'ทสท.' คึกคัก เลือก 'สุดารัตน์' หัวหน้า ประกาศเปลี่ยนรัฐราชการเป็นรัฐปชช. ตั้ง5กองทุนเพื่อคนตัวเล็ก

'ไทยสร้างไทย' เลือก 'สุดารัตน์' นั่งหัวหน้า 'ผู้พันปุ่น' เลขาธิการฯ 'หญิงหน่อย' ประกาศเปลี่ยนประเทศ ร่างรธน.คาดโทษรัฐประหารเป็นกบฏ เปลี่ยนรัฐราชการเป็นรัฐปชช. ลากคนโกงเข้าคุก ตั้ง5กองทุนเพื่อคนตัวเล็ก พร้อมแจกคูปองเรียนฟรีถึงป.ตรี 30บาทสุขภาพดีถ้วนหน้า บำนาญปชช.

9 ก.ย.65 - เมื่อเวลา 09.45 น. พรรคไทยสร้างไทย(ทสท.) จัดประชุมใหญ่วิสามัญพรรค ที่โรงละครเคแบงค์ยามพิฆเนศ ศูนย์การค้าสยามสแควร์วัน ชั้น7 โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก มีผู้ร่วมงานสำคัญๆ อาทิ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย นายโภคิน พลกุล อดีตประธานรัฐสภา นายอุดม รัตนเสถียร นายสุธา ชันแสง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

โดยมีวาระสำคัญ คือเลือกตั้งคณะกรรมการบริหาร(กก.บห.)พรรคไทยสร้างไทย ชุดใหม่ จำนวน 50 คน ผลปรากฎว่าที่ประชุมเห็นด้วยให้คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ส่วนน.ต.ศิธา ทิวารี อดีตผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และอดีตส.ส. เป็นเลขาธิการพรรค สำหรับตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค จำนวน 11 คน อาทิ นายสุพันธุ์ มงคลสุธี อดีตประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศ นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายประวัฒน์ อุตตะโมช อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พ.ต.ท.กุลธน ประจวบเหมาะ นางนาถยา แดงบุหงาอดีตส.ส.กทม. เป็นต้น

ตำแหน่งรองเลขาธิการ จำนวน 10 คน อาทิ นายตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส เป็นต้น ส่วนน.ส.ธิดารัตน์ ยิ่งเจริญ เป็นโฆษกพรรค และมีนายธวัชชัย สุทธิบงกช เป็นนายทะเบียนพรรค ส่วนกรรมการบริหารพรรค มีทั้งสิ้น 24 คน เช่น นายนาดา ไชยจิตต์ นายแมน เจริญวัลย์ เป็นต้น และมีดร.สุวดี พันธุ์พานิช เป็นเหรัญญิกพรรค

จากนั้น คุณหญิงสุดารัตน์ ในฐานะหัวหน้าพรรรค แสดงวิสัยทัศน์ว่า ขอสัญญาว่าจะทำหน้าที่อย่างดีที่สุด เต็มกำลังความสามารถ ในการนำพรรคให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามที่เราได้มีปนิธาณร่วมกัน ทำงานอย่างหนัก เปลี่ยนประเทศไทย ให้พี่น้องประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม ขอประกาศว่าพรรคจะขออาสาเหนื่อยแทนประชาชน จะไม่ปล่อยให้ประชาชนสู้กับความยากจน ความลำบากตามยกถากรรมอีกต่อไป จะทำให้ประชาชนหมดหนี้

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า 90 ปีประชาธิปไตยวนเวียนกับการรัฐประหาร อยู่กับวงจรอุบาทว์และการด้อยค่าประชาธิปไตย พรรคการเมืองบางพรรคอ้างตัวเป็นประชาธิปไตย แต่ไม่เคยลุกมาปกป้องเมื่อมีการรัฐประหาร ตนต่างหากที่ต้องต่อสู้กับรัฐประหารตั้งแต่วินาทีแรกที่ก้าวสู่การเมืองในปี 35 บางพรรคไม่เคยต่อสู้ แต่ยังร่วมมือกดทับคนตัวเล็กเสียด้วย

หัวหน้าพรรคทสท.กล่าวอีกว่า ตนและเพื่อนร่วมอุดมการณ์จึงตั้งใจสร้างพรรคไทยสร้างไทยให้เป็นพรรคของพี่น้องประชาชนทุกหมู่เหล่าทุกช่วงวัยอย่างแท้จริงโดยมีปณิธานที่จะร่วมกับพี่น้องประชาชนสร้างประเทศไทยที่ดีที่สุดให้กับคนรุ่นต่อไป บนพื้นฐานของความปรองดองด้วยความจริงใจรับฟังซึ่งกันและกันอย่างมีเหตุผล มีความเห็นอกเห็นใจกันในฐานะเพื่อนร่วมชาติ สร้าง EMPATY DEMOCRACY พรรคสร้างไทยจะเสนอแนวทางแก้ปัญหาด้วยการปลดล็อกประชาชนจากพันธนาการและการกดทับของรัฐราชการ(LIBERATE) และสร้างอำนาจ (EMPOWER) ประชาชนโดยเฉพาะคนตัวเล็กให้เข้าถึงโอกาสต่างๆ เปลี่ยนประเทศร่วมกันด้วยการกำจัดความคิดและวัฒนธรรมแบบอำนาจนิยมเปลี่ยนกลไกรัฐราชการให้เป็นกลไกที่ตอบสนองการดำรงชีวิตและการทำมาหากินของพี่น้องประชาชน

ประการแรก ต้องปลดล็อควิกฤตการเมืองที่ยาวนานกว่า 16 ปี ด้วยการคืนอำนาจให้ประชาชนในการสร้างรัฐธรรมนูญของประชาชนเพื่อประชาชน ผลักดันให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ที่สำคัญที่สุดรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนจะต้องมีบทบัญญัติให้คนล้มล้างรัฐธรรมนูญเป็นกบฏ และต้องรับโทษทัณฑ์สูงสุด

ประการที่สอง เปลี่ยนรัฐราชการให้เป็นรัฐประชาชนให้สำเร็จ อำนวยความสะดวกให้ประชาชนและหน่วยงานของรัฐต้องเป็นหุ้นส่วนกับประชาชนในการดำรงชีวิตและการทำมาหากินของประชาชนให้ง่ายขึ้น

ประการที่สาม คือการปลดล็อคกฎหมายที่เป็นอุปสรรคขัดขวางการทำมาหากินของประชาชน ซึ่งพรรคไทยสร้างไทยได้ร่างกฎหมายพักใช้กฎหมายที่เกี่ยวกับการอนุมัติ อนุญาตรวมถึงโทษอาญาหรือทางปกครองไว้ชั่วคราว 3-5 ปี ประมาณ 1,500 ฉบับ

และประการที่สี่ คือการปลดล็อคจากการทุจริตคอรัปชั่นอันเปรียบเสมือนมะเร็งร้ายเป็นรากเหง้าของปัญหา ซึ่งได้ฝังรากลึกไปทุกวงการโดยเฉพาะนักการเมืองระดับประเทศนักการเมืองท้องถิ่นราชการและรัฐวิสาหกิจ พรรคเตรียมโมเดลปราบโกงไว้เรียบร้อยแล้ว เชื่อว่าถ้าพรรคได้ทำงานจริงจะลากเอาคนโกงเข้าคุก ให้ประชาชนได้อย่างสะใจอย่างแน่นอน

“พรรคจะส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งทุนในการทำมาค้าขาย โดยได้ร่างกฎหมายในการจัดตั้งกองทุนไว้ 5 กองทุน คือ 1. กองทุนปลดล็อคหนี้เสียSMEs คนตัวเล็ก จากตัวเลขหนี้ของครัวเรือนและภาคเอกชนที่สูงมากและเริ่มเป็นหนี้เสียเราจึงต้องเร่งช่วยเหลือผู้ประกอบการรายเล็กเหล่านี้ โดยด่วนซึ่งส่วนใหญ่เขาต้องเป็นหนี้เสียจากมาตรการของรัฐในช่วงโควิดทั้งสิ้น 2.กองทุน SMEs เพื่อเติมทุนให้ผู้ประกอบการลุกขึ้นมาทำการค้าขายได้ใหม่ 3.กองทุน STARTUP เพื่อช่วยให้คนรุ่นใหม่ได้มีโอกาสใช้ความรู้ของโลกยุคใหม่มาสร้างเนื้อสร้างตัว 4.กองทุนวิสาหกิจชุมชน เพื่อให้เกษตรกรและลูกหลานได้ใช้ในการแปรรูปผลิตภัณฑ์สร้างมูลค่าเพิ่ม 5.กองทุนเครดิตประชาชนหรือกองทุนคนตัวเล็ก เพื่อช่วยให้คนตัวเล็กที่ไม่ได้อยู่ในระบบธนาคาร ได้เข้าถึงแหล่งทุนดอกเบี้ยต่ำ ดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 1 ต่อเดือน เพื่อล้างหนี้นอกระบบที่ดอกเบี้ยแพงมหาโหด” คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุ

หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวด้วยว่า พรรคจะเร่งเตรียมโครงสร้างพร้อมกำหนดเป้าหมายในการสร้างรายได้บนพื้นฐานความเข้มแข็งเดิมของประเทศ และฐานเศรษฐกิจของโลกยุคใหม่โดยวางเป้าหมายการสร้างรายได้ให้ประเทศใน 7 ด้าน ได้แก่ เป็นศูนย์กลางอาหารคุณภาพป้อนคนทั่วโลก ศูนย์กลางสุขภาพและ WELLNESS ศูนย์กลางการท่องเที่ยว ศูนย์กลางคมนาคมและโลจิสติกส์ของภูมิภาค ศูนย์กลางถิ่นพำนักระยะยาวที่คนเก่ง ทั้งพวกดิจิทัลโนแมท หรือมหาเศรษฐีมาอยู่อาศัย และ WORK FROM THAILAND ศูนย์กลางอุตสาหกรรมใหม่โดยใช้วิกฤต SUPPLY CHAIN ดึงดูดการผลิตอุตสาหกรรมแบบใหม่ๆเข้ามาลงทุน เช่น อุตสาหกรรมรถ EV เซมิคอนดักเตอร์ ศูนย์กลางการลงทุนด้านดิจิตอล ซึ่งแทบจะไม่ต้องใช้งบประมาณแค่ปรับกฎหมายระเบียบต่างๆให้เอื้ออำนวยต่อการลงทุนด้านดิจิตอล

หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวตอนท้ายว่า เราจะทำนโยบาย 30บาทสุขภาพดีถ้วนหน้า ยังจำรักษา 30 บาทรักษาทุกโรคได้ใช่หรือไม่ ดิฉันทำสำเร็จมาแล้ว และจะทำต่อเพื่อให้คนไทยสุขภาพดียิ่งขึ้น และจะให้นักเรียนได้เรียนฟรีจนจบปริญญาตรี ลดเวลาเรียนเพิ่มคุณภาพการศึกษา ให้เงินแก่ผู้ปกครองและเด็กผ่านคูปองการศึกษา และนโยบายบำนาญประชาชน เดือนละ 3,000 พันบาท

“ในการเลือกตั้งขอเชิญพี่น้องประชาชนกาไทยสร้างไทยทั้งคนทั้งเขต เพื่อเปลี่ยนประเทศไทยให้สำเร็จ ขอพี่น้องชาวไทยที่รักทุกคน เชิญชวนพิสุจน์ให้พวกอำนาจนิยมเห็นและคนทั่วโลกเห็นว่าหัวใจเรายิ่งใหญ่เพียงใด ยิ่งใหญ่จนสามารรถเปลี่ยนความเลวร้ายของประเทศไปสู่ความดีงามสร้างความสุขที่ยิ่งใหญ่ให้คนไทยได้ พรรคไทยสร้างไทยขออาสาเป็นกองหน้าทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ และขอให้สมาชิกพรรคทุกคนไปจับมือร่วมกันสร้างประเทศไทยให้ดีกว่าให้กับทุกคนให้สำเร็จ” หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวทิ้งท้าย

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ภราดร' ท้า 'รัฐบาล' ถ้าบริสุทธิ์ใจทำไมไม่มีหมายจับ 'เบน สมิธ–ยิม เลียก'

'เสธ.แมว' ท้า 'รัฐบาล' ถ้าบริสุทธิ์ใจตอบให้ได้ ทำไมยังไม่มีหมายจับ 'เบน สมิธ–ยิม เลียก' มองเงินอายัดพุ่ง 26,000 ล้าน แต่ ก.ล.ต.กลับนิ่ง เผยบางคนในเครือข่ายสแกมเมอร์เริ่มหมอบ เตรียมแยกตัวเป็นพยาน

'จตุพร' แนะ แก้รธน.ต้องกินทีละคำอย่าเหลี่ยมคูกินทีละกะละมัง สุ่มเสี่ยงถูกคว่ำล้มครืนลง

'จตุพร' แนะการเมืองยึดมติ กมธ. ปมผ่านแก้ รธน.วาระสอง เตือนอย่าชิงเหลี่ยมคู ขอให้กินทีละคำอย่าโลภอยากกินทีละกะละมัง หวั่นถูกคว่ำจบเห่ ย้ำฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ลงมติ ม.152 ดีกว่าซักฟอก 151 ชี้เวลาเหมาะอภิปรายช่วงสัปดาห์สุดท้าย มกรา 69 พูดเสร็จได้ยุบสภาเลย

'จุลพันธ์ ' ดักคอ 'อนุทิน' ห่วงอะไรถึงกลัวตรวจสอบ แย้มร่างญัตติไว้แล้วยื่นเมื่อไหร่เป็นอำนาพท.

'จุลพันธ์' ดักคอ 'อนุทิน' ห่วงอะไรถึงกลัวตรวจสอบ แย้ม ร่างญัตติไว้แล้วยื่นเมื่อไหร่เป็นอำนาจของ 'เพื่อไทย' ย้ำ 'พท.' มุ่งมั่นแก้ไขรัฐธรรมนูญตลอดไม่เหมือนบางพรรควอร์คเอาท์ มอง เป็นเรื่องดี 'ปชน.' คุยรัฐบาลเร่งเปิดสมัยประชุมวิสามัญ

'ภราดร' รับถ้ายุบสภา 12 ธ.ค. แก้รธน.แท้งแน่ ได้แค่วาระ 2 ยัน ไม่ได้ผิด MOA

'ภราดร' ย้ำ ยุบสภาเป็นอำนาจนายกฯ บอก ปล่อยซักฟอก รัฐบาลแจงดีแค่ไหน ก็โหวตแพ้อยู่ดี รับถ้ายุบสภา 12 ธ.ค. แก้รัฐธรรมนูญแท้งแน่ ได้แค่วาระ 2 ลั่น ไม่ได้ผิด MOA เหตุการเมืองเป็นแบบนี้ ปัด หยิบ รธน.เป็นตัวประกัน ไม่ทราบข่าว 'วราวุธ' ซบ ภท. แต่รู้สึกดีต่อกัน

'พรรคส้ม' โบ้ย 'อนุทิน' ยุบสภา 12 ธ.ค.ไม่เป็นผลดีต่อตัวเอง ซัดเหมือนผู้รับเหมาทิ้งงาน

'พริษฐ์' ชี้หาก 'อนุทิน' ยุบสภา 12 ธ.ค.ไม่เป็นผลดีต่อตัวเองแน่นอน เหตุประกาศเป็นแคนดิเดตนายกฯไปแล้ว ซัด เหมือนผู้รับเหมาทิ้งงาน-ปิดกิจการหนี้การตรวจสอบ เชื่อเจตนารมณ์ รธน.ระบุชัด ไม่อยากให้ยุบสภาหนีซักฟอก ปัดตอบผิด MOA หรือไม่

'จรัญ' เตือนแก้รธน.อย่าเซาะกร่อน หมวด 1-2 ต้องมี ทริปเปิลวิน ชนะไปพร้อมกัน

'จรัญ' มอง 'สูตร 20 หยิบ 1' เลือก กมธ.ร่าง รธน. ประนีประนอมทุกฝ่าย ไม่ขัดคำวินิจฉัยศาล รธน. เตือนอย่าเซาะกร่อน หมวด 1 หมวด 2 หวั่น มีปัญหากับคนไทย ชี้ การทำ รธน.ฉบับใหม่ ต้องมี ทริปเปิลวิน ทั้ง 'ข้างมาก-ข้างน้อย-ประชาชน' ชนะไปพร้อมกัน