
“แสวง” แถลงเลือกสวอำเภอทั่วไทย พบพิรุธ ฝากมือถือ แต่หิ้วหูฟัง Bluetooth เข้าพื้นที่ไม่รอดเจ้าหน้าที่ดักจับ เผย รู้ตัวเลขผ่านเข้ารอบจังหวัด 10มิ.ย. ชี้ มีกลุ่มก้อนเลือกที่ปทุมวัน ยังไม่ผิด
9 มิ.ย.2567 – เวลา 16.00 น.ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายแสวง บุญมี เลขาธิการกกต. แถลงข่าวภายหลังจัดเลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับอำเภอ ว่า ขณะนี้การเลือกสว.ทยอยปิดการเลือกประมาณ 15:00 น. สถานการณ์ในการเลือกสว.ภาพรวม เป็นไปด้วยความเรียบร้อย เพราะได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายด้วยดี จะมีปัญหาอยู่บ้างเช่น 1. ผู้สมัคร มารายงานตัวไม่ทันตามกำหนดเวลา 09:00 น. ซึ่งมีจำนวนหนึ่งไม่มากนัก 2.กรณีที่ไม่อนุญาตให้นำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โทรศัพท์ เข้าไปในพื้นที่เลือกสว. ได้ แต่กลับพบว่ามีการนำหูฟังชนิด Bluetooth ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือได้ จึงมีการร้องทุกข์กล่าวโทษ โดยพบ 1 กรณีในเขตพื้นที่จังหวัดนนทบุรี
นายแสวง ระบุว่า 3. กรณีมีผู้เจ็บป่วยกะทันหันที่อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี ระหว่างการลงคะแนนรอบที่ 2 ต้องออกนั่งพักนอกพื้นที่เลือก ซึ่งเมื่อแจ้งว่ากรณีออกจากพื้นที่ก็จะเสียสิทธิ์ในการรับเลือก และลงคะแนน ผู้สมัครรายดังกล่าวก็เข้าใจ และ 4. ในพื้นที่กทม.รับแจ้งว่าไม่มีพื้นที่สังเกตการณ์หรือไม่มีกล้องวงจรปิดหน้าสถานที่เลือก อย่างไรก็ตามเนื่องจากบางพื้นที่สถานที่ต่างกันจึงจัดให้สังเกตการณ์ในอีกห้องหนึ่ง และถ่ายทอดภาพผ่านกล้องวงจรปิดซึ่งทุกพื้นที่มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดให้อยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับแต่ละพื้นที่ว่าสามารถทำได้ในลักษณะใด
นายแสวง ระบุว่า ทั้งนี้ เมื่อสถานที่เลือกแห่งใดดำเนินการเลือกสว.เสร็จสิ้นแล้วผู้อำนวยการเลือกระดับอำเภอ จะประกาศผลการนับคะแนน หน้าสถานที่เลือกโดยผู้ที่ได้รับคะแนนสูงสุด 3 อันดับแรกของ กลุ่มจะเป็นผู้ได้รับเลือกระดับอำเภอของกลุ่มนั้น เพื่อเข้าไปรับการเลือกในระดับจังหวัดต่อไป ในวันที่ 10 มิ.ย. ผู้อำนวยการเลือกระดับอำเภอจะส่งบัญชีรายชื่อผู้ได้รับเลือกในวันนี้ให้กับผู้อำนวยการเลือกระดับจังหวัด และปิดประกาศ ณ ที่ว่าการอำเภอและเผยแพร่ในเว็บไซต์สำนักงาน และเว็บไซต์ของสำนักงานกกต.ตลอดจนแอพพลิเคชั่น Smart Vote
“และภายใน 3 วันผู้อำนวยการเลือกระดับจังหวัดจะจัดทำเอกสารแนะนำข้อมูลผู้สมัครส่งให้แต่ละกลุ่มเพื่อพิจารณาเลือก ซึ่งเป็นลักษณะเดียวกับการเลือกระดับอำเภอ ส่วนกรณีผู้สมัครเห็นว่า การดำเนินการเลือกไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็ให้ร้องคัดค้านที่ศาลฎีกาภายใน 3 วัน” นายแสวง ระบุ
นายแสวง กล่าวว่า ตนเองขอขอบคุณผู้สมัครสว.กว่า 40,000 คน ที่ให้ความร่วมมือในการเลือกครั้งนี้ ทั้ง 928 หน่วยเลือกตั้งด้วยดี และขอขอบคุณคณะกรรมการระดับอำเภอ และ ผู้อำนวยการเลือกระดับอำเภอ คณะกรรมการประจำสถานที่เลือก เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และเจ้าหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย ทั้งสิ้น 67,744 คน ผู้ช่วยเหลือการปฏิบัติงานของผอ.การเลือกระดับอำเภอ 18,560 คน ซึ่งรวมผู้ปฏิบัติงานในการเลือกระดับอำเภอ รวมทั้งสิ้น 92,773 คน ที่ร่วมกันจัดการเลือกสว.ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
เมื่อถามถึงผลนับคะแนนพื้นที่ปทุมวัน มีกลุ่มลักษณะ เหมือนเป็นกลุ่มก้อนเดียวกัน และไม่ได้ใส่คะแนนให้ตัวเอง เข้าข่ายเป็นการฮั้ว หรือไม่ จะตรวจสอบอย่างไร นายแสวง กล่าวว่า เป็นสมมติฐานหนึ่ง ซึ่งข้อสังเกตนำไปใช้ประโยชน์ ว่ามีการฮั้ว หรือดำเนินการไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ แต่อยู่ที่ข้อเท็จจริง เหมือนคนสมัครร่วมกันมาใส่เสื้อชุดเดียวกัน ตอนนี้ยังไม่ผิดแต่มันเป็นข้อสมมติฐานในการหาข้อเท็จจริงได้
เมื่อถามถึงกรณี สว.ได้มีการโพสต์ตั้งข้อสังเกตการเลือกวันนี้ คนตั้งใจไปสมัครเพื่อเลือกตกรอบกันระนาวเพราะกลุ่มฮั้ว นายแสวง กล่าวว่า ทุกอย่างเป็นข้อสันนิษฐานเป็นเรื่องความเห็น ระบบกฎหมายในโลกมันใช้ความเห็นลงโทษคนไม่ได้ ต้องข้อเท็จจริงนั้นเข้าองค์ประกอบความผิดตามกฎหมายหรือไม่
“อย่างไรก็ตามตอนนี้มีคำร้องประมาณ 22 คำร้อง และสิ่งที่ปรากฏในสื่อด้วย การจะตรวจสอบได้ เรื่องหนึ่งคือศักยภาพในการตรวจสอบ และมีข้อเท็จจริงอย่างที่ว่าหรือไม่ การทำงานของสำนักงานฯเป็นเรื่องของการสืบสวนสอบสวนไม่ใช่เรื่องของการประชาสัมพันธ์ ในเรื่องลักษณะนี้มีคนได้คนเสีย มีผลกระทบ เราต้องรอบคอบ คงไม่สามารถนำสำนวนมาพูดหรือเปิดเผยได้” นายแสวง ระบุ
เมื่อถามถึงกรณี จ.นครศรีธรรมราช ที่มีผู้เข้าไปสมัครแล้วยอมรับว่าได้รับการว่าจ้างมาจริง ตรงนี้ดำเนินการถึงขั้นไหนแล้ว นายแสวง กล่าวว่า ตนเองไม่แน่ใจ เพราะเขามีคณะกรรมการสืบสวนระดับจังหวัด ต้องรวบรวมข้อมูลว่าใครเป็นผู้ว่าจ้างเขา ไม่ใช่ว่าตัวเขารับสารภาพแล้วเขาผิดคนเดียว ดังนั้น ต้องสืบให้ได้ก่อนว่าใครคนจ้าง
นายแสวง กล่าวถึงเรื่องรางวัลนำจับสำหรับผู้แจ้งเบาะแสทุจริตเรื่องเลือกสว. ว่า ใช้คำว่าไม่เกิน 1ล้านบาท จะได้เงิน เมื่อคดีไปถึงศาล และศาลตัดสินว่ากระทำผิด ตอนนี้ยังไม่มีใครได้รับเงิน และยังไม่มีใครแจ้ง มีแต่มีคำร้อง โดยถ้าคำร้องมีหลักฐานและเป็นสาระสำคัญในการลงโทษ จึงจะได้ค่าเงินรางวัล โดยเงินรางวัลอยู่ในกฎหมาย ไม่ใช่ กกต.ตั้งเอง ซึ่งใช้มาตั้งแต่เลือกตั้งท้องถิ่น และเลือกตั้งสส.
นายแสวง กล่าวถึงความตื่นตัวของประชาชนในการเข้าสังเกตการณ์การเลือกสว.อยู่ในระดับไหน ว่า คนที่น่าจะตื่นตัวที่สุดคือกลุ่มที่เคลื่อนไหวเพื่อให้การเมืองเราดี เช่น ไอลอว์ เป็นต้น แต่ประชาชนทั่วไปอาจจะสนใจน้อยเพราะไม่มีสิทธิเลือกแต่ต้น ซึ่งตนประเมินไม่ถูกว่าตื่นตัวแค่ไหนอย่างไร คือตัวกฎหมายออกแบบมาแบบนี้ ก็ต้องตอบว่าเราอยากให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม ไม่ว่ารูปแบบไหน แต่กติกาออกแบบมาแบบนี้ มันเลยทำให้ตรงนี้มันขาดหายไปประชาชนไม่สนใจเท่าที่ควร ตนเองเข้าใจผู้ร่างกฎหมายต้องมีเจตนาดี แต่เมื่อใช้แล้วประชาชนมีส่วนร่วมแค่ไหนอย่างไร ตนเองว่าต้องทบทวนภาพใหญ่ มากกว่าที่จะต้องดูเทคนิคทางการปฏิบัติของเรา ที่ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ทั้งนี้ในวันพรุ่งนี้จะทราบตัวเลขผู้สมัครที่ทะลุเข้าไปในระดับจังหวัด วันนี้ยังประมวลผลกันอยู่.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สส.บริจาคภัยพิบัติเต็มที่ ท้องถิ่นระวังช่วง180วัน!
กกต.ไฟเขียวบริจาคช่วยภัยพิบัติ สส.-สมาชิกพรรค ทำได้เต็มที่ไม่เกินครั้งละ 3 แสนบาท
กกต.ขยับรับสมัครอบต.ใต้เป็น 8-12 ธ.ค. เหตุอุทกภัยกระทบหลายจังหวัด
กกต.ปรับรอบรับสมัครเฉพาะ 5 จังหวัดน้ำท่วม ส่วนจำนวน อบต.ทั่วประเทศลดเหลือ 4,985 แห่งจากการยกฐานะเป็นเทศบาล ต้องแบ่งเขตใหม่ก่อนจัดเลือกตั้งช่วงเมษายน 2569 หลายพื้นที่เปิดรับสมัครวันแรกคึกคัก
กกต. แจงนักการเมือง-พรรค บริจาคช่วยน้ำท่วมได้เต็มที่ แต่ระดับท้องถิ่นต้องระวังช่วง 180 วันก่อนครบวาระ
กกต. ชี้ "บริจาคช่วยภัยพิบัติ" สส.-สมาชิกพรรคทำได้เต็มที่ไม่เกินครั้งละ 3 แสนบาท แต่จะบริจาคกี่ครั้งก็ได้ ส่วนพรรคการเมืองไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อเหตุการณ์ ย้ำโปร่งใส–โฆษณาได้
ดร.ณัฏฐ์ ชี้ชัดนิยาม ผู้สมัคร อบต. ต้องนับตั้งแต่ ‘เสนอตัว’ ไม่ใช่วันได้สมัครต่อ กกต.
“ดร.ณัฏฐ์ วงศ์เนียม” ผ่าปมกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่น หลังนักการเมือง อบต.ฮือฮาแจกของช่วยน้ำท่วมหาดใหญ่ ระบุชัด สถานะ ผู้สมัคร เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ประกาศตัวลงสนาม ไม่ใช่วันที่ยื่นใบสมัครต่อ กกต. พร้อมเตือ
กกต. ขอเชิญชวนสมัครรับเลือกตั้ง สมาชิกสภา อบต. และนายก อบต. ระหว่างวันที่ 1 - 5 ธันวาคม 2568
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอเชิญชวนผู้ที่สนใจสมัครรับเลือกตั้งสมาชิก สภาองค์การบริหารส่วนตำบลและนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ระหว่างวันที่ 1 – 5 ธันวาคม 2568 เวลา 08.30 – 16.30 น. (ไม่เว้นวันหยุดราชการ) ณ สถานที่ที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนตำบลกำหนด สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอประชาสัมพันธ์ผู้ที่สนใจสมัครรับเลือกตั้งสามารถตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม และเตรียมหลักฐานและเอกสารประกอบการ ยื่นใบสมัครรับเลือกตั้ง พร้อมทั้งค่าธรรมเนียมการสมัครรับเลือกตั้ง โดยมีรายละเอียดดังนี้ 1. คุณสมบัติของผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 1.1 มีสัญชาติไทยโดยการเกิด 1.2 ผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ต้องมีอายุ ไม่ต่ำกว่า 25 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง สำหรับผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 35 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง 1.3 มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลที่สมัครรับเลือกตั้ง ในวันสมัครรับเลือกตั้ง เป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 1 ปี นับถึงวันสมัครรับเลือกตั้ง 1.4 วุฒิการศึกษา • สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ไม่ได้กำหนดวุฒิการศึกษา • ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ต้องสำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่ามัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า หรือเคยเป็นสมาชิกสภาตำบล สมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่น หรือสมาชิกรัฐสภา 2. ลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 2.1 ติดยาเสพติดให้โทษ 2.2 เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต 2.3 เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ 2.4 เป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติ การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 มาตรา 39 (1) เป็นภิกษุ สามเณร นักพรตหรือนักบวช (2) อยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่ว่าคดีนั้นจะถึงที่สุดแล้วหรือไม่ หรือ (4) วิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ 2.5 อยู่ระหว่างถูกระงับการใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นการชั่วคราวหรือ ถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 2.6 ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล 2.7 เคยได้รับโทษจำคุกโดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึง 5 ปี นับถึงวันเลือกตั้ง เว้นแต่ ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ 2.8 เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเพราะทุจริต ต่อหน้าที่หรือถือว่ากระทำการทุจริตหรือประพฤติมิชอบในวงราชการ 2.9 เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอันถึงที่สุดให้ทรัพย์สินตกเป็น ของแผ่นดินเพราะร่ำรวยผิดปกติ หรือเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกเพราะกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2.10 เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม หรือกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยความผิดของพนักงาน ในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ หรือความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน กฎหมายว่าด้วยยาเสพติด ในความผิดฐานเป็นผู้ผลิต นำเข้า ส่งออก หรือผู้ค้า กฎหมายว่าด้วยการพนันในความผิดฐานเป็นเจ้ามือหรือเจ้าสำนัก กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือกฎหมายว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในความผิดฐานฟอกเงิน 2.11 เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำการอันเป็นการทุจริตในการเลือกตั้ง 2.12 เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ 2.13 เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น 2.14 เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น หรือเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ 2.15 เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ 2.16 อยู่ในระหว่างต้องห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 2.17 เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลฎีกาหรือศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาว่าเป็นผู้มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ หรือกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง 2.18 ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดว่ากระทำความผิดตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้ง สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 ไม่ว่าจะได้รับโทษหรือไม่ โดยได้พ้นโทษหรือ ต้องคำพิพากษามายังไม่ถึง 5 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง แล้วแต่กรณี 2.19 เคยถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หรือกฎหมายว่าด้วยการลงคะแนนเสียงเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น แล้วแต่กรณี มายังไม่ถึง 5 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง 2.20 อยู่ในระหว่างถูกจำกัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น ตามมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 หรือตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2.21 เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา หรือเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเดียวกันหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น 2.22 เคยพ้นจากตำแหน่งใด ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพราะเหตุมี ส่วนได้เสียไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาหรือกิจการที่กระทำหรือจะกระทำกับหรือให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น หรือมีส่วนได้เสียไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาหรือกิจการ ที่กระทำกับหรือจะกระทำกับหรือให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น โดยมีพฤติการณ์แสดงให้เห็นว่าเป็นการต่างตอบแทน หรือเอื้อประโยชน์ส่วนตนระหว่างกัน และยังไม่พ้น 5 ปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง 2.23 เคยถูกสั่งให้พ้นจากตำแหน่งใด ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพราะจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ หรือมติคณะรัฐมนตรี อันเป็นเหตุให้เสียหาย แก่ราชการอย่างร้ายแรง และยังไม่พ้น 5 ปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง 2.24 เคยถูกสั่งให้พ้นจากตำแหน่งใด ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพราะทอดทิ้งหรือละเลยไม่ปฏิบัติการตามหน้าที่และอำนาจ หรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยหน้าที่ และอำนาจ หรือประพฤติตนฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือมีความประพฤติในทางที่จะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียแก่ศักดิ์ตำแหน่ง หรือแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือแก่ราชการ และยังไม่พ้น 5 ปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง 2.25 ลักษณะอื่นตามที่กฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์การบริหารส่วนตำบลกำหนด 3. หลักฐานและเอกสารประกอบการยื่นใบสมัครรับเลือกตั้ง ให้ผู้สมัครยื่นใบสมัครต่อผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนตำบลพร้อมทั้งหลักฐานการสมัคร ดังนี้ 3.1 ใบสมัครรับเลือกตั้งตามแบบ ส.ถ./ผ.ถ. 4/1 3.2 รูปถ่ายหน้าตรงไม่สวมหมวก หรือ รูปภาพที่พิมพ์ชัดเจนเหมือนรูปถ่ายของตนเอง ขนาดกว้างประมาณ 8.5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 13.5 เซนติเมตร จำนวนตามที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนตำบลกำหนด 3.3 สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน 3.4 สำเนาทะเบียนบ้าน 3.5 ใบรับรองแพทย์ 3.6 หลักฐานการศึกษา 3.7 หลักฐานการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นเวลาติดต่อกัน 3 ปี (2565, 2566, 2567) นับถึงปีที่สมัครรับเลือกตั้ง เว้นแต่เป็นผู้ไม่ได้เสียภาษีเงินได้ ให้ทำหนังสือยืนยัน การไม่ได้เสียภาษี พร้อมทั้งสาเหตุแห่งการไม่ได้เสียภาษีตามแบบ ส.ถ./ผ.ถ. 4/2 4. ค่าธรรมเนียมการสมัครรับเลือกตั้ง 4.1 นายกองค์การบริหารส่วนตำบล 2,500 บาท 4.2 สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล 1,000 บาท ทั้งนี้ ผู้ใดลงสมัครรับเลือกตั้งโดยรู้อยู่แล้วว่าตนเป็นผู้ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกตั้ง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 - 10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 – 200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี ตามมาตรา 120 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 และที่แก้ไขเพิ่มเติม สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหาร ส่วนตำบลและนายกองค์การบริหารส่วนตำบลได้ทางเว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง www.ect.go.th หรือ Application Smart Vote หรือสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ประจำจังหวัดทุกจังหวัด หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บริการสายด่วน 1444
ปี69เดือด!เลือกตั้งทุกระดับ 'กกต.-ประชาชน'ตัดสินอนาคต
ปี 2569 กลายเป็นปีที่ท้าทายที่สุดสำหรับประชาธิปไตยไทย ด้วยการเลือกตั้งหลายระดับที่กระชั้นชิดกันอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ที่คาดว่าจะพ่วงด้วยการลงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ และบันทึกความเข้าใจ (MOU)


