปนาบูรณภาพดินแดนในทุกพื้นที่ ซึ่งอยู่ในแผนเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งในที่ประชุม สมช.ได้มีการรายงานแบบนี้ ส่วนเรื่องของการดำเนินการทางด้านการทูตก็เป็นเรื่องของกระทรวงการต่างประเทศและคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (จีบีซี) ซึ่งเขาก็ต้องกำหนดการตกลงในที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และวันที่ 28 ธ.ค. นายหวัง อี้ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของจีน เชิญนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.การต่างประเทศ ไปร่วมหารือที่นครคุนหมิง สาธารณรัฐประชาชนจีน อย่างที่เรียนในเรื่องของการรักษาดินแดนรักษาอธิปไตยกองทัพดำเนินการตามสิ่งที่มีอยู่ ที่เขาเห็นว่าสมควร
ศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ได้รวบรวมคำถามจากประชาชนที่ส่งเข้ามาและจัดทำเป็นเอกสารข่าวตอบเป็นลายลักษณ์อักษร รวม 20 ข้อ ซึ่งมีข้อที่น่าสนใจ เช่น
Q: ทำไมไม่รบต่อ
A: การรบของไทยและกัมพูชาที่ผ่านมา ได้เกิดขึ้นสองครั้งแล้ว ครั้งที่หนึ่งเป็นเวลา 5 วัน ในห้วง 24-28 ก.ค.68 และครั้งที่สอง เริ่มตั้งแต่วันที่ 7 ธ.ค.68 จนถึงตอนนี้เป็นเวลาเกือบ 20 วันแล้ว ซึ่งผลของการปฏิบัติทางทหารจนถึงปัจจุบัน ถือว่าฝ่ายเราบรรลุเป้าหมายทางทหารแล้ว โดยสามารถควบคุมภูมิประเทศสำคัญในพื้นที่เขตอธิปไตยที่มีผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนไว้ได้แล้ว
“และหากเราทำการรบต่อไป ความชอบธรรมของไทยในเวทีโลกก็จะเริ่มลดลง นอกจากนี้ เราอาจต้องสูญเสียชีวิตและเลือดเนื้อของทหารเพิ่มขึ้นอีก”
Q: แนวทางข้อที่ 3 ที่ระบุว่า “การหยุดยิงต้องอิงการประเมินของทหาร” หมายความว่าอย่างไร
A: หมายความว่า การตัดสินใจด้านความมั่นคงต้องตั้งอยู่บนข้อเท็จจริงในพื้นที่จริง ไม่ใช่แรงกดดันทางการเมืองหรือการสื่อสารจากภายนอก กองทัพไทยจะประเมินสถานการณ์อย่างเป็นมืออาชีพ เพื่อให้มั่นใจว่า การหยุดยิงไม่ทำให้ประชาชนหรือกำลังพลตกอยู่ในความเสี่ยง
Q: หากเกิดการละเมิดข้อตกลงหลังวันลงนาม ไทยจะดำเนินการอย่างไร
A : ไทยจะใช้ข้อมูลและข้อเท็จจริงที่ตรวจสอบได้ เป็นฐานในการดำเนินการทั้งในระดับทวิภาคีและการสื่อสารต่อประชาคมโลกขณะเดียวกัน กองทัพไทยยังคงมีหน้าที่และสิทธิในการป้องกันตนเองเพื่อคุ้มครองอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชนภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เฝ้าระวัง72ชม. จับตา‘กัมพูชา’ เบี้่ยวเจอสวน!
ผอ.ศูนย์แถลงข่าวร่วมฯ แจงเฝ้าระวังหยุดยิง 72 ชั่วโมง ชี้ตัวเลขที่เหมาะสม-ระดับมาตรฐานสากลใช้กันทั่วโลก ชี้บทเรียนฉีกข้อตกลงไทยพร้อมตอบโต้ป้องกันตนเองตามกฎบัตรสหประชาชาติข้อ
‘เท้ง’กลัวไม่ได้ตั้งรัฐบาล
กกต.เผยรับสมัคร สส.ทั้ง 400 เขตเรียบร้อยดี เตรียมรับสมัคร สส.บัญชีรายชื่อวันอาทิตย์นี้ เตือนประชาชนโพสต์ข้อความผิด กม.เลือกตั้ง เจอคุก 10 ปี
ตามล่าอาชญากร ‘ฮุนเซน-ฮุนมาเนต’
ไม่ปล่อยให้ลอยนวล เดินหน้าเอาผิด 2 พ่อลูกตระกูลฮุน อธิบดีอัยการฯ ลงพื้นที่ประชุม ผบช.ภ.3 สอบเสธ.ทหารเป็นพยานมัด "ฮุน เซน-ฮุน มาเนต"
ศูนย์แถลงฯ เปิดเหตุผล ‘ไม่รบต่อ’ ประเมินโดยฝ่ายทหาร ไร้การเมืองบีบ
ศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เผยเอกสารตอบคำถามประชาชน 20 ข้อ ชี้การตัดสินใจหยุดการรบมาจากการประเมินของฝ่
เฝ้าระวังหยุดยิง 72 ชั่วโมง ไทยพร้อมตอบโต้ป้องกันตัว
ผอ.ศูนย์แถลงข่าวร่วมฯ แจงเฝ้าระวัง ‘หยุดยิง’ 72 ชั่วโมง ชี้ตัวเลขที่เหมาะสม -ระดับมาตรฐานสากลใช้กันทั่วโลก ชี้บทเรียนฉีกข้อตกลง ไทยพร้อมตอบ
ทภ.1 รายงานเบื้องต้น สองฝ่ายหยุดยิง ตามข้อตกลง ’เที่ยงวัน‘
กองทัพภาคที่ 1รายงานสถานการณ์ในส่วนพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชา จ. สระแก้ว ตรวจสอบเบื้องต้น ทั้ง

