5 ส.ค.2566 - นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ โพสต์เฟซบุ๊กว่า*วางแผนภาษี หรือ หลีกเลี่ยงภาษี
-ผมฟังคุณชูวิทย์ แถลงข่าวเรื่องการซื้อขายที่ดินของบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) และกล่าวว่า การกระทำดังกล่าวทำให้รัฐขาดรายได้จากภาษี 521 ล้านบาท
-ผมไม่ใช่นักกฎหมายผู้ชำนาญด้านภาษี แต่เมื่อมีการกล่าวหาว่า มีการหลีกเลี่ยงภาษี พลเมือง ในระบอบประชาธิปไตย ควรจะสนใจ เพราะ เรื่องภาษีนี่แหละครับ เป็นบ่อเกิดของระบอบประชาธิปไตย
-บ่อเกิดของประชาธิปไตย สาเหตุหนึ่ง มาจากการที่คนรวยเสียภาษีโดยไม่เป็นธรรม และก่อให้เกิดความขัดแย้ง ก่อให้เกิดการประท้วงของประชาชน ด้วยคำว่า
1. ต่อไปนี้ เรา(ประชาชน)จะไม่ยอมเสียภาษีหากตัวแทนของเราไม่เห็นชอบ และ
2.เรา(ประชาชน)จะไม่ยอมให้จ่ายภาษีของเรา หากตัวแทนของเราไม่อนุมัติ"
-การเสียภาษีจึงเป็นเรื่องสำคัญ ตัวแทนที่ประชาชนเลือกมา จึงต้องให้ความสำคัญสูงสุด
-เรื่องภาษีนี่แหละครับ (เป็นสาเหตุหนึ่ง)ของการแยกตัวของสหรัฐออกจากอังกฤษ และ นี่แหละครับ เป็นสาเหตุหนึ่งของการปฏิวัติฝรั่งเศส ในปี 1789
-เมื่อผมไม่ใช่นักกฎหมายสายภาษี ผมจึงต้องนำเรื่องภาษีมาศึกษาใหม่ ง่ายและเร็วที่สุด คือ การถามผู้รู้ในเรื่องนี้
-ผมใช้เวลาครึ่งวัน ดูคลิปของคุณชูวิทย์ และใช้เวลาสอบถามผู้รู้
-มี 2 คำ ครับ ที่น่าจะนำมาต่อสู้กันในเรื่องนี้ คือ
1. "การวางแผนภาษี"เป็นการทำเพื่อให้เสียภาษีน้อยลง โดยไม่ทุจริตหรือหลีกเลี่ยงภาษี เช่น การแบ่งงวดการรับเงิน, การแยกเสียภาษี,การจดทะเบียนสมรส,การประกันชีวิต,เงินลงทุนในบางรายการที่หักภาษีได้ ฯลฯ อย่างนี้ทำได้
2."การหลีกเลี่ยงภาษี" เป็นการทำให้ไม่ต้องเสียภาษีหรือเสียน้อยลง โดยวิธีอันมิชอบ ด้วยกฎหมาย เช่น การแตกภาษีเป็นรายย่อย
-กรณีของ บริษัทแสนสิริ จำกัด(มหาชน) ที่ดินที่ซื้อมีเจ้าของรวม 12 คน ตามกฎหมาย ถือเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญที่ไม่จดทะเบียน ตามประมวลกฏหมายแพ่งและพาณิชย์ ม.1025
-เมื่อมีการแยกขายที่ดินทีละคน 12 คน 12 วัน เมื่อแยกขายทำให้ผู้ขายแต่ละคนเสียภาษี"แยกกัน"จึงเสียน้อยลง แต่หากขายรวมกัน 12 คน ทั้ง 12 คน ต้องเสียภาษีรายได้"รวมกัน" ทำให้ต้องเสียภาษีในลักษณะห้างหุ้นส่วนสามัญ ซึ่งต้องเสียมากกว่าแยกกันเสีย ตามอัตราภาษีก้าวหน้า(ระบบภาษีเป็นอย่างนั้น)
-กรณีนี้ จะเป็นการ"วางแผนภาษี"หรือ "หลีกเลี่ยงภาษี" แต่เมื่อการกระทำนี้ ทำให้รัฐขาดรายได้ไป 500 กว่าล้าน ตามที่เป็นข่าว กรมที่ดิน และ กรมสรรพากร คือ จำเลยที่ 1 และ จำเลยที่ 2 ที่ต้องออกมาตอบคำถามนี้
-ส่วน ปปช. ก็เป็นโจทก์ที่ 1 ที่ต้องลงมาสอบสวนเรื่องนี้ เพราะเกี่ยวกับการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ
-งานนี้ คนที่จะหนาวคนแรก คือ เจ้าหน้าที่ที่ดิน
-งานนี้ จะเป็นงานสุดท้ายในชีวิตของคุณชูวิทย์ หรือ เปล่า ผมไม่รู้ แต่หากเป็นงานสุดท้าย และทำให้รัฐได้ภาษีเพิ่มขึ้น 500 กว่าล้าน ขอคุณชูวิทย์ ได้รับการคารวะจากผม
#บุคคลสาธารณะ ตรวจสอบได้ #ขอคารวะ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
คกก.สอบ2บิ๊กตร.ใกล้จบ
นายกฯ นั่งหัวโต๊ะประชุม ก.ตร. ไฟเขียวแต่งตั้ง 43 นายพลสีกากี
ก.ตร. ไฟเขียวแต่งตั้ง 43 นายพลสีกากี 'สุรพงษ์ ชัยจันทร์' ผงาดที่ปรึกษาพิเศษตร.
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เป็นประธานเพื่อประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 3/2567 โดยมีวาระการคัดเลือกแต่งตั้งข้าราชการตำรวจดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษ
นายกฯ เผย ก.ตร. มีมติส่งคำร้อง 'บิ๊กโจ๊ก' ให้ฝ่ายวินัยพิจารณาอีกรอบ ปมสั่งช่วยราชการ
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 3/2567 ว่า วันนี้วาระสำคัญของการประชุมนอกจากแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิ ยังมีเรื่องที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร้องขอความเป็นธรรมทั้งหมด ทั้งที่มีต่อตนในฐานะนายกรัฐมนตรี และประธาน ก.ตร.
นายกฯ มั่นใจคุณสมบัติ 'พิชิต' ถามกฤษฎีกาแล้ว อุบ 'มาริษ' แทน 'ปานปรีย์'
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีการร้องเรียนให้มีการตรวจสอบคุณสมบัติของ นายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และเตรียมร้อง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
จากวังสราญรมย์ถึงตึกไทยคู่ฟ้า “ทูตปู”เลขาฯส่วนตัวทักษิณ สู่ตัวเต็งรมว.ต่างปท.คนใหม่
ทักษิณ ชินวัตร หัวหน้ารัฐบาล และเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ใช้เวลาแค่หนึ่งคืนก็เคาะออกมาแล้วว่าจะดัน ทูตปู มาริษ เสงี่ยมพงษ์ อดีตทีมงานหน้าห้อง นายกรัฐมนตรี ตึกไทยคู่ฟ้า สมัยทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี
นายกฯขอโทษปานปรีย์ รับปรึกษา‘อุ๊งอิ๊ง’ตลอด หึ่ง!‘มาริษ’เสียบรมว.กต.
“เศรษฐา” เปิดห้องสีม่วงเคลียร์ปม “ปานปรีย์” ไขก๊อกไม่ร่วมรัฐนาวาเศรษฐา 2