"ช่อ พรรณิการ์" บอกคำตัดสินศาลรธน. สะท้อนก้าวไกลกำลังสั่นคลอนผู้มีอำนาจ ไม่ปล่อยให้ก้าวไกลเป็นภัยคุกคาม เชื่อไม่มี สส.งูเห่าย้ายซบพรรคอื่น คณะก้าวหน้าอ้าแขนรับ กก.บห.ที่ถูกตัดสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้ง 10 ปี
7 ส.ค.2567 - ที่พรรคก้าวไกล น.ส.พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า และอดีตโฆษกพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์ ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 สั่งยุบพรรคก้าวไกล ตัดสิทธิการเมืองกรรมการบริหารพรรค 5 ปี ตัดสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรค 10 ปี ห้ามรวมตั้งพรรคใหม่ภายใน 10 ปี ว่า สิ่งที่เราเห็นจากคำวินิจฉัยในวันนี้ เป็นสิ่งที่สั่นคลอนต่อการคงอยู่ในอำนาจของทุกท่าน และมีคำวินิจฉัยออกมาว่าจะไม่ปล่อยให้ภัยคุกคามของพวกเขาคงอยู่ แต่นั่นคือการตัดสินใจของผู้มีอำนาจในประเทศนี้ ซึ่งคิดว่ามีอำนาจสูงสุดในประเทศนี้ แต่เขาไม่รู้ตัวว่า ผู้ที่มีอำนาจสูงสุดคือประชาชน แม้ศาลจะวินิจฉัยไม่ให้พรรคก้าวไกลไปต่อ แต่สิ่งที่เรากำลังรอฟังคือคำวินิจฉัยจากประชาชน ว่าเขาตัดสินใจอย่างไร โดยเฉพาะคนที่ต้องการการเปลี่ยนแปลง และมีความฝันแบบเดียวกับพรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกล อยากให้ทุกคนเปล่งเสียงออกมาอย่างดัง ในฐานะผู้มีอำนาจตัดสินใจ ว่าอยากให้เราไปต่อหรือไม่
เมื่อถามว่าสมาชิกพรรคก้าวไกลที่ถูกตัดสิทธิ์ จะมาอยู่กับคณะก้าวหน้าหรือไม่ นางสาวพรรณิการ์ กล่าวว่า หากกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลตัดสินใจว่าอยากทำงานการเมืองต่อ คณะก้าวหน้าก็เป็นอีกหนึ่งช่องทาง เพราะเป็นองคาพยพที่สานต่อภารกิจและเจตนารมณ์ของพรรคอนาคตใหม่ การทำงานของคณะก้าวหน้าก็ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง และการทำงานของพรรคการเมืองใหม่ของพรรคก้าวไกลก็คงสอดประสานกับคณะก้าวหน้า
เมื่อถามว่า ความใกล้ชิดของพรรคการเมืองใหม่กับคณะก้าวหน้า หลังจากนี้จะมีผลในทางลบหรือไม่ นางสาวพรรณิการ์ กล่าวว่า เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของผู้มีอำนาจในการทำให้เราหวาดกลัว แต่ที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้วว่า เราก้าวพ้นความกังวลจากการยุบพรรคอนาคตใหม่ ไม่มีอะไรหยุดยั้งความต้องทำงานการเมืองของเราได้
เมื่อถามว่า มองว่าสส.อีก 10 คน ที่ถูกยื่น ป.ป.ช. ให้สอบจริยธรรม จะโดนตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิตเหมือนกับที่ตนเองโดนหรือไม่นางสาวพรรณิการ์ กล่าวว่า เชื่อว่าคนที่เข้ามาทำการเมืองทุกคน รู้ราคาที่ต้องจ่าย สำหรับการเปลี่ยนแปลงประเทศนี้คืออนาคตและชีวิตทางการเมืองของเรา และหากสำเร็จก็มีคุณค่าพอที่จะจ่ายราคาแพงเช่นนี้ และสส. คงไม่ได้มาคำนึงในชะตากรรมของตัวเอง แต่จะใช้เวลาทุกนาทีเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ส่วนผลการตัดสินคดีจริยธรรม ทุกคนไม่ใช่น้อมรับแต่ก้มหน้ารับ
เมื่อถามว่าได้พูดคุยกับพรรคก้าวไกล ถึงแนวทางหลังจากนี้หรือไม่ นางสาวพรรณิการ์ กล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องพูดคุย การทำงานยังดำเนินต่อไป ทุกคนรู้หน้าที่ของตัวเองคืออะไร ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็จะสานภารกิจต่อไป หลังจากนี้พรรคก้าวไกลต้องเตรียมการย้ายไปสู่บ้านหลังใหม่
เมื่อถามว่า คิดว่าจะมี สส.ย้ายไปอยู่พรรคอื่นที่ไม่ใช่พรรคใหม่ของก้าวไกลหรือไม่ นางสาวพรรณิการ์ กล่าวว่า เราพูดอยู่เสมอว่า พรรคใหญ่กว่าคน ประชาชนใหญ่กว่าพรรค ดังนั้นคนหรือสส.ในพรรคไม่ได้สำคัญเท่ากับตัวพรรค ดังนั้นหากใครตัดสินใจว่าจะไม่ไปต่อกับพรรคก็ออกไป จะมีคนใหม่เข้าเสมอ แต่ก็คิดว่าคงไม่มีสส.ก้าวไกล จากไปเยอะเพราะรู้จักทุกคนเป็นอย่างดี เชื่อว่าทุกคนยืนหยัดในอดุมการณ์เดียวกัน หวังว่าจะเห็นทุกคนเดินหน้าต่อไปอย่างเอกภาพ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ศาลรับคำร้อง ให้สว.สมชาย หยุดทำหน้าที่
ศาลรัฐธรรมนูญสั่ง “สมชาย เล่งหลัก” หยุดปฏิบัติหน้าที่ สว.
มติเอกฉันท์! ศาลรธน. ตีตก 7 คำร้อง ขอให้วินิจฉัยเลือก สว. ไม่ชอบ
ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ไม่รับ 7 คำร้องที่มีการร้องขอให้วินิจฉัยเกี่ยวกับการเลือกสมาชิกวุฒิสภา ประกอบด้วยคำร้องของนายสมบูรณ์ ทองบุราณ,นายวัฒนา ชมเชย ,ว่าที่ร.ต.วิชชุกร คำจันทร์ นายจิรัฎฐ์ แจ่มสว่าง,นายปรีชา เดชาเลิศ,นางฤติมา กันใจมา,
'สนธิญา' ยื่นหลักฐานเพิ่ม ร้องศาลรธน. สั่ง 'อิ๊งค์' หยุดปฏิบัติหน้าที่ แจกเงินหมื่นไม่ตรงปก
นายสนธิญา สวัสดี นำเอกสารหลักฐานไปยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยรัฐบาลดำเนินโครงการแจกเงินหมื่นแตกต่างจากนโยบายดิจิตอลวอลเล็ต 10,000 บาท
ปลุกรุมบี้ 'รัฐบาลอิ๊งค์' ส่งศาล รธน. ชี้ขาด 'MOU 44'
รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ท่านที่ได้อ่านโพสต์ที่แล้วของผม คงจะมีความเข้าใจเกี่ยวกับที่มาที่ไป
'เทพมนตรี' ชี้รัฐบาลไม่กล้านำ 'MOU44-JC44' ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย!
นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์และนักเทววิทยา
'พุทธอิสระ' บอกหรือถึงยุคทมิฬของประชาชนเมื่อนักการเมืองขู่ค้าความ!
นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือเดิมเรียกพระพุทธะอิสระ