21 พ.ค.2567 - นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่สว.ได้ยื่นคำร้องตรวจสอบคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน และนายพิชิต ชื่นบาน ว่าตั้งแต่วันแรกที่ทราบว่านายพิชิตเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรี ตนเป็นคนแรกที่ออกมาให้สัมภาษณ์ท้วงติงในคุณสมบัติว่าเรื่องทั้งหมดนี้ไม่มีอะไรสลับซับซ้อน ซึ่งมีหลักในรัฐธรรมนูญมาตรา 160 ว่า คนที่จะเป็นรัฐมนตรี จะต้อง (4) มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ (5) ไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง และนายกรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบ เพราะนายกรัฐมนตรีก็ทราบข้อเท็จจริงดีอยู่แล้ว นายกรัฐมนตรีก็ถือได้ว่ามีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงเหตุเพราะรู้ข้อเท็จจริงดีว่าคุณสมบัติของนายพิชิต ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ
นายราเมศ กล่าวอีกว่า จากการที่อ้างว่าได้สอบถามไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้วนั้น ความจริงก็ปรากฏชัดว่าไม่ได้สอบถามในประเด็นเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตและเรื่องจริยธรรม ซึ่งหลักการเรื่องนี้การใช้สามัญสำนึกของนายกรัฐมนตรีในเบื้องแรกสำคัญที่สุด วิญญูชนพึงคิดได้ว่าการกระทำของคนที่จะเสนอเป็นรัฐมนตรีมีคุณสมบัติขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ และท้ายที่สุดการวินิจฉัยคุณสมบัติของรัฐมนตรีก็จะเป็นหน้าที่โดยตรงของศาลรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการกฤษฎีกาให้ความเห็นได้แต่ไม่ใช่คำวินิจฉัยถึงที่สุด ส่วนศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาอย่างไรขอทุกฝ่ายอย่าไปก้าวล่วง ว่าจะสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ให้เป็นดุลพินิจของศาลรัฐธรรมนูญ
นายราเมศ กล่าวต่อว่า เมื่อ สว.ได้ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัยแล้ว ก็ต้องเคารพกระบวนการของศาลรัฐธรรมนูญที่มีดุลพินิจในการวินิจฉัยใครจะไม่สามารถก้าวล่วงได้ แต่สิ่งหนึ่งที่อยากเรียกร้องไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) คืออยากให้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้พิจารณาวินิจฉัยคุณสมบัติของนายพิชิต ชื่นบาน และนายเศรษฐา ทวีสิน ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 ที่ระบุไว้ชัดว่าเพื่อประโยชน์แห่งการนี้ ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งมีอำนาจส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้ด้วยหากเห็นว่ารัฐมนตรีมีคุณสมบัติขัดต่อ มาตรา 160 องค์กรของท่านต้องร่วมกันตรวจสอบเพื่อให้เกิดความโปร่งใสสุจริตในบ้านเมือง เพื่อให้คงไว้ซึ่งหลักเกณฑ์ของบ้านเมืองด้วย
ทั้งนี้ นายราเมศได้ให้คำแนะนำว่า นายพิชิตไม่ควรลาออก และต้องต่อสู้ให้ถึงที่สุด เพื่อสู้ให้เห็นว่าการกระทำของท่านรัฐมนตรีที่ศาลฎีกาเห็นว่า ทำให้เกิดความเสื่อมเสียแก่สถาบันศาล ยุติธรรมและจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อถือและความศรัทธาในการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรในอำนาจตุลาการ จึงเห็นสมควรลงโทษในสถานหนัก เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างอีกต่อไป และให้จำคุกด้วย ซึ่งนายพิชิตก็ต้องสู้ในศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้เห็นว่าทั้งหมดไม่เป็นความจริง และชี้ให้เห็นว่าการกระทำทั้งหมดถุงขนม 2 ล้านนั้นเป็นการกระทำที่ซื่อสัตย์สุจริต อยู่บนหลักของจริยธรรม พร้อมกับต้องสู้ให้นายกรัฐมนตรีว่าไม่ทราบเรื่องดังกล่าว และนายกรัฐมนตรีได้สอบถามไปยังกฤษฎีกาแล้ว
นายราเมศ กล่าวตอนท้ายว่า การที่ตนไม่อยากให้นายพิชิตลาออก เป็นเพราะอย่างน้อยคดีนี้จะเป็นการพิสูจน์ให้เห็นในเรื่องสำคัญของคุณสมบัติของผู้ที่จะมาเป็นฝ่ายบริหาร โดยเฉพาะคณะรัฐมนตรี ในเรื่องความซื่อสัตย์ สุจริต เรื่องนี้บ้านเมืองได้ประโยชน์สูงสุดอีกด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ภูมิธรรม' ยันศาลชี้ชะตา 'เศรษฐา' 14 ส.ค.เป็นไปตามกระบวนการ อย่าโยงภาพปฏิญญาเขาใหญ่
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ นัดวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน
'เศรษฐา' มองทักษิณ-อนุทิน ร่วมก๊วนกอล์ฟ เป็นเรื่องธรรมดา ไม่รู้ปฏิญญาเขาใหญ่คืออะไร
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมหลังศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัย ปม 40 ส.ว. ยื่นคำร้องการแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรี
'อนุทิน' ย้ำไม่เคยคิดแทนที่นายกฯ ลั่นทำวันนี้ให้ดีที่สุด
'อนุทิน' เผย ครม.ทุกคน ให้กำลังใจ 'เศรษฐา' ผ่านเหตุการณ์ 14 ส.ค. ด้วยดี หลังศาล รธน. นัดชี้ชะตา ขออย่ามองผลทางลบ บอกไม่เคยคิดมาแทนนายกฯ ย้ำทุกคนทำงานเข้ากันดี
ก้าวไกลจัดส่งท้าย! เตรียมแถลงคำปิดคดีสู้ยุบพรรคก่อนศาลตัดสิน
'ก้าวไกล' ส่งคำแถลงปิดคดีแล้ว จ่อแถลงก่อนศาลวินิจฉัย
'เทพไท' บอกจับตา 'ปฏิญญาเขาใหญ่' มีจริงหรือไม่หลัง 14 ส.ค.รู้กัน
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์คลิปพร้อมเนื้อหา