'ลุงตู่' ตัดพ้อถูกวิจารณ์เดินตลาด ไปหรือไม่ไปก็โดนด่า ขอให้แยกแยะ 'หาเสียง-ทำงาน'

30 มี.ค.2565 - ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นานกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่ตลาดทรัพย์สินพัฒนา (ตลาดสะพานขาว) เมื่อเย็นวันที่ 29 มี.ค.ว่า เนื่องจากพอมีเวลาตนจึงได้ลงไปดู ไปเยี่ยม เพื่อให้กำลังใจกับบรรดาพ่อค้าแม่ค้า ซึ่งต้องขอชื่นชมโดยได้สอบถามผู้ค้าหลายรายว่าขายหมดหรือไม่ ซึ่งบางเจ้าก็ขายหมด บางเจ้าก็ขายเกือบหมด จึงถามต่อว่าหากขายไม่หมดแล้วทำอย่างไร ซึ่งผู้ค้าได้ระบุว่าถ้าขายไม่หมดก็นำไปแปรรูปทำอย่างอื่น ตนถามว่าถ้าขายไม่หมดอีกจะทำอย่างไร ผู้ค้าบอกว่านำไปแจกคน ตนได้ยินก็ชื่นใจ และขอบคุณจริงๆถ้าคิดกันได้แบบนี้ หลายคนระบุว่าก็ลำบากหน่อยเพราะปัจจุบันรายได้ลดลง การซื้อของต่างๆก่อนหน้านี้ซื้อได้จำนวนมากแต่ปัจจุบันก็ลดลง ซึ่งตนได้สอบถามลูกค้าว่าเข้าใจหรือไม่ว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพราะอะไร ซึ่งผู้ค้าก็บอกว่าเข้าใจ ซึ่งตนก็ได้ให้กำลังใจโดยบอกว่าจะพยายามทำอย่างเต็มที่ ซึ่งตนทราบดีว่าทุกคนเดือดร้อน ไม่มีความสุข แล้วตนที่เป็นนายกรัฐมนตรีจะมีความสุขได้อย่างไร ทุกอย่างก็ได้รับการรายงานตลอดเวลาทุกวัน 24 ชั่วโมง มีทั้งรูป ทั้งคลิปสื่อต่างๆ แม้แต่สังคมโซเชียล

“ผมได้ติดตามในทุกด้าน ผมรู้ดีว่าเดือดร้อนอะไรกันอย่างไร แต่ประเด็นสำคัญคือเราจะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างไรโดยไม่มีผลกระทบไปสู่ส่วนอื่นในระยะยาว ทั้งในเรื่องของงบประมาณการเงินการคลัง เรื่องความพอเพียงและความพอใจของประชาชน ซึ่งทั้งหมดต้องมาหารือร่วมกัน ซึ่งผมมีคณะทำงานหลายคณะกว่าจะออกโครงการอะไรมาก็ต้องมีการถกแถลงทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน และถ้าสถานการณ์ยืดยาวไปกว่านี้จะทำอย่างไรและหาเงินที่ไหนหามาได้อย่างไร ทั้งหมดยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายแต่รัฐบาลทำอย่างเต็มที่ ต้องขอขอบคุณประชาชนอย่างน้อยที่เข้าใจว่าปัญหาเกิดขึ้นจากอะไร”พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า อยากจะชี้แจงสื่อตรงนี้ว่าตนในฐานะผู้นำรัฐบาลก็พยายามทำทุกอย่างๆเต็มที่ ในการที่จะแก้ไขปัญหาให้ได้ บางอย่างอาจจะไม่ได้ 100% หรือไม่เป็นที่พอใจของทุกคนทุกภาคส่วน แต่ต้องยอมรับว่าวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนพร้อมๆในเวลาใกล้เคียงกัน แม้แต่ในประเทศไทยเราไม่เคยเจอสถานการณ์เช่นนี้ในยุคสมัยใหม่ขณะนี้

"เจอโควิดเข้าไปถามว่าใครเคยเจอบ้างสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ใครเคยเจอบ้างสถานการณ์การสู้รบ ซึ่งส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่และผลกระทบในทุกมิติที่หลายประเทศมีความเชื่อมโยงกัน เรื่องนี้ต้องเข้าใจและให้ความเป็นธรรมกับรัฐบาลด้วย ผมเองไม่เคยนิ่งดูดายในทุกๆงาน แล้วจะหาโอกาสไปเยี่ยมเยียนอีกในโอกาสที่เหมาะสม ในหลายๆพื้นที่ผมก็อยากไปคุยกับพวกเขา ให้กำลังใจกับพวกเขา แม้ใครจะชอบหรือไม่ชอบ ผมก็ไม่สนใจตรงนั้นอยู่แล้ว ผมต้องการจะไปเพื่อเห็นหน้าเห็นตาพวกเขา เพราะได้เห็นจากสื่อและสังคมโซเชียลต่างๆมามากพอสมควรแล้วซึ่งก็มีทั้งคนที่พอใจและไม่พอใจ ผมถือเป็นเรื่องธรรมดา จะให้ใครรักเราทุกคนคงเป็นไปไม่ได้ แต่ขอให้เขาเข้าใจว่าความตั้งใจของผมคืออะไร ผมพยายามทำอย่างดีที่สุด” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าแต่ขณะเดียวกันมีการมองว่าการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีเป็นการไปช่วยหาเสียงเพื่อช่วยเหลือใครหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบด้วยน้ำเสียงมีอารมณ์ว่า “ทำไมต้องมองไปในเรื่องการหาเสียงด้วย ผมไปหาเสียงให้ใครหรือ มันช่วงหาเสียงหรือเปล่า ไปหาเสียงให้ใคร หาเสียงอะไร” เมื่อผู้สื่อข่าวระบุว่าในช่วงนี้เป็นฤดูการหาเสียงท้องถิ่น โดยเฉพาะพื้นที่กรุงเทพมหานครแล้วพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ เลือกตั้งอะไร เลือกตั้งกรุงเทพมหานคร แล้วผมไปเลือกให้ใคร ผมพูดกับใคร ผมให้เครดิตใครหรือ ถ้ามองกันอย่างนี้ก็ไม่ต้องทำอะไร พอไม่ไปก็ว่าผม พอไปก็ว่าผมอีก ช่วงไหนไปได้ก็ไป

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า การเป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ ประเทศไทยมันไม่ใช่แบบนี้มาก่อน ที่เวลาจะไปไหนก็มีกลุ่มนั้นกลุ่มนี้มาต่อต้าน มาด่ามาว่า มันไม่เคยมี มันเริ่มมีมาตั้งแต่เมื่อไหร่มันเคยเกิดขึ้นมาหรือไม่ แล้วจะให้มันเกิดขึ้นอีกหรือ ตนไม่อยากให้เกิดความขัดแย้งกันตรงนี้ด้วยเพราะฉะนั้นการไปไหนอะไรก็ตามถ้ามีการแจ้งล่วงหน้าเมื่อไหร่ก็มีเรื่องกันทุกที เพราะฉะนั้นตนก็จะหาโอกาสของตัวเองถ้าสามารถไปได้ก็จะไป ดังนั้นก็ต้องรับฟังเจ้าหน้าที่ฝ่ายที่เค้ารับผิดชอบในพื้นที่นั้นๆ ที่เขาต้องดูแลเรื่องของความปลอดภัย มันต้องให้เกียรติซึ่งกันและกันบ้าง

"อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าเหตุการณ์ลักษณะนี้น้อยลง สมัยก่อนมากกว่านี้ ผมเข้ามากี่ปีแล้วมันลดลงหรือไม่ มันก็ลดลงไปนะ เพราะผมไม่ต้องการให้คนแต่ละฝ่ายมาตีกันหรือมาด่ากันต่อหน้าต่อตา มาว่ากันไปว่ากันมา และนี่ไม่ใช่คุณลักษณะของประเทศไทยของคนไทยเลย มันทำให้ประเทศหมดเสน่ห์

ผมถามว่าความขัดแย้งมันได้อะไรขึ้นมาอยากจะรู้ตรงนี้เท่านั้นเอง มีบางคนก็หวังแต่จะชนะ ผมถามว่าถ้าชนะแล้วมันมีความขัดแย้งแล้ว จะได้ประโยชน์อะไรขอถามหน่อย แล้วจะรักษาชัยชนะนั้นไว้ได้หรือไม่ ถ้าทำแล้วชนะแต่ความสงบความเรียบร้อยไม่เกิดขึ้น

แต่ผมก็มีหน้าที่ของผมตรงนี้ในการที่จะทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบเรียบร้อย ขอให้ย้อนกลับไป 7-8 ปี ที่ผ่านมาก่อนหน้านั้นอะไรมันเกิดขึ้น วันนี้หลายโครงการที่อนุมัติออกไปผมเน้นให้ลงในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ของใครก็ตาม ถ้ามีความจำเป็นเร่งด่วนประชาชนต้องการผมก็ทำให้ ผมไม่ได้เลือก และนี่คือผม นี่คือรัฐบาลผม

ไม่ใช่มองอะไรก็เป็นเรื่องการหาเสียงไปหมด ทำงานก็คือทำงาน บริหารก็คือบริหาร ขอให้แยกแยะ ไม่เช่นนั้นก็จะเกิดความไม่เข้าใจกันไปเรื่อยเปื่อย บิดเบือนกันไปมาถามว่ามันได้ประโยชน์อะไรขึ้นมากับการสร้างคนแยกออกเป็น 2-3 ฝ่าย แล้วมันจะอยู่กันไปอย่างไรในวันข้างหน้า ใครจะอยู่ผมก็ยังไม่ทราบ ผมต้องการให้ประเทศชาติมีความรักมีความสามัคคี ก็แค่นั้นเอง” นายกฯกล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'สุวัจน์' หวนคืนชื่อเดิม 'พรรคชาติพัฒนา' แต่งตั้ง สส.แจ้ เป็นรองหัวหน้าพรรค

พรรคชาติพัฒนากล้า เปิดการประชุมใหญ่สามัญ ประจำปี 2567 นำโดยนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า , นายเทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ,

'ชัยเกษม' ออกตัวไม่เกี่ยวปรับครม. ผู้บริหารพรรคจะใช้ให้ทำอะไรก็ได้ สบายๆ

นายชัยเกษม นิติสิริ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย เดินทางมาไหว้ศาลพระภูมิเจ้าที่ ศาลตา ศาลยาย โดยผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่า การเดินทางมาไหว้วันนี้เกี่ยวอะไรกับการปรับ ครม.หรือไม่

ไทยในสายตาต่างชาติ: สมัยรัชกาลที่เจ็ด (ตอนที่ 20: การเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 ในสายตาผู้ช่วยทูตทหารฝรั่งเศส)

(ต่อจากตอนที่แล้ว) ในรายงานลงวันที่ 24 กันยายน 1932 (พ.ศ. 2475) ของพันโท อองรี รูซ์ ผู้ช่วยทูตทหารบกและทหารเรือประจำสยาม ประจำสถานอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำสยาม มีความว่า

'เผ่าภูมิ' ปัดนายกฯ ส่งสัญญาณนั่งเก้าอี้รัฐมนตรี

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวได้เดินทางมารับเอกสารกรอกแบบฟอร์มตรวจสอบคุณสมบัติรัฐมนตรี เรียบร้อยแล้ว ว่า ตนไม่ให้คอมเมนท์ ยืนยันว่าขณะ

อดีตบิ๊กข่าวกรองเตือนสติ! อย่าหลับตาพูดลืมตาดูสถานการณ์โลกด้วย

นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และอดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ