
23 ก.ค.2567- ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีที่มีข่าวว่ามีอดีตผู้สมัคร ส.ว.กลุ่ม 18 สื่อมวลชนและผู้สร้างสรรค์วรรณกรรม มีข้อมูลว่า ถูกจำคุกและเพิ่งได้รับการปล่อยตัวเมื่อปี 2561 ถือว่าขาดคุณสมบัติการสมัคร ส.ว.ตามลักษณะต้องห้าม 26 ข้อตามที่กกต.กำหนด คือ ไม่ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล และเคยได้รับโทษจำคุกโดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึง 10 ปี นับถึงวันเลือกในระดับอำเภอ เว้นแต่ ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สว.คนดังกล่าวว่าคือ ว่าที่ พ.ต.กรพด รุ่งหิรัญวัฒน์ และในเรื่องนี้ สำนักงานที่ส่วนกลาง จะสั่งให้สำนักงาน กกต. จังหวัด ไปคัดคำพิพากษา เบื้องต้นที่ตรวจสอบพบ เคยต้องคดีขัดขวางทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงาน ขณะไปทำข่าวในพื้นที่บ้านเพ เมื่อเดือนสิงหา 2561 ศาลรอลงอาญา 2 ปี เป็นการฝากขัง ที่เรือนระยอง จำ 1 คืน ในช่วงสถานการณ์โควิท-19 เพื่อส่งฟ้องศาล
ขณะที่ว่าที่ พ.ต.กรพด ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวการเมืองช่อง 3 ว่า เรื่องนี้เป็นการดิสเครดิต โดยจะมีขบวนการสร้างประเด็นเพื่อกล่าวโทษให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เกิดความเสียหาย หาว่า กกต. ทำงานไม่ตรวจสอบ ตนกำลังให้ทนายตรวจสอบอยู่ เชื่อว่าไม่ยากที่จะหาแหล่งต้นตอ
“ประเด็นคุณก็เห็นอยู่แล้วไงว่ามันไม่ได้เป็นไปตามที่ข่าวนำเสนอ คนมีวิจารณญาณจะรู้ ข่าวก็เต้าไป แล้วสื่อสารมวลชนก็ไปเป็นเครื่องมือให้เขา การที่คุณไปพูดอย่างนี้ทำให้เกิดความเสียหายหลายๆ ส่วนนะครับ ผมก็ได้ให้ทนายความของผมดำเนินการดูอยู่เหมือนกันว่าใครเป็นผู้เต้าข่าวหรือปั้นข่าวออกมาในลักษณะนี้ ถ้าเกิดความเสียหายอย่างไรเดี๋ยวก็ไปว่ากันตามกฎหมาย …. ผมว่าเป็นกระบวนการที่อยากจะออกมาด่า กกต. มากกว่า ใช่ไหมครับ แล้วก็ไม่เห็นด้วยกับการเลือกตั้ง ผมถามหน่อยครับว่าการที่ผู้สมัครเข้ามา ขั้นตอนแรกต้องโดนตรวจสอบจาก กกต.อยู่แล้ว ยิ่งเราได้รับเลือก กกต. ต้องตรวจสอบนะ ถ้าผมมีความผิด กกต.จะรับรองแบบนี้เหรอครับ” ว่าที่ พ.ต.กรพด กล่าว
เมื่อถามว่าคดีที่เกิดขึ้นในช่วงนั้นคือคดีอะไร ว่าที่ พ.ต.กรพด กล่าวว่า เป็นคดีทำร้ายเจ้าพนักงาน ตอนนั้นตนเป็นนักข่าว ได้รับการแจ้งข่าวจากพื้นที่ระยอง จึงลงพื้นที่ไปทำข่าวกันตามปกติ เรื่องการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่ไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งที่เกิดเหตุเป็นบ้านเกิดของตนด้วย ในยุค คสช. เข้าใจว่าเป็นเรื่องผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ด้วย
“ตอนนั้นเราก็ไปกัน 4-5 คน มีเจ้าหน้าที่ เราก็ถามว่าใครเป็นคนสั่งให้ทำแบบนี้ และหมายศาล มีอะไรแบบนี้ชัดเจนหรือไม่ ก็ไม่เห็นมีใครมาชี้แจง เห็นแต่เจ้าหน้าที่ทหารนั่งอยู่ 4-5 คน เราก็เดินเข้าไป แล้วพอดีมีคนหนึ่งโผล่เข้ามาถามว่ามาทำอะไรที่นี่ เราก็เลยบอกว่าทำข่าวปกติ และหลังจากนั้นมีการทะเลาะกัน มีปากเสียงกันนิดหนึ่ง เราก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร ชุลมุนกันนิดหน่อย หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันไป” ว่าที่ พ.ต.กรพด กล่าว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นายกฯ คุยทูตพิเศษจีนแล้ว รับทราบจุดยืนไทย สันติภาพเกิดขึ้นตามเงื่อนไข 4 ข้อ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังการหารือกับนายจาง เจียนเว่ย เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย และนายเติ้ง สีจวิน เอกอัครราชทูตและผู้แทนพิเศษด้านกิจการเอเชียและกระทรวงการต่างประเทศจีนว่า
'โอ๊ค' เข้าเยี่ยม 'ทักษิณ' คุยเรื่องหลานๆ พร้อมฝากให้กำลังใจ 'ยศชนัน'
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณด้านหน้าเรือนจำกลางคลองเปรม ถนนงามวงศ์วาน กรุงเทพมหานคร ระหว่างการเดินทางเข้าเยี่ยม นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นการเข้าเยี่ยมครั้งที่ 27 ภายหลังถูกคุมขังครบ 3 เดือน เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. ที่ผ่านมา การเข้าเยี่ยมครั้งนี้มี นายพานทองแท้ ชินวัตร หรือโอ๊ค บุตรชายคนโตของนายทักษิณ ชินวัตร
นายกฯ เรียกถก 'ผบ.เหล่าทัพ' ตึกไทยฯ ก่อนนั่งหัวโต๊ะประชุม สมช.
นายกฯได้หารือนอกรอบกับ พล.อ.อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และเลขาธิการสมช. ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ก่อนเป็นประธานการประชุม สมช.
'รมว.ยธ' โยนถาม DSI สอบปม MOU บ.สแกนม่านตา หลังอดีตปลัดดีอีให้การฝ่ายการเมืองสั่ง
รมว.ยุติธรรม โยนถาม ดีเอสไอ หลังเรียก สอบปม MOU กระทรวงดีอี-บ.สิงคโปร์ สแกนม่านตา หลังอดีตปลัดดีอีให้การ ฝ่ายการเมืองสั่ง ยํ้า เรื่องนี้น่าเป็นห่วง เพราะกระทบ ปชช.หลายคน
'ไชยชนก' แย้ม 'DSI' มีข้อมูลโยง 2 นักการเมือง ปม MOU บ.สแกนม่านตา
'ไชยชนก' ชี้หน้าที่ 'ดีเอสไอ' สอบสวน หลังพบข้อมูลนักการเมือง 1-2 คน เอี่ยว MOU กระทรวงดีอี-บ.สิงคโปร์ สแกนม่านตา โยงฟอกเงินดิจิทัล
'บิ๊กเล็ก' แย้มถก 'สมช.' ปมพบโดรนพื้นที่ส่วนหลังตอนในที่สุวรรณภูมิ
รมว.กลาโหม เผยประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ถกประเด็นตรวจพบโดรนบินในพื้นที่ส่วนหลังตอนในที่สุวรรณภูมิ

