“ธรรมนัส” หวังปักธงภาคใต้ เพิ่มส.ส.เข้าพรรค โดยร่วมมือกับนายก อบจ.ในหลายพื้นที่ รับคนรุ่นใหม่มีผลกระทบฐานเสียงสมัยหน้า ชูแก้เศรษฐกิจ ปากท้องเรียกเรตติ้ง ระบุศึกในพปชร.ต้องหยุด
30 ธ.ค.2564 - ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) อดีตรมช.เกษตรและสหกรณ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสความนิยมของพรรคพลังประชารัฐ หลังจากลงพื้นพบปะประชาชนมาหลายพื้นที่เป็นอย่างไร ว่าเรื่องนี้ต้องบอกเลยว่าไม่มีใครตอบได้ดีเท่าตน เพราะตนคลุกคลีกับชาวบ้านตั้งแต่ในช่วงที่เป็นรัฐมนตรี จนถึงปัจจุบันที่คลุกกับชาวบ้านตลอด ซึ่งความนิยมนโยบายของพรรคนั้น ตนเชื่อว่าพรรคพลังประชารัฐมีนโยบายที่จับต้องได้มากที่สุด โดยเฉพาะนโยบายเกี่ยวกับโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งส่วนใหญ่ชาวบ้านจะเรียกว่าบัตรประชารัฐ เป็นโครงการที่ประชาชนชอบ และมีความสุขกับโครงการนี้ “ผมกล้าพูดได้ 100 % ว่า นโยบายของพรรคพลังประชารัฐจับต้องได้เยอะที่สุด ไม่ใช่นโยบายขายฝัน
เมื่อถามว่า ภาพจำของพรรคพลังประชารัฐจะเน้นที่ภาคไหน ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า การเลือกตั้งเมื่อปี 62 ภาคเหนือตอนบน และเหนือตอนล่าง เรามีส.ส.เขต 26 คน ภาคอีสาน 13 คน ภาคใต้ 14 คน ที่เหลือเป็นภาคกลางและกทม.ซึ่งจะเห็นว่าส.ส.ของพรรค เป็นการผสมผสานของคนทุกภาค ไม่ใช่เฉพาะภาคใดภาคหนึ่ง ยกตัวอย่างความนิยมของพรรคเพื่อไทยภาคเหนือตอนบน อีสาน
“ผมเป็นคนภาคเหนือตอนบน ถามว่ายากสำหรับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ในการเลือกตั้งครั้งหน้า สำหรับผมแล้วไม่ยากเลย ผมผ่านการเลือกตั้งมาในฐานะส.ส.ของพรรคเพื่อไทย 18 ปี แต่การเลือกตั้งครั้งที่แล้วผมอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ ได้ 5.8 หมื่นคะแนน พรรคเพื่อไทยได้ 2 หมื่นคะแนน พรรคอนาคตใหม่ได้ 1.9 หมื่นคะแนน พรรคประชาธิปัตย์ได้ 2 พันคะแนน พรรคภูมิใจไทยได้ 600 คะแนน มันเห็นความแตกต่างเยอะเพราะฉะนั้นภาคเหนือตอนบนที่ผมบุกแต่ละพื้นที่ไป จะเห็นว่าเราแพ้ไปนิดเดียว เราอยู่อันดับสองแทบทุกเขต แต่ผมเชื่อมั่นว่าเอาจริงๆ ไม่ติดลูกเกรงใจกันสมัยหน้า เราสามารถทำให้สมาชิกเราเป็นส.ส.ได้อีกหลายคนแน่นอน”
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า สำหรับในภาคอีสานพล.อ.ประวิตร ได้แบ่งโซนให้หัวหน้าภาค และผู้ใหญ่ไปคุมอีกที ดังนั้นยุทธศาสตร์การเลือกตั้งครั้งต่อไปไม่ธรรมดา ยังไม่ต้องพูดถึงภาคที่เรามีคะแนนอยู่แล้ว ทั้งภาคใต้ ภาคกลาง หรือกทม. เราพูดถึงพื้นที่ที่ได้ยาก และสมัยที่แล้วเข้ามาเป็นส.ส.ไม่กี่คน แต่สมัยหน้าเชื่อมั่นว่าจะเข้ามาได้อีกเยอะ
เมื่อถามว่า พื้นที่ที่คิดว่าเจาะยากคือภาคใต้หรือไม่ เพราะเห็นช่วงหลังร.อ.ธรรมนัส ลงพื้นที่บ่อย ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ภาคใต้เป็นการช่วงชิงระหว่าง 3 พรรค คือ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย และพรรคพลังประชารัฐ และการเลือกตั้งสมัยหน้าจะไม่เหมือนที่ผ่านมา ซึ่งเราทำการบ้านมตลอดว่าจะทำอย่างไร ให้สามารถชนะการเลือกตั้งได้เยอะที่สุด โดยเฟ้นหาคนที่สามารถดูแลจังหวัดแต่ละจังหวัดที่มีความเข้มแข็ง เช่น จ.ระนอง ที่ไม่มีส.ส.แต่มีสจ.เกือบ 90 เปอร์เซ็นต์ และจ.ที่มีนายกอบจ.เป็นของเรา การเลือกอบต.ครั้งที่ผ่านมาเราชนะกว่า 95 เปอร์เซ็นต์ จ.พังงา ไม่มีส.ส.เป็นของเราแต่สามารถชนะการลือกตั้งอบต.ได้เยอะ ซึ่งเราสนับสนุนและพวกเขาก็ชนะการเลือกตั้ง ขณะที่จ.สุราษฎร์ธานี ก็มี นายกอบจ.ที่คอยดูแลการเมืองให้เราอยู่ จ.นราธิวาส เรามีคนทำงานที่แข็งและล่าสุดได้เปิดพื้นที่จ.พัทลุง มีตระกูลธรรมเพชร มาอยู่กับเราหมด ดังนั้นการเมืองใน 14 จ.ภาคใต้ ในครั้งหน้าเรามีความคาดหวังแต่จะได้มากได้น้อยดูอีกที โดยภาคใต้ได้วางกลยุทธ์หรือตัวผู้สมัครแทบจะครบ 100 เปอร์เซ็นต์
เมื่อถามถึงความพร้อมในการเลือกตั้งปี2565 ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ตอนนี้ศึกภายในจะต้องหยุดก่อน ต้องมองศึกการเลือกตั้งแล้ว เพราะระยะเวลาไม่เกิน 15 เดือนจากนี้ คือระยะเวลาแห่งการเตรียมตัวเลือกตั้งสำหรับนักการเมือง ถ้าไปเตรียมตัวก่อนเลือกตั้ง 2-3 เดือน คงไม่ทัน โดยเฉพาะว่าที่ผู้สมัครรายใหม่ที่ต้องทำให้ประชาชนในพื้นที่ รู้จักตัวตนของเขาว่าจะมาทำอะไรให้ชาวบ้านในแต่ละพื้นที่ การเร่งสร้างคนขึ้นมาถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก
เมื่อถามว่าโค้งสุดท้ายของสมัยสภาฯและปีสุดท้ายของรัฐบาลก่อนเข้าเข้าสู่การเลือกตั้งประเมินว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า สถานการณ์ในเวลานี้สิ่งที่ไม่แน่นอนที่สุดคือเรื่องการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่ไม่รู้ว่าจะมีสายพันธุ์ใดมาอีกและจะทำให้การบริหารราชการแผ่นดินไม่ปกติ งบประมาณส่วนใหญ่เอาไปทุ่มกับการแก้ปัญหาโควิด-19 ขณะที่ในเรื่องของเศรษฐกิจก็แย่ เพราะเราใช้งบประมาณส่วนใหญ่ไปที่โควิด และขณะเดียวกันยังมีปัญหาอื่นอีกมากทั้งภัยธรรมชาติและกระทบไปถึงปัญหาปากท้องชาวบ้าน ผลิตผลทางการเกษตร เพราะพอเกิดภัยธรรมชาติขึ้นต้องใช้เงินเยียวยาเท่าไหร่ และราคาพืชผลทางการเกษตรที่ส่งออกที่ได้รับผลกระทบจากโควิดที่ไม่สามารส่งออกได้ ยิ่งตอนนี้จีนเปิดรถไฟมาถึงลาวสินค้าพวกพืชผลทางการเกษตรทะลักเข้ามาที่ประเทศไทยเยอะแยะไปหมด นี่เป็นปัญหาเรื่องใหญ่ที่เราจะต้องแก้ปัญหากัน
เมื่อถามว่า นอกจากสถานการณ์โควิดแล้ว ยังมีเรื่องอะไรที่ต้องประเมินอีกหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นว่าระยะเวลาการบริหารราชการแผ่นดินที่เหลืออยู่ รัฐบาลต้องพิสูจน์ให้เห็นว่ามีความตั้งใจจริงที่จะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับประชาชนทุกกลุ่มอย่างไร เป็นเวลาที่ต้องพิสูจน์ความจริงให้เห็น ถ้าไม่ทำอะไรตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันเลือกตั้งก็ต้องยอมรับพรรครัฐบาลก็ต้องช่วยเหลือตัวเอง เราต้องยอมรับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในสังคมเวลานี้
เมื่อถามว่างานในสภายังมีอะไรที่ต้องกังวลอีกหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ตั้งแต่เปิดสภามาพรรคพลังประชารัฐ 95 เปอร์เซ็นต์ที่พวกเราโหวต พรรคเราแทบไม่มีปัญหา เช่นเดียวกับพรรคภูมิใจไทยเหมือนกับพลังประชารัฐ แต่พรรคอื่นเราไม่มีวิพากษ์วิจารณ์
เมื่อถามว่า พรรคพลังประชารัฐมีความมั่นใจในหลายพื้นที่คิดว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้าคิดว่าจะสามารถเป็นรัฐบาลพรรคเดียวได้หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า รัฐบาลพรรคเดียวไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่ในการเลือกตั้งครั้งหน้าด้วยประสบการณ์ทางการเมือง เมื่อกลับมาใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ตนเชื่อมั่นว่าพรรคที่จะมีส.ส.ของตัวเองเหลือไม่กี่พรรค แต่จะมีแค่พรรคขนาดกลางและขนาดใหญ่
เมื่อถามว่ากลุ่มคนรุ่นใหม่จะเป็นอุปสรรคต่อฐานเสียงในการเลือกตั้งครั้งหน้าของพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เราเป็นนักการเมืองอยู่ในเขต 1 พะเยา มีกลุ่มคนรุ่นใหม่เยอะ ก็ต้องยอมรับว่ามีผลกระทบเหมือนกัน เราไม่ปฏิเสธความจริงแต่พรรคเรากำลังจะดึงคนรุ่นใหม่เข้ามามีส่วนร่วม โดยเริ่มที่ส.ส.ของแต่ละจังหวัด เช่นจังหวัดพะเยาจะมีน้องชายตน ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ดูแล เราพยายามจะสร้างคนรุ่นใหม่ขึ้นมา ในจังหวัดทั้ง 3 เขต และในแต่ละจังหวัดก็จะเหมือนกัน แม้แต่ในกทม.ที่ถือเป็นเมืองสำคัญของคนรุ่นใหม่ หัวหน้าพรรคได้สั่งการว่าให้ทำอย่างไรเพื่อดึงคนรุ่นใหม่เข้ามามีส่วนร่วมและตอนนี้กำลังทำอยู่ โดยในกทม.โครงสร้างทำไว้หมดแล้ว ยังไม่ได้เริ่มสตาร์ทจะอบรมคนรุ่นใหม่ว่าจะให้เข้ามามีกิจกรรมส่วนร่วมกับเราโดยเฉพาะว่าที่ผู้สมัครส.ก.ร้อยละ 90 เป็นคนรุ่นใหม่ทั้งนั้น
เมื่อถามว่า การเลือกตั้งครั้งหน้ามองว่าเศรษฐกิจเป็นจุดสำคัญในการแข่งขัน แต่พรรคพลังประชารัฐมีปัญหาทีมเศรษฐกิจย้ายออกไปในครั้งหน้าจะเตรียมตัวอย่างไร ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ข้อสำคัญในการเลือกตั้งครั้งหน้าคือเรื่องปากท้อง เศรษฐกิจ พรรคทุกพรรคก็เตรียมไว้ โดยเราก็เตรียมแต่ไม่ออกสู่สาธารณะว่าทำไมไม่เตรียมกลุ่มคนที่จะมาดูแลเรื่องเศรษฐกิจ เรื่องปากท้อง นโยบายต่างๆเรามีอยู่แล้ว แต่ยังไม่ใช่เวลามาเปิดตัวตอนนี้ ของดีเอาไว้ขายใกล้ๆเลือกตั้ง และยังไม่ได้มีชื่อบิ๊กเนมเกี่ยวกับเรื่องนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กรมอุตุฯ เตือน 8 จว.ภาคใต้ มีฝนเพิ่มขึ้น เหนือ-อีสาน อากาศเย็นตอนเช้า
กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง
‘ลุงป้อม’ ส่งขุนศึกเหนือ ‘สุรเดช’ เปิดตัว 3 ว่าที่ผู้สมัครเชียงใหม่
'ลุงป้อม'ลั่นกลองรบ ส่งขุนศึกทัพเหนือ 'สุรเดช ยะสวัสดิ์' เปิดตัว 3 ว่าที่ผู้สมัครเชียงใหม่ เผยเป็นอดีตสส. 9 สมัย-อดีตข้าราชการผู้ใหญ่ประสบการณ์เพียบ ทำคุณประโยชน์ให้ชาวเชียงใหม่มากมาย
🛑LIVE ร้องข้ามกำแพงคุก!! | ห้องข่าวไทยโพสต์
ร้องข้ามกำแพงคุก!! ห้องข่าวไทยโพสต์ : ประจำวันศุกร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ซีพี เดินหน้าขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ช่วยชาติยามวิกฤต “สุภกิต เจียรวนนท์” ประธานกรรมการ นำทัพซีพีอาสาลงพื้นที่หาดใหญ่ มอบถุงกำลังใจผ่านกองทัพเรือ พร้อมเดินหน้า ‘ฟื้นคน-ฟื้นชุมชน-ฟื้นเศรษฐกิจ’ หลังน้ำท่วมใต้
เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) เดินหน้าภารกิจช่วยเหลือและฟื้นฟูภาคใต้ต่อเนื่อง ภายใต้นโยบายของ “3 ประธาน” - นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส นายสุภกิต เจียรวนนท์ ประธานกรรมการ และนายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร - ที่ย้ำชัดว่าในยามที่ประเทศเผชิญภัยพิบัติ ซีพีจะต้องเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญของสังคมไทย โดยใช้ศักยภาพขององค์กรสนับสนุนภาครัฐและชุมชนให้ยืนหยัดได้โดยเร็วที่สุด
สพฐ. ระดมคาราวานใหญ่ลงใต้ ส่งมอบความช่วยเหลือเร่งด่วนหลังสถานศึกษากว่า 800 แห่งได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ดร.ศักดิ์สิน โรจน์สราญรมย์ หนุนรถบรรทุกเสริมกำลังขนส่งสิ่งของ ขณะรัฐมนตรีศึกษาธิการย้ำยืนเคียงข้างครู-นักเรียนจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ นำโดย ศาสตราจารย์นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดกิจกรรม “คาราวานช่วยเหลืออุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ประจำปี 2568” เพื่อส่งมอบความช่วยเหลือเร่งด่วนให้แก่สถานศึกษา นักเรียน ครู และบุคลากรที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมหลายจังหวัดในภาคใต้
วิริยะประกันภัย ผุดมาตรการเร่งช่วยเหลือลูกค้าจากเหตุวิกฤตอุทกภัยภาคใต้
วิริยะประกันภัย เดินหน้ามาตรการรับมือวิกฤตอุทกภัยภาคใต้ จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการเฉพาะกิจรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินช่วยเหลือผู้เอาประกันภัยที่ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง พร้อมปฏิบัติการ FIRST AID ระดมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย


