'มัลลิกา' โต้สื่อไม่รู้จริงยัน 'พาณิชย์' ผลักดัน Soft Power ไทยเต็มที่

มัลลิกา หนุนรัฐบาลสร้าง “ฮับด้านอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ของเอเชีย” ชูนโยบาย Soft Power ของ “จุรินทร์” สร้างรายได้เข้าประเทศต่อเนื่อง พร้อมชี้ 3 ช่องทางให้ ศิลปิน-ผู้ประกอบการ รับการสนับสนุน

4 ก.ย. 2565 – นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่ากรณีบทความหนังสือบางฉบับลงเรื่อง Soft Power โดยขยี้รัฐบาลไทยว่าไม่สนับสนุนเอื้อโอกาสให้เยาวชน-ศิลปินไทยเขาจึงไปหาโอกาสที่อื่นนั้น เรื่องนี้เชื่อว่าคนเขียนน่าจะไม่ได้ติดตามนโยบายรัฐบาลและมีข้อเท็จจริงไม่ครบถ้วนเมื่อเผยแพร่ออกไปก็เกิดประเด็นกว้างขวางบนโซเชียลมีเดียและทำให้คนเข้าใจผิดได้

โดยนโยบายบุกตลาดโลกโดยล่าสุดนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพิ่งจัดงาน MOVE 2022 ดัน Soft Power ไทย เป็นฮับด้านอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ของเอเชียสร้างรายได้งานเดียว ตั้งเป้าไว้ที่ 500 ล้านบาท ปรากฏว่าสามารถทำยอดได้ทะลุเป้าได้ถึง 604 ล้านบาท ย้ำว่างานเดียวกว่า 604 ล้าน จัดไปเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2565

อันนี้ข่าวล่าสุดของรัฐบาลไทย โดยเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ Multimedia Online Virtual Exhibition 2022 หรือ มูฟ(MOVE) ที่สตูดิโอกันตนาร่วมกับเครือข่ายวงการอุตสาหกรรมนี้ทุกเจนเนอเรชั่นทั้งหมด ขณะนี้เนื้อหาด้าน SoftPower ตื่นตัวกันมาตลอด 3 ปีและงานมูฟ MOVE คือโครงการเจรจาการค้าระหว่างผู้ประกอบธุรกิจดิจิทัลคอนเทนท์ของไทยกับผู้ประกอบการหรือผู้ซื้อในต่างประเทศผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 3 แล้วนับตั้งแต่ปี 62 ถึงปัจจุบัน

“กระทรวงพาณิชย์สามารถสร้างมูลค่าการค้าในอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนท์ทั้งในและต่างประเทศมูลค่ารวมถึง 11,634 ล้านบาท ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมภาพยนตร์ 7,321 ล้านบาท อนิเมชั่นกับคาแรกเตอร์ 3,517 ล้านบาท เกมส์ 706 ล้านบาทและ e-learning 90 ล้านบาท รวม 11,634 ล้านบาท นี่คือผลงานรัฐบาลด้าน SoftPower” ส.ส.ดร.มัลลิกา กล่าว

พร้อมกันนี้ยังระบุด้วยว่า ประเทศเราเดินหน้าจับมือร่วมกันกับภาคเอกชนจะ”สร้างประเทศไทยให้เป็นฮับของอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนท์ของเอเชียให้ได้ต่อไปในอนาคต” นี่คือเป้าหมายที่นายจุรินทร์ประกาศไว้ และผลการสำรวจเมื่อปี 2563 ที่ผ่านมามูลค่าอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนท์ของไทยมีมูลค่าสูงมากถึง 200,000 ล้านบาท เป็นมูลค่าที่เกิดจากภาพยนตร์กับโทรทัศน์รวมกัน 153,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นธุรกิจให้ชมภาพยนตร์ผ่านออนไลน์ถึง 36,000 ล้านบาท

“ขอเรียนว่าถ้าเราจะเขียนอะไรสักอย่างนึงเราต้องรู้ลึกรู้จริงในเรื่องนั้นไม่ใช่สักแต่จะ bully รัฐบาลเพื่อความสะใจหรือสาสมจริตตนเท่านั้น ยุคนี้ข้อมูลเท็จมันเยอะแพร่เร็วมากมันจะเกิดความปั่นป่วนเพราะข้อมูลเท็จจำนวนไม่น้อยก็สร้างปัญหาสกัดกั้นโอกาสของผู้คน จึงขอเรียนให้ทราบว่า Soft Power เป็นนโยบายของรัฐบาลไทยที่จะยกประเทศไทยเป็น”ฮับแห่งเอเชีย”ด้านนี้ ซึ่งไม่เพียงแต่สนับสนุนศิลปินแต่หนุนเป็นอุตสาหกรรมระดับโลกแล้ว” ส.ส.ดร.มัลลิกา กล่าว

อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวด้วยว่า เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่าภาคอุตสาหกรรมที่เป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจสำคัญอีกตัวหนึ่งคืออุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนท์ที่พวกเรากำลังจับมือเดินไปข้างหน้าเพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้กับประเทศต่อไปและจะไปรวมในตัวเลขการส่งออกของประเทศที่เป็นพระเอกการขับเคลื่อน GDP ของประเทศ และจากนี้ถ้าเราเปิดประเทศได้การท่องเที่ยวเข้ามาอีกก็จะช่วยเติม อย่างน้อยการส่งออกล่าสุดตัวเลขเดือน ม.ค.-ก.ค.2565 ก็ทำเงินเข้าประเทศ 7 เดือนแรกโต 11.5% มูลค่ากว่า 5.77 ล้านล้านบาท เป็นบวก 17 เดือนต่อเนื่องการส่งออกยังเป็นพระเอกและดิจิทัลคอนเทนท์เป็นส่วนหนึ่งของตัวเลขส่งออก

“ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ผลักดันอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนท์ของไทยนำซอฟพาวเวอร์ มาผสมผสานเพื่อสะท้อนความเป็นอัตลักษณ์ของความเป็นไทยลงไปในเนื้อหาของดิจิทัลคอนเทนท์ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ซีรีย์ต่างๆ รายการโทรทัศน์ เกมส์หรืออื่นๆรวมทั้งอนิเมชั่นหรือคาแรคเตอร์ศิลปิน นอกจากขายศักยภาพของภาคธุรกิจด้านนี้ของไทยแล้วให้ขายความเป็นไทยเข้าไปด้วยจะได้สองต่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจและศิลปะวัฒนธรรมวิถีชีวิตของความเป็นเราคู่ขนานกันไปพร้อมพร้อมกันทั้งนี้เพื่อรองรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวหลังวิกฤติโควิด-19 ด้วย ตอนนี้กระทรวงพาณิชย์เขาทำกิจกรรม 2 กิจกรรมหลัก 1.กิจกรรมจับคู่ธุรกิจออนไลน์ระหว่างผู้ประกอบการของไทยและต่างประเทศที่เข้ามาซื้อเบื้องต้นที่ประสานต่อเนื่องก็ 40-50 รายรวมทั้ง Netflix และกิจกรรมที่2 พิชชิ่ง(Pitching )ให้ 5 บริษัทของไทยนำเสนอผลงานให้บริษัทต่างประเทศเพื่อซื้อขายหรือเจรจา
รัฐบาลมี 3 ส่วนในการสนับสนุนด้านนี้ คือ 1.ในส่วนกองทุนอยู่ที่กระทรวงวัฒนธรรมเรียกว่ากองทุนสื่อสร้างสรรค์เป็นผู้พิจารณางบประมาณสนับสนุนการผลิตสามารถไปยื่นเรื่องได้ 2.กระทรวงอุตสาหกรรมมีหน้าที่สนับสนุนในระดับนโยบายและอุตสาหกรรม 3.กระทรวงพาณิชย์ส่งเสริมการค้าและการเจรจาการพบปะแลกเปลี่ยนซื้อขายดังนั้นถ้าเกิดจะประสานงานด้านใดต่างก็มีช่องทางในการติดต่อ ” ส.ส.ดร.มัลลิกา ในฐานะอดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รัฐบาลช่วย SME ไทย เข้าถึงแหล่งเงินทุน ผ่านมหกรรมทรัพย์หลักประกันทางธุรกิจ

รัฐบาลบูรณาการความร่วมมือภาครัฐ-เอกชน ส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้กับ SME ไทย ผ่านการจัดงานมหกรรมทรัพย์หลักประกันทางธุรกิจ

'พาณิชย์' ลุยต่อ จัดธงฟ้าราคาประหยัด ลดภาระค่าครองชีพให้พี่น้องประชาชน ชาว จ.สุรินทร์ และ จ.อุบลราชธานี

“พาณิชย์” เดินหน้าลดค่าครองชีพให้พี่น้องประชาชน จัดงานธงฟ้าราคาประหยัด ทั้งที่จ.สุรินทร์ และจ.อุบลราชธานีนำสินค้าจากผู้ประกอบการ ห้าง เกษตรกร SMEs วิสาหกิจชุมชน เครือข่ายรุ่นใหม่ YEC และ Young Smart Farmer รวม 10 หมวดสินค้า กว่า 1,000 รายการ ลดสูงสุด 60%

'ภูมิธรรม' ชื่นชมคอร์สสอนทำอาหารไทยในฮ่องกงกำลังเป็นที่นิยม ช่วยดันซอฟต์พาวเวอร์อาหารไทย

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเปิดงาน Thai Food Festival ที่โรงแรม Hotel ICON