เดินหน้าลุย! ส.ส.เพื่อไทย จ่อลงชื่อเสนอร่างกฎหมายให้เปิดกาสิโน ยื่นเข้าสภาฯสมัยหน้า ก.ค.นี้

เอาแน่! ส.ส.เพื่อไทย เตรียมลงชื่อเสนอร่างกฎหมายให้เปิดกาสิโน ยื่นเข้าสภาฯสมัยหน้า ก.ค.นี้ประกบร่างของก.คลัง ลั่นได้เวลาประเทศไทยต้องมี เอนเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล็กซ์ สานฝันคนไทย ได้เห็นจัดแข่งฟอร์มูลาวัน

29 มี.ค. 2567 - นายโกศล ปัทมะ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานอนุกรรมาธิการพิจารณาร่างกฎหมายสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) ใน คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ สภาผู้แทนราษฎรที่ออกมาเป็น ร่าง พรบ.ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... ที่เป็นต้นร่างกฎหมายสถานบันเทิงครบวงจร ที่ให้มีการเปิดกาสิโนด้วย ที่สภาฯ ลงมติรับทราบรายงานไปเมื่อ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา

โดยนายโกศล กล่าวว่า ในฐานะส.ส.พรรคเพื่อไทย และเป็นประธานอนุกรรมาธิการยกร่างพรบ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรฯดังกล่าว จะนำร่างกฎหมายและความเห็นของส.ส.ที่ได้อภิปรายกันเมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา ไปพิจารณาประกอบเพื่อปรับปรุงรายละเอียดของตัวร่างพรบ.ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรฯ หรือเอนเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล็กซ์ โดยเมื่อยกร่างเสร็จ ก็จะมีส.ส.พรรคเพื่อไทย ร่วมกันลงชื่อเสนอเป็นร่างกฎหมายยื่นเสนอต่อสภาฯ ในการประชุมสภาฯ สมัยหน้า ที่จะเป็นร่างกฎหมายในนามพรรคเพื่อไทย ที่คาดว่าจะมีส.ส.หลายคน มาร่วมลงชื่อ อีกทั้งเท่าที่ทราบจากการพูดคุยกันในสภาฯ ก็จะมีส.ส.อีกหลายพรรค ก็จะเสนอร่างกฎหมายลักษณะดังกล่าว เข้าสภาฯด้วยเช่นกัน

นายโกศล กล่าวว่า เท่าที่ได้ฟังจากที่นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์และแสดงความเห็น ซึ่งนายกฯก็บอกว่าสังคมเราอย่าเป็นสังคมอีแอบ ตรงนี้ เป็นสิ่งที่เราต้องยอมรับความจริง ส่วนผลกระทบ ปัญหาต่างๆ ที่จะตามมา ที่หลายคนแสดงความเป็นห่วง เราก็ต้องควบคุมไม่ให้มันเกิด เพราะหากมีการเปิดเอนเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล็กซ์ จะเป็นการสร้างเศรษฐกิจ นำเม็ดเงินต่างๆ เข้ามา เพราะหากมีการลงทุนในส่วนนี้ทุกภาคส่วนจะได้หมด ทั้งเรื่องพื้นที่ หรือเรื่องการจ้างงาน เพราะแรงงานที่จะไปทำตรงนี้เป็นแรงงานที่มีฝีมือที่จะทำให้มีการจ้างงานเป็นแสนๆ คน รวมถึงรายได้จากการท่องเที่ยว ต่อไป ก็จะมีกิจกรรมต่างๆ เข้ามา โดยอนาคตเราอาจได้เห็นสนามแข่งรถฟอร์มูลาวัน F1 ได้เห็นประเทศไทยมีคอนเสิร์ตฮอลล์เหมือนหลายประเทศ ก็ทำให้คนที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมเหล่านี้ก็จะมีงานทำ มีรายได้ และต่อไป อย่างที่มีส.ส.บางคนเสนอว่าพวกกิจกรรมพื้นบ้านของเราเช่น ไก่ชน ปลากัด มวยไทย ก็อาจจะเข้าไปจัดกิจกรรมในเอนเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล็กซ์ ได้ เป็น ซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศ ซึ่งรัฐบาลก็อาจนำข้อคิดเห็นของส.ส.ที่อภิปรายกันมาพิจารณาเป็นองค์ประกอบในการยกร่างกฎหมายแล้วยื่นต่อสภาฯต่อไป

“หวังว่ามันจะเกิดขึ้นโดยเร็ว เพราะวันนี้บริบทสังคมโลกมันเปลี่ยนแปลงไป ขนาดบางประเทศที่ผู้นำเขาเคยคัดค้านเช่นที่สิงคโปร์ หรือแม้แต่มาเลเซีย ที่คนจำนวนมากนับถือศาสนาอิสลาม ก็ยังมี เมื่อโลกมันเปลี่ยน เราก็ต้องเปลี่ยนตามโลก ส่วนปัญหาต่างๆ ที่หลายคนห่วงใย ก็ต้องดูแลควบคุม ดังนั้นถึงเวลาที่เราจะมีเอนเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล็กซ์ เกิดขึ้นในประเทศไทย”นายโกศล ระบุ

นายโกศลในฐานะประธานอนุกรรมาธิการยกร่างพรบ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรฯ ฯ ยังกล่าวถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์รายละเอียดบางประเด็นในร่างดังกล่าวเช่น การให้บริษัทที่จะยื่นประมูลขอใบอนุญาตต้องเป็นบริษัทที่เป็นนิติบุคคลของคนไทยและต้องมีทุนจดทะเบียนหนึ่งหมื่นล้านบาทว่า เนื่องจาก เอนเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล็กซ์ ที่กรรมาธิการฯ พิจารณา เห็นว่าควรแบ่งเป็นขนาดทางธุรกิจ คือ S M L XL ซึ่งกรรมาธิการยังไม่แน่ใจว่า รัฐบาลจะเลือกทำในขนาดใด และลงทุนแบบไหน ทางกรรมาธิการฯ เห็นว่า ธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรต้องลงทุนเป็นแสนล้านบาท ดังนั้น จึงให้ คณะกรรมการนโยบายฯ ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เป็นผู้กำหนดว่า กิจการใดบ้างที่จะให้อยู่ในสถานบันเทิงครบวงจรดังกล่าว เช่นโรงแรม สนามม้า สนามกอล์ฟ สถานบันเทิง ศูนย์การประชุม ศูนย์การค้า กรรมาธิการจึงกำหนดว่า บริษัทที่จะมายื่นประมูลเพื่อขอใบอนุญาตจัดตั้ง-เปิดสถานบันเทิงครบวงจรต้องมีทุนจดทะเบียนอยางน้อยหนึ่งหมื่นล้านบาท เพราะหากมีทุนจดทะเบียนน้อยเกินไปก็อาจมีปัญหาเพราะอาจเกิดลักษณะกลุ่มธุรกิจมีการมารวมตัวตั้งบริษัทแล้วยื่นประมูลจากนั้น เอาใบอนุญาตที่ประมูลได้ไปเร่ขายต่อ คือไม่คิดจะทำธุรกิจเองจริง กรรมาธิการไม่อยากให้เกิดสภาพแบบนั้น ถึงต้องให้เป็นบริษัทที่มีทุนจดทะเบียนหนึ่งหมื่นล้านบาท

นายโกศล ยังกล่าวถึงกรณีหากคนไทยจะเข้าไปเล่นการพนันในกาสิโน ที่ในร่างฯ เขียนไว้ว่า ต้องลงทะเบียนและชำระค่าธรรมเนียมแลกเข้าด้วยนั้น เรื่องนี้ เราต้องยอมรับความเป็นจริงว่า คนไทยไปเล่นการพนันที่ประเทศเพื่อนบ้าน ปีหนึ่งคิดเป็นเม็ดเงินร่วม 25,000 ล้านบาท การเปิดกาสิโน เราจึงต้องเปิดโอกาสให้คนไทย ที่อยากจะไปเล่น ก็สามารถเข้าไปได้ แต่ต้องบรรลุนิติภาวะ คืออายุไม่ต่ำกว่ายี่สิบปี ซึ่งก็เป็นเกณฑ์ที่หลายประเทศเช่นสิงคโปร์ ญี่ปุ่น ก็ใช้เกณฑ์อายุดังกล่าว โดยก็มีการพูดถึงเรื่องการให้คนไทยจะเข้าไปได้ ที่ก็เหมือนกับที่มีส.ส.อภิปรายในการประชุมสภาฯ เมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา เช่น ต้องมีการตรวจสอบฐานรายได้ของคนที่จะเข้าไป เช่น เงินเดือน 30,000-50,000 บาทเป็นอย่างต่ำ ต้องมีหลักฐานการเสียภาษีมาแสดง ตรงนี้ก็เป็นแรงจูงใจให้คนเสียภาษีได้อีกด้วย โดยหากคนไทยคนไหนมีฐานดังกล่าว ก็จะเหมือนกับได้ใบอนุญาต ที่เป็นใบเบิกทางเข้าไปได้ แต่รายละเอียด กรรมาธิการฯ ก็เปิดกว้างให้คณะกรรมการนโยบายฯ ที่มีนายกฯเป็นประธานเป็นคนกำหนดรายละเอียดที่อาจไปเขียนไว้ในระเบียบหรือกฎเกณฑ์ที่จะออกมา รองรับหากมีกฎหมายออกมา

นายโกศล กล่าวอีกว่า สำหรับสถานที่ตั้ง กาสิโน ทางกรรมาธิการ ฯ มีการคุยกันว่าในส่วนของกาสิโนควรมีสัดส่วนในเอนเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล็กซ์เท่าใด ซึ่งกรรมาธิการฯ ได้มีการคุยกัน โดยพบว่าบางประเทศใช้พื้นที่แค่ 7.5 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ก่อสร้างทั้งหมดของเอนเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล็กซ์ บางประเทศก็แค่ 5 เปอร์เซ็นต์ แต่ตรงนี้ก็อยู่ที่คณะกรรมการนโยบายจะเป็นผู้กำหนด เช่น หากเอนเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล็กซ์มีพื้นที่หนึ่งพันไร่ ทางคณะกรรมการนโยบายฯ ก็เป็นผู้กำหนดออกมาว่า จะให้มีพื้นที่ในส่วนของกาสิโนประมาณเท่าใด อาจจะแค่ 50 ไร่ ก็ได้ และคนที่จะมาลงทุน เป็นผู้ประกอบการ ก็ต้องมีแผนงานในการกำหนดคนที่จะเข้า-ออก กาสิโนมาให้คณะกรรมการนโยบายพิจารณาด้วยตอนที่ยื่นประมูลฯ