'เศรษฐา' ย้ำลดดอกเบี้ย สลึงเดียวก็ช่วยแบ่งเบาภาระประชาชนได้ แต่แบงก์ชาติไม่ยอมลด

นายกฯ ลั่น ไม่ได้จมปลักลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย บอกส่งสัญญาณลดหลายครั้งแต่ไม่มีการตอบรับ ชี้ลดสลึงเดียวก็ช่วยบรรเทาภาระประชาชนได้ แจงจีดีพี ทั้งปีโตไม่ถึง 2% เหตุไม่มีเม็ดเงินในระบบ

19 ก.พ.2567 - ที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษากุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รายงานภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่ 4 ของปี 2566 ทั้งปี 2566 และแนวโน้มปี 2567ว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 4 ของปี 2566 ขยายตัวเพียง 1.7% เร่งขึ้นจากการขยายตัว 1.4% ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2566 และรวมทั้งปี เศรษฐกิจไทย ขยายตัวเพียง 1.9% ว่า เรื่องนี้ได้พูดไปหลายหนแล้ว และน่าจะทราบจุดยืนของตนอย่างชัดเจน ตลอด 10 ปีที่ผ่านมาจีดีพีของเรา เฉลี่ยโตต่ำกว่า 2% ต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศ เทียบกับลำดับจีดีพีโลกเราก็ต่ำลงไปเรื่อยๆ และอย่าลืมว่าตั้งแต่รัฐบาลนี้เข้ามายังไม่สามารถใช้งบประมาณได้เลย เร็วที่สุดที่น่าจะใช้ได้ก็คือ 1 เมษายน 2567 แต่ทุกกระทรวงได้ใช้นโยบายเป็นตัวขับเคลื่อน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น แต่วันนี้ต้องยอมรับว่าไม่มีเม็ดเงินใหม่เข้าไปในระบบเลย ซึ่งหลายสำนักมีการปรับประมาณการณ์จีดีพีลงอย่างต่อเนื่องทุกเดือน ซึ่งรัฐบาลได้พยายามดำเนินการทุกมาตรการที่มีอยู่ ส่วนตัวขอฝากไว้ว่านโยบายดอกเบี้ยไม่ต้องใช้งบประมาณ ซึ่งขณะนี้อัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 2.5 %หากลดลงเหลือ 2.25 %เพียงสลึงเดียวก็จะช่วยบรรเทาภาระของพี่น้องประชาชนทุกคนได้ แต่เขาไม่ลดกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกรัฐมนตรีได้พูดเรื่องนี้มาตลอดแต่ไม่ได้รับการตอบรับจากธนาคารแห่งประเทศไทย( ธปท.) เลย นายกรัฐมนตรีถามกลับสื่อว่า “ดอกเบี้ยนโยบายใครเป็นคนควบคุม ก็คือธนาคารแห่งประเทศไทย” ตนพูดคุยกับเลขาธิการสภาพัฒน์ ฯก็บอกว่าเราได้ทำทุกวิถีทางแล้ว และมีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับการลดอัตราดอกเบี้ยซึ่งเลขาธิการสภาพัฒน์ระบุว่าได้คุยกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าถึงเวลาที่จะต้องลด

“ผมจึงบอกว่าทำไมไม่พูดคุยต่อหน้าสาธารณะชนบ้าง และพูดคุยในภาษาที่ชัดเจน ซึ่งเลขาสภาพัฒน์ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย และผมเองต่างก็จบเศรษฐศาสตร์มา ตรงนี้เราไม่ได้มาเอาชนะกัน แต่ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะมีการลดดอกเบี้ยเกิดขึ้น เพื่อรองบประมาณที่จะคลอดออกมา ผมก็ได้สอบถามกับเลขาธิการสภาพัฒน์ว่าสามารถทำอะไรได้อีก หากมีอะไรที่ทำได้ก็ขอให้เสนอมา ผมไม่ได้จมปลักอยู่กับการลดดอกเบี้ยอย่างเดียว แต่การลดดอกเบี้ยก็เป็นการแบ่งเบาภาระของประชาชนคนไทยทุกคน ซึ่งเห็นอยู่แล้วสำหรับตัวเลขที่ออกมา อย่างเช่นนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ก็พยายามที่จะออกมาให้เร็วที่สุด“นายกรัฐมนตรีกล่าว

เมื่อถามถึงกรณีที่หลายฝ่ายกังวลว่าการเติมเงินเข้าไปในระบบจำนวน 500,000 ล้านบาท จะทำให้เงินเฟ้อ นายกรัฐมนตรี กล่าวชี้แจงว่าปัจจุบันนี้ตัวเลขเงินเฟ้อติดลบอยู่แล้ว หากจะบอกว่าติดลบจากการที่รัฐบาลช่วยเหลือประชาชนผ่านมาตรการลดราคาน้ำมัน หรือพยุงราคาไฟฟ้า ซึ่งหากถอดดัชนีตรงนี้ออกไปเงินเฟ้อขึ้นมาไม่ถึง 1% ยังไม่ถึงกรอบต่ำสุดด้วยซ้ำ ซึ่งหลายเรื่องที่รัฐบาลทำต้องใช้เวลา รวมไปถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ตด้วย หากทุกคนเห็นด้วยและพิสูจน์ให้ได้ว่าไม่มีการทุจริต และประพฤติมิชอบ ก็จะพยายามทำให้เร็วที่สุด อยากจะให้เกิดขึ้น ภายในเดือนพฤษภาคม และนโยบายอื่นก็พยายามดำเนินการอยู่ ซึ่งรัฐบาลพยายามดำเนินการทุกอย่างที่สามารถทำได้ ณ วันนี้ ยินดีรับฟังว่าอยากให้รัฐบาลทำอะไร แต่ต้องคำนึงว่างบประมาณสามารถใช้ได้หรือไม่ อย่างเร็วที่สุด 1 เมษายน ซึ่งพยายามเร่งอยู่แล้ว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อนุทิน' สวน พท. ใครทำงานห่วย ยุครัฐบาลนิด-อิ๊งค์ ติดโพลอันดับ 2

'อนุทิน' สวนเพื่อไทย ถ้าทำงานห่วย คนตั้งก็แย่สิ ยุครัฐบาล 'อิ๊งค์ - เศรษฐา' ผลโพลชี้ชัดนั่งแท่นอันดับ 2 ทิ้งห่าง พท. หัวเราะให้คะแนนตัวเอง 'เดี๋ยวจะหาว่าคุย'

ออกใช้วันนี้ ธนบัตรพอลิเมอร์ 50-100 บาท ทนทาน กันปลอม ช่วยผู้พิการทางสายตา

ธนาคารแห่งประเทศไทยเริ่มหมุนเวียนธนบัตรพอลิเมอร์ชนิดราคา 50 และ 100 บาท วันนี้ 21 พ.ย. ใช้วัสดุพลาสติกพิเศษสะอาด ทนใช้ และเสริมเทคโนโลยีป้องกันการปลอมแปลง พร้อมเพิ่มจุดสัมผัสให้ผู้พิการทางสายตาใช้งาน

ป.ป.ช.รับเรื่องไต่สวน 'เศรษฐา' โยกงบใช้หนี้ 3.5 หมื่นล้านโปะแจกเงินหมื่น

นายสุรพงษ์ อินทรถาวร รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะรักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวถึง

'เท้ง' งัด พรก.ไซเบอร์ฉบับใหม่ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมรับผิดชอบ 'อายัดบัญชีมั่ว'

"เท้ง" แนะ ธปท. หาสมดุลบล็อกบัญชีม้า ไม่กระทบคนบริสุทธิ์ จาก พ.ร.ก.ไซเบอร์ฉบับใหม่ ให้ธนาคาร-ค่ายมือถือ ร่วมรับผิดชอบผู้เสียหาย