27 พ.ค.2566 - นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน "ทรยศ?" โดย กล่าวว่า พรรคก้าวไกลขณะนี้เสมือนเป็นสิ่งแปลกปลอมของนักเลือกตั้ง แม้ชนะเลือกตั้งเป็นพรรคอันดับหนึ่ง 151 เสียง แต่เป็นอุปสรรคต่อการแสวงหาผลประโยชน์ของนักการเมือง จึงไม่มีพรรคใดอยากร่วมรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล
“สิ่งแปลกปลอมอย่างพรรคก้าวไกลทำให้นักการเมืองปล้นไม่สะดวก จึงไม่มีพรรคใดอยากจับมือด้วย แต่ขณะนี้ที่ต้องจับมือกัน เพราะสังคมบีบกดให้ต้องจับมือ จึงทำตัวลู่กระแสประชาชน”
ส่วนตำแหน่งประธานสภา” นายจตุพร กล่าวว่า ไม่มีประวัติศาสตร์การเมืองบ่งบอกไว้เป็นทำเนียมปฏิบัติให้พรรคเสียงอันดับสองได้ตำแหน่งนี้ ยกเว้นแต่เป็นคนกลางอย่างนายอุทัย พิมพ์ใจชน จากพรรคก้าวหน้า ได้รับเลือกเพียง 3 เสียง แต่ได้เป็นประธานสภาฯ ปี 2526 จากการเสนอของพรรคชาติไทยที่ได้เสียงในช่วงนั้นมาอันดับหนึ่ง 110 เสียง
ส่วน ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ จากพรรคสามัคคีธรรม พรรคอันดับหนึ่ง เป็นประธานสภาฯ ปี 2535 แล้วแหวกกระแสนายกฯ เลือกตั้งช่วงการชุมนุมพฤษภา 2535 นำคนนอก ไม่ได้ผ่านการเลือกตั้งอย่างนายอานันท์ ปันยารชุน มาเป็นนายกฯ ซึ่งประชาชนก็เชียร์ลั่นอีก
นายจตุพร กล่าวว่า กรณีนายชวน หลีกภัย เป็นประธานสภาครั้งล่าสุด (ปี 2562-2566) แม้พรรคประชาธิปัตย์ ช่วงเลือกตั้งปี 2562 มี 52 เสียง เป็นพรรคอันดับสี่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ลาออกรับผิดชอบพรรคได้เสียงน้อยลง
ประกอบกับจุดยืนไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ เปลี่ยนหัวหน้าพรรคใหม่ ได้เข้าร่วมรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ โดยได้ตำแหน่งประธานสภาฯ มาแลกเปลี่ยน จึงทำให้นายสุชาติ ตันเจริญ ขณะอยู่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ซึ่งเป็นพรรคแกนนำตั้งรัฐบาลต้องยอมสละมาเป้นรองประธานอันดับหนึ่งแทน
อีกทั้ง ระบุว่า ความชัดเจนในช่วง 20 ปีตั้งแต่ปี 2535 มาถึงปัจจุบัน (ยกเว้นปี 2562) ไม่เคยมีประวัติศาสตร์บ่งบอกว่า พรรคร่วมรัฐบาลอันดับสองได้เป็นประธานสภาฯ ดังนั้น เมื่อพรรคเพื่อไทยต้องการล้มกระดานพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล จึงเป็นเกมที่ส่งสัญญาณจากคนเบื้องหลังมาหัวแถวยันปลายแถวหาเหตุอ้างถอนตัวเป็นฝ่ายค้านมาขู่เพื่อจะเอาตำแหน่งประธานสภาฯ
“หากพรรคเพื่อไทยถอนตัวจากร่วมรัฐบาลได้จริงแล้ว คงไม่ได้เป็นฝ่ายค้านจริง แต่ที่จริงคือพรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน ดังนั้น การหาทางหลุดออกจากพรรคก้าวไกล โดยให้สภาโหวตเลือกประธานสภาฯ ย่อมเท่ากับเป็นการสมคบ ทรยศพรรคก้าวไกลอย่างชัดเจน และพรรคเพื่อไทย ก็จะได้ตำแหน่งประธานสภาฯ ไปครอง เมื่อพรรคก้าวไกล คือสิ่งแปลกปลอมทางการเมือง ดังนั้น ทุกพรรคจาก 188 เสียงคงเทเลือกเพื่อไทยได้ประธานสภาฯ”
นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อประธานสภาฯ มาอยู่กับพรรคเพื่อไทยแล้ว ละครการเมืองฉากสองของพรรคเพื่อไทยจะเริ่มบทแสดงด้วยหน้ามึนๆ อยู่ร่วมรัฐบาลกับพรรคก้าวไกลตามเดิม ถัดจากนั้นจะออกอาการอึดอัด ก่อหวอดแตกแยกอีก เสมือนตั้งรัฐบาลไม่ได้ แต่อ้างประเทศต้องมีรัฐบาลบริหาร พรรคเพื่อไทยก็เข้าทางได้โอกาสย้ายขั้วไปอีกฟากจับมือ พปชร. กับพรรคภูมิใจไทย ตั้งรัฐบาลขึ้นมาใหม่สำเร็จความต้องการเจ้าของพรรคที่อยากกลับบ้าน แต่คงไม่ง่ายตามสมใจหวัง เพราะพรรคภูมิใจไทยอาจไม่สบายใจ
"ดังนั้น เพื่อไทยแย่งชิงตำแหน่งประธานสภาฯ จีงเป็นละครการเมือง เป็นการทรยศร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ต้องทำเพราะเจ้าของพรรคสั่งให้ทำ และต่อไปกองเชียร์เพื่อไทยจะไม่อดทนกับนายจาตุรนต์ ฉายแสง อีกเช่นกัน ที่ออกมาเตือนสติพรรคเพื่อไทยให้ร่วมจับมือตั้งรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล”
อย่างไรก็ตาม นายจตุพร มั่นใจว่า พรรคเพื่อไทยไม่ได้ถูกพรรคก้าวไกลกระทำการเอาเปรียบอะไรตามที่เพื่อไทยกล่าวอ้างเป็นเสียงเดียวทุกแพลตฟอร์มสื่อสาร เพราะเพื่อไทยเป็นพรรคได้เสียงอันดับสอง และได้รับมอบกระทรวงเกรดเอไปดูแลอีกด้วย ดังนั้น การอ้างเอาเปรียบ กินรวบจึงไม่เป็นความจริง
“ทั้งหมดความไม่พอใจของเพื่อไทยมันเป็นเกม และเรื่องไม่ได้เกิดจากพรรคก้าวไกลเลย อีกทั้งไม่มีทำเนียมปฏิบัติให้พรรคอันดับหนึ่งได้นายกฯ แล้ว พรรคอันดับสองต้องได้ประธานสภา ดังนั้น เรื่องนี้เพื่อไทยหาเรื่องล้มกระดานตั้งรัฐบาลก้าวไกลมากกว่า”
นายจตุพร ย้ำว่า เมื่อพรรคเพื่อไทยต้องการหาเรื่องแล้ว ทั้งที่การแบ่ง ครม.นำมาหาเรื่องไม่ได้ จึงมีทางเดียว ต้องแย่งเอาประธานสภาฯ ให้ได้ ดังนั้น การออกมาทุกเสียงของพรรคเพื่อไทย คือสัญญาณเดียวให้ล้มกระดานพรรคก้าวไกล
“เป็นการกระทำที่ไม่แฟร์ ต่อหน้าร่วมแถลงข่าวใหญ่โต ลับหลังเป็นอีกอย่าง ทรยศกัน ซึ่งจะอยู่อย่างไร มันจะยุ่งกันไปใหญ่ แล้วพรรคเพื่อไทยก็ย่อยยับ ถูกกลุ่มอำนาจกำจัดเช่นกันในคิวต่อไป ถึงขั้นอาจถูกยุบพรรค”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ยศชนัน' โวยป้ายหาเสียงถูกทำลาย วอนเล่นการเมืองสร้างสรรค์ มั่นใจรักษาฐานเสียงชายแดน
‘ยศชนัน’ วอนเล่นการเมืองสร้างสรรค์ หลัง ’เพื่อไทย’ ถูกทำลายป้ายหาเสียงหลายเขต บอกไม่ถูกต้อง หลังถูกวิจารณ์เป็นพรรคตัวแปรอันดับ3 เหตุ ปชช. ยังไม่ตัดสิน มั่นใจ รักษาฐานเสียงจังหวัดชายแดนได้ เชื่อประชาชนเข้าใจ
‘อัครนันท์’ ชูหาเสียงไม่รบกวนชุมชน ตั้งหลักคิดคุณภาพชีวิตมาก่อน
“อัครนันท์” ออกแนวทางการหาเสียงไม่กระทบกับชาวบ้านในพื้นที่ ปรับเวลารถแห่ จาก 08.00 น.เป็น 10.00 น. หวังลดผลกระทบด้านเสียง เอาใจ คนในพื้นที่
‘สมศักดิ์’ นำผู้สมัครเพื่อไทย 3 จังหวัด สักการะมหาราชก่อนจับเบอร์
“สมศักดิ์” นำผู้สมัคร สส. เพื่อไทย “ตาก-สุโขทัย-พิษณุโลก” สักการะมหาราชทั้ง 3 พระองค์ “ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช-พระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช-ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช” เอาฤกษ์เอาชัย ก่อนลุยจับเบอร์สู้ศึกเลือกตั้ง

