'เสธ.หิมาลัย' ประกาศจุดยืนอยู่ข้าง 'ลุงตู่' 100% ลุยช่วยรวมไทยสร้างชาติ

“เสธ.หิ” ลั่นอยู่ข้าง“ลุงตู่”ร้อยเปอร์เซ็นต์ ประกาศช่วยรวมไทยสร้างชาติ ตั้งปุจฉา 3ข้อ หย่อนบัตรล่วงหน้า-เลือกตั้งนอกประเทศ-อายุ18ปีเลือกตั้งได้ ย้อนแย้งเรื่องสิทธิ ส่งสัญญาณแหย่ กกต.

14 ธ.ค.2565 - นายหิมาลัย ผิวพรรณ หรือ เสธ.หิ อดีตนายทหารชื่อดัง และ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยถึงการทำงานการเมืองของตนเองว่า ตนไปช่วยงานการเมืองพรรครวมไทยสร้างชาติแน่นอน แต่เป็นการไปช่วยส่วนตัวในฐานะกองเชียร์ และไม่ได้มีตำแหน่งในพรรค เมื่อถามว่าอยู่กับ ลุงตู่ใช่หรือไม่ นายหิมาลัย กล่าวด้วยเสียงหนักแน่นว่า “ร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว”เพราะการทำงานของตนยึดหลัก3ประการ คือ กตัญญู สัจจะ และการเมือง ในฐานะที่เคยเป็นรุ่นน้องทหารเสือฯ ร.21 รอ. กับ พล.อ.ประยุทธ์ จึงถือเรื่องนี้เป็นสำคัญ รวมทั้งการรักษาสัจจะในการทำงานการเมืองด้วย

เสธ.หิ เชื่อมั่นว่า พรรครวมไทยสร้างชาติมีโอกาสที่จะได้รับเลือกตั้งมากกว่าที่มีการประเมินกัน แต่ตอนนี้ยังฟันธงไม่ได้ เพราะต้องรอกฎหมายลูกประกาศใช้ มีการแบ่งเขตเลือกตั้ง และการออกระเบียบต่างๆ ให้จบก่อน แต่จากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาทำให้เกิดความสงสัย และเกิดคำถาม3 ข้อเกิดขึ้น คือ 1.เมื่อคนไทยในประเทศเลือกผู้สมัครคนนี้มา แต่เมื่อบัตรจากต่างประเทศมาเปลี่ยนผลการเลือกตั้งในประเทศ อย่างนี้เป็นตรรกหรือไม่ เพราะคนที่เลือกในต่างประเทศเขาก็ไม่ได้มาเสียภาษีในประเทศไทย แต่คนที่ได้รับผลกระทบคือคนที่อยู่ตรงนี้แต่เลือก ส.ส.ของตัวเองไม่ได้ คนที่ได้เป็น ส.ส. ก็ไม่ตรงกับความต้องการของคนในเขตนั้น

2.ไม่ควรจัดการเลือกตั้งล่วงหน้านอกราชอาณาจักร หรือการเลือกตั้งล่วงหน้าในประเทศทุก เพราะป็นการสิ้นเปลือง ถ้าจะจัดก็ควรให้สิทธิเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติหน้าที่เท่านั้น โดยให้เหตุผลว่า หากคนไทยให้ความสำคัญกับประชาธิปไตยและสิทธิของตัวเอง ก็ควรกลับมาใช้สิทธิเลือกตั้งในพื้นที่ 3.การกำหนดผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งอายุ 18 ปี เพื่อลงคะแนนกำหนดอนาคตประเทศชาติได้ แต่ขณะเดียวกัน กลับเลือกอนาคตของตัวเองไม่ได้ต้องไปรอ 20 ปี

“การเมืองในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงช่วง 4 ปีที่ผ่านมา หลังการเลือกตั้งปี 62 ที่มีคนรุ่นใหม่มีสิทธิเลือกตั้งมากขึ้น และให้ความสำคัญกับนโยบายพรรคมากขึ้นด้วย แต่ขอตั้งข้อสังเกตอีกเรื่องคือ การให้บุคคลอายุ 18 ปีขึ้นไป มีสิทธิเลือกตั้งชี้ชะตาอนาคตประเทศได้ แต่ขณะเดียวกันกฎหมายประเทศไทยระบุให้ผู้ที่บรรลุนิติภาวะ ต้องอายุ 21 ปีขึ้นไป จึงจะสามารถทำนิติกรรมในทางกฎหมายได้ ถือเป็นสิ่งที่ย้อนแย้งกัน สรุปก็คือ กำหนดอนาคตประเทศได้ แต่กลับกำหนดอนาคตตัวเองไม่ได้”เสธ.หิ ระบุ ตนไม่ได้เรียกร้องให้หน่วยงานไปพิจารณา แต่เป็นข้อสงสัย และกลายเป็นคำถามที่เกิดขึ้น

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ทวี' ยันไม่เคยได้ยิน เพื่อไทยจะเอาตำแหน่งประธานสภาฯ

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีมีกระแสว่าพรรคเพื่อไทยจะขอเก้าอี้ประธานสภา ว่า รัฐธรรมนูญได้มีการเขียนเอาไว้อย่างชัดเจนถึงการเข้าดำรงตำแหน่งประธานสภาว่าเป็นเรื่องของสภา ส่วนเรื่องคณะรัฐมนตรีนั้นเป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี

'ไชยา' ลั่นปรับครม.กี่ครั้งก็ตาม ก.เกษตรฯต้องอยู่กับเพื่อไทย

นายไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลังมีรายชื่อถูกปรับออก ว่าตนทราบตามข่าว ไม่ได้หวั่นไหวอะไร และ 7 เดือนที่ผ่านมา ทำหน้าที่ในกรอบในข้อจำกัดของงบประมาณ ถ้าหากเป็นไปตามนโยบายของผู้ใหญ่ตนก็ไม่ขัดข้อง ก็แล้วแต่

'เศรษฐา' เผยไต๋นั่งควบกลาโหม ทุกอย่างมีโอกาสขึ้นอยู่กับเงื่อนเวลา

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในที่ประชุมได้มีรัฐมนตรีซักถามถึงกระแสข่าวการปรับ ครม.หรือไม่ ว่า ไม่มีใครถามอะไรเลย ทุกคนยังทำงานอย่างต่อเนื่อง

ไทยในสายตาต่างชาติ: สมัยรัชกาลที่เจ็ด (ตอนที่ 19: การเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 ในสายตาผู้ช่วยทูตทหารฝรั่งเศส)

(ต่อจากตอนที่แล้ว) ในรายงานลงวันที่ 24 กันยายน 1932 (พ.ศ. 2475) ของพันโท อองรี รูซ์ ผู้ช่วยทูตทหารบกและทหารเรือประจำสยาม ประจำสถานอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำสยาม มีความว่า

'พิมพ์ภัทรา' พร้อมรับทุกอย่างหากถูกปรับครม. ย้ำให้ถามหัวหน้าพรรครทสช.

น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.)มีการเคลื่อนไหวอะไรหรือไม่ ว่า เมื่อมีการกล่าวถึงเรื่องการจะปรับครม.ย่อมมีความหวั่นไหวเกิดขึ้นเป็นธรรมดา

'ธรรมนัส' เชื่อ 'บิ๊กป้อม' มีชื่อสำรอง หาก 'ไผ่ ลิกค์' คุณสมบัติไม่ผ่านเป็นรมต.

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) พรรคพลังประชารัฐ ได้เสนอชื่อต่อนายกรัฐมนตรีแล้วหรือไม่ กับโควตาที่ยังว่างอยู่ ว่า ขณะนี้นายกรัฐมนตรียังไม่ได้ส่งสัญญาณอะไร