'แรมโบ้' อัด 'ศิธา' ควรใช้สมองคิด ก่อนวิจารณ์คำสัมภาษณ์นายกฯเรื่องเครื่องบินรบเมียนมา เพราะเป็นเรื่องใหญ่ ทำประชาชนเข้าใจผิดได้ ยืนยันนายกฯไม่ได้บอกว่าไทยไม่มีสมรรถนะปกป้องอธิปไตย ฟังให้ได้ศัพท์ อย่าเพิ่งจับไปกระเดียด
3 ก.ค.2565 - นายเสกสกล อัตถาวงศ์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี น.ต.ศิธา ทิวารี ประธานคณะกรรมการอำนวยการและพัฒนาพรรคไทยสร้างไทย โพสต์เฟซบุ๊ก พร้อมคลิปการให้สัมภาษณ์นายกฯกรณี เครื่องบินรบพม่าบินรุกล้ำน่านฟ้าไทย ลักษณะว่าหากนายกฯไม่มีสมรรถนะพอเพียง ที่จะรักษาอธิปไตยของเราไว้ได้ ให้ลาออกไป
โดยนายเสกสกล กล่าวงว่า หากน.ต.ศิธา ฟังการให้สัมภาษณ์ของนายกฯไม่ชัดเจน ก็ไม่ควรที่จะนำมาเป็นประเด็น สร้างความเข้าใจผิดให้กับประชาชนได้
ทั้งนี้คำพูดที่นายกฯให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนคือ “เรายังมีสมรรถนะที่พอเพียงจะป้องกันอธิปไตยของเราไว้ได้ แต่วันหน้าก็ต้องดูว่าเรามีความเข้มแข็งทันสมัยเพียงพอหรือไม่ในอนาคตไว้ด้วย” โดยจะเห็นว่า สื่อหลายสำนักเข้าใจคลาดเคลื่อนแล้วไปพาดหัวข่าวทำนองว่า "...นายกฯ รับไทยไร้สมรรถนะ ป้องกันอธิปไตย" และต่อมาก็ได้ลบข่าวนี้ออกจากเว็บไซต์ไปแล้ว
นายเสกสกล ยังขอให้น.ต.ศิธา คิดก่อนออกมาแสดงความเห็นเรื่องแบบนี้ เพราะตามหลักแล้วทุกประเทศ ก็มีสมรรถนะที่เพียงพอที่จะปกป้องอธิปไตยของตัวเองอยู่แล้ว อีกทั้งก็ไม่มีนายกฯหรือผู้นำคนใดที่จะออกมาให้สัมภาษณ์แบบนี้อย่างแน่นอน
“ตนว่าต่อให้น.ต.ศิธา ให้ไปอ่านเจอมาจากสื่อไหน หรือฟังมาจากใครมา ก็น่าจะใช้สมองคิดบ้างว่าจะเป็นอย่างนั้นหรือไม่ นายกฯจะพูดเช่นนั้นได้อย่างไร ช่วยกลับไปฟังใหม่ แปลความใหม่ด้วย ต่อไปเรื่องใหญ่ๆที่เกี่ยวกับประเทศชาติบ้านเมืองสำคัญเช่นนี้ น.ต.ศิธายิ่งควรระมัดระวังคำพูด เพราะประชาชนจะเข้าใจผิด อาจเกิดผลกระทบกับประเทศชาติได้ อย่าเพียงทำลายนายกฯเพื่อหวังผลทางการเมืองเลย"นายเสกสกล กล่าว
นายสเกลสกล กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้การออกมาวิพากษ์วิจารณ์แบบนี้อาจจะกระทบกับความมั่นคงของประเทศ รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้ ทั้งที่นายกฯได้ออกมาชี้แจงแล้วว่าเรื่องเครื่องบินเมียนมา ทางเมียนมาได้ขอโทษ และไม่มีเจตนาที่จะลุกล้ำ
"นายกฯไม่เคยบอกว่า ไทยไม่มีสมรรถนะปกป้องอธิปไตย น.ต. ศิธา อย่าได้นำมาบิดเบือน บางครั้งความไม่ชอบนายกฯส่วนตัวห้ามใจกันไม่ได้ แต่การฟังไม่ได้ศัพท์ จับมากระเดียด ทำให้คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดต่อตัวนายกฯและยังมาขับไล่นายกฯอีกเหมาะสมหรือไม่ น.ต.ศิธากับผมก็เป็นเพื่อนกัน ผมก็ห่วงใยไม่อยากให้เสียคนตอนแก่ ก็ขอให้ตรวจสอบข้อมูลให้ชัดเจน ก่อนที่จะเสียหายต่อประเทศชาติ ด้วยข้อมูลที่บิดเบือน ไม่เป็นความจริงตามที่กล่าวหา" นายเสกสกล กล่าว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทัพเรือเผยเหตุเขมรบุกหนัก เคยใช้สไนป์เปอร์ลอบยิง ผบ.หน่วย ก่อนเปิดฉากรบ
โฆษกกองทัพเรือเปิดเผย ช่วงก่อนการโจมตีบ้านเรือน 3 หลัง ฝ่ายกัมพูชามีความพยายามยั่วยุหลายครั้ง รวมถึงเหตุใช้พลซุ่มยิงลอบยิงผู้บังคับหน่วยระดับผู้นำ ก่อนสถานการณ์พัฒนาไปสู่การสู้รบ
กองทัพบกประณามกัมพูชา ใช้กำลังโจมตีพลเรือนชายแดน
โฆษกกองทัพบกระบุ การโจมตีชุมชนและบ้านเรือนประชาชนใกล้แนวชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นการใช้กำลังไม่เลือกเป้าหมาย ละเมิดกฎหมายมนุษยธรรม ส่งผลกระทบรุนแรงต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนไทยจำนวนมาก
ทภ.2 สรุปชายแดนไทย-กัมพูชา ปะทะเป็นระยะ โดรนฝ่ายตรงข้ามหนาแน่น
กองทัพภาคที่ 2 รายงานภาพรวมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พบการปะทะต่อเนื่องในหลายพื้นที่ ฝ่ายตรงข้ามใช้งานโดรนและอาวุธหนักหนาแน่น ขณะฝ่ายไทยยิงตอบโต้ทำลายที่ตั้งยิงและยานพาหนะได้หลายครั้ง สถานการณ์ยังอยู่ในการควบคุม
ทภ.2 มีหลักฐานเขมรละเมิดอนุสัญญาเจนีวา-กฎหมายมนุษยธรรม 3 ประการ
กองทัพภาคที่ 2 เปิดข้อมูลการสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชาตลอด 13 วัน ระบุพบพฤติกรรมทางทหารของฝ่ายกัมพูชาที่เข้าข่ายละเมิดอนุสัญญาเจนีวาและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ชี้ชัดการใช้โบราณสถานเป็นฐาน การดึงพลเรือนร่วมปฏิบัติการ และการนำพลเรือนเข้าสู่พื้นที่การรบ
'ปานเทพ' เรียกร้องเอาผิดไส้ศึกส่งน้ำมันให้เขมร ชี้เข้าข่ายโทษประหาร!
ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ระบุผู้ที่ส่งน้ำมันซึ่งเป็นยุทธปัจจัยให้กัมพูชา ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม เข้าข่ายช่วยข้าศึกทำร้ายทหารและพลเมืองไทย ขอให้ประชาชนช่วยแจ้งความดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 122 ซึ่งมีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต
‘จตุพร’ เตือนสงครามไทย-กัมพูชา ต้องไม่จบแบบโง่ๆ แค่ให้พ้นสิ้นปี
จตุพร พรหมพันธุ์ ระบุว่าสันติภาพจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อกัมพูชาคืนดินแดนไทยและหยุดยิงจริง ชี้หากสงครามจะยุติในช่วงสิ้นปี ต้องไม่จบแบบลวงโลกหรือซ้ำรอยการหยุดยิงรอบแรก พร้อมย้ำไทยไม่อาจแลกแผ่นดินกับสันติภาพจอมปลอม

