เลขาฯ ป.ป.ช. ยันไต่สวน 'คดีชั้น 14' ไม่ล่าช้า

'เลขาธิการ ป.ป.ช.' ยันไต่สวน 'คดีชั้น 14' ไม่ล่าช้า-ดำเนินการตามขั้นตอนครบถ้วน ชี้เป็นอำนาจองค์คณะไต่สวน จะเรียก 'ทักษิณ-แพทองธาร-ครอบครัว' ที่เข้าเยี่ยม เข้าให้ข้อมูลหรือไม่ เผย รอพิจารณา ลงพื้นที่ รพ.ตำรวจ สถานที่เกิดเหตุ ด้วยหรือไม่

28 ม.ค.2568 - ที่รัฐสภา นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส อดีตหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เข้าให้ข้อมูลกับ ป.ป.ช. กรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พักรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ขั้นตอนต่อไป จะต้องมีการดำเนินการอย่างไร ว่า การดำเนินการไต่สวนเป็นเรื่องที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งคณะจะมีการไต่สวน และได้มีการมอบหมายกรรมการ ป.ป.ช. ผู้รับผิดชอบคดี

ดังนั้น จะเป็นหน้าที่ของกรรมการผู้รับผิดชอบสำนวน กับคณะเจ้าหน้าที่ที่ดำเนินการไต่สวนจะรวบรวมพยานหลักฐานตามที่องค์คณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นชอบ ซึ่งตอนนี้ได้ดำเนินการไต่สวนทั้งพยานบุคคล และมีคำสั่งหมายเรียกพยานเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อจะนำเสนอองค์คณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยยังอยู่ระหว่างกระบวนการไต่สวน

ส่วนขณะนี้การไต่สวนพยานบุคคลครบถ้วนแล้วหรือไม่ หรือจะต้องเรียกบุคคลใดมาไต่สวนเพิ่มเติม นายสาโรจน์ กล่าวว่า การไต่สวนบุคคลจะมีการกำหนดแผนว่า มีประเด็นในการไต่สวนอะไรบ้าง จะดำเนินการเรียกพยานเอกสาร รวมถึงกำหนดบุคคลที่จะต้องไต่สวน ในการไต่สวนพยานบุคคล เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีเหตุจำเป็นที่จะต้องไปส่วนบุคคลอื่นๆ หรือไม่ องค์คณะผู้รับผิดชอบสำนวนจะต้องเสนอให้ กรรมการ ป.ป.ช. พิจารณา ว่ามีเหตุจำเป็นที่จะต้องเร่งบุคคลที่เกี่ยวข้องอื่นเพิ่มเติมจากที่ได้กำหนดไว้หรือไม่ และเพื่อให้ข้อเท็จจริง พยานหลักฐานครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุด และเป็นไปตามกระบวนการไต่สวนคดีตามปกติที่ ป.ป.ช.ทำในลักษณะนี้อยู่แล้ว

เมื่อถามว่าจะต้องเรียกนายทักษิณ มาให้ถ้อยคำต่อองค์คณะกรรมการไต่สวน หรือไม่ เนื่องจากเป็นบุคคลหลักที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ นายสาโรจน์ กล่าวว่า เรื่องนี้เราไต่สวนการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ เพราะฉะนั้น ถ้าคณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นว่า มีพยานบุคคลใดมีความจำเป็นที่จะต้องเข้าให้ข้อมูลข้อเท็จจริง จึงจะมีมติใครไปดำเนินการไต่สวน แต่ในส่วนของเนื้อหาเป็นการพิจารณาข้อเท็จจริงของกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งตนไม่สามารถยืนยันได้ว่า จะต้องเรียกบุคคลใดมาสอบบ้าง แต่ในหลักการบุคคลที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำให้ข้อเท็จจริงถูกต้องครบถ้วนคณะกรรมการ ป.ป.ช. ก็จะพิจารณา เพื่อเข้ามาให้ข้อมูล

ส่วนกรณีที่ พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เสนอให้เรียก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และครอบครัวของนายทักษิณที่ได้เข้าเยี่ยม ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ มาให้ถ้อยคำด้วยนั้น นายสาโรจน์ ระบุว่า การเสนอแนะ หรือการให้ข้อมูลต่างๆ เป็นอีกมุมหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องที่กรรมการ ป.ป.ช.จะพิจารณาว่า บุคคลต่างๆ เกี่ยวข้องกับประเด็นที่กำลังไต่สวนอยู่หรือไม่ จำเป็นที่จะต้องเชิญเข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติมหรือไม่ ถือเป็นดุลพินิจของกรรมการ ป.ป.ช. แต่หลักการคือต้องได้ข้อมูลถูกต้องครบถ้วนมากที่สุด

เมื่อถามว่า จะต้องมีการลงพื้นที่ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจด้วยหรือไม่ นายสาโรจน์ กล่าวว่า เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่จะต้องพิจารณา เพราะโรงพยาบาลตำรวจถือเป็นสถานที่เกิดเหตุ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ก็อาจจะมีดุลพินิจให้ไปตรวจสอบว่า มีข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ไต่สวนมากน้อยเพียงใด ถ้าดูตามเนื้อหาก็อาจมีเหตุที่จะต้องไป

ส่วนการทำงานของคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีความกดดันหรือไม่ เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพล และเกี่ยวข้องกับอำนาจรัฐ นายสาโรจน์ กล่าวว่า เท่าที่ทราบไม่มีประเด็นพวกนี้ เพราะเป็นกระบวนการรวบรวมพยานหลักฐาน ณ วันนี้ยังไม่ได้ไปถึงขั้นตอนดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาบุคคลใด เป็นเรื่องของการตั้งไต่สวนบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำในเรื่องนี้

ส่วนขั้นตอนต่อไปหลังจากรวบรวมพยานหลักฐานเสร็จ จึงจะมาพิจารณาว่ามีบุคคลใดที่ พยานหลักฐานในการไต่สวนมีส่วนร่วมกระทำผิด ก็จะพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหา และดูว่าเพื่อให้โอกาสในการชี้แจงข้อกล่าวหา ย้ำว่า เป็นไปตามกระบวนการปกติในการไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. อยู่แล้ว

เมื่อถามว่ากระบวนการไต่สวนจะไม่ล่าช้าออกไปเรื่อยๆ ใช่หรือไม่ เลขาธิการ ป.ป.ช. ระบุว่า ไม่ เรื่องการไต่สวนสาระสำคัญอยู่ที่ความครบถ้วนของข้อเท็จจริง และพยานหลักฐาน ซึ่งกรอบระยะเวลาต่างๆ เพื่อเป็นกรอบในการทำงานอาจจะไม่เต็มตามกรอบที่กำหนดไว้ ถ้าพยานหลักฐานครบถ้วนเพียงพอ หรืออาจจะเกินกรอบหากยังมีข้อเท็จจริงที่กรรมการ ป.ป.ช. เห็นว่าต้องไต่สวนเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม กระบวนการไต่สวนต้องให้ความเป็นธรรม ทั้งต่อผู้ถูกกล่าวหา และผู้กล่าวหา ต้องทำให้ครบถ้วน

เมื่อถามย้ำว่า จะไม่ถูกข้อครหาเป็นการประวิงเวลาใช่หรือไม่ นายสาโรจน์ กล่าวว่า ขอให้สื่อมวลชนติดตามดูว่า ตั้งแต่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติรับเรื่อง มีมติสั่งไต่สวนบุคคลที่เกี่ยวข้อง และมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ถ้าเรากังวลใจในเรื่องนี้จริง ก็อยากให้สื่อช่วยติดตาม เพื่อเป็นกระบอกข่าวสื่อสารไปยังประชาชนว่า ป.ป.ช. พยายามทำหน้าที่ของเราอย่างเต็มที่อยู่แล้ว

ส่วนนอกจากพยานบุคคลแล้ว มีพยานหลักฐานอื่นที่บ่งชี้ชัดอีกหรือไม่ นายสาโรจน์ กล่าวว่า เรื่องความชัดเจน เป็นหน้าที่ขององค์คณะไต่สวนตนในฐานะเลขาธิการ ป.ป.ช. ไม่ได้เข้าไปก้าวล่วงในสำนวน และตนมีหน้าที่ในการอำนวยความสะดวกสนับสนุนการทำหน้าที่ตามกฏหมายของ คณะกรรมการ ป.ป.ช.

เมื่อถามถึงความคืบหน้าในการรวบรวมพยานหลักฐานขณะนี้ นายสาโรจน์ ระบุว่า เรื่องความคืบหน้าในการรวบรวมพยานหลักฐานเราสามารถติดตามทวงถามได้ ในการกำกับดูแลของสำนักงาน ป.ป.ช. และสามารถติดตามทวงถามถึงความคืบหน้าในการดำเนินการได้ ซึ่งมีผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นคอยกำกับติดตาม ย้ำว่าขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการรวบรวมหลักฐาน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ป.ป.ช.เปิดเซฟ 6 รมต.ค่ายน้ำเงินล็อตแรก ‘ศุภมาศ’ อู้ฟู่พันล้าน

สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่บัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำ

เปิดขุมทรัพย์ แคนดิเดตนายกฯเพื่อไทย  ‘จุลพันธ์’ 86 ล้าน ‘สุริยะ’ รวยจริง 1.6 พันล. ซื้อเครื่องบิน 30 ล้าน

-สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เผยแพร่บัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำ

'โอ๊ค' เข้าเยี่ยม 'ทักษิณ' คุยเรื่องหลานๆ พร้อมฝากให้กำลังใจ 'ยศชนัน'

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณด้านหน้าเรือนจำกลางคลองเปรม ถนนงามวงศ์วาน กรุงเทพมหานคร ระหว่างการเดินทางเข้าเยี่ยม นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นการเข้าเยี่ยมครั้งที่ 27 ภายหลังถูกคุมขังครบ 3 เดือน เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. ที่ผ่านมา การเข้าเยี่ยมครั้งนี้มี นายพานทองแท้ ชินวัตร หรือโอ๊ค บุตรชายคนโตของนายทักษิณ ชินวัตร

คดีค้างอื้อ! เบรกสว.สีน้ำเงินลงมติห็นชอบ ชี้ขัดกันแห่งผลประโยชน์

สว.อิสระค้าน พุธนี้สภาสูงลงมติเห็นชอบป.ป.ช.-ตั้งกมธ.สอบประวัติว่าที่กกต. ยกเหตุเพื่อป้องกันการขัดกันแห่งผลประโยชน์ หลังสว.เกินครึ่งมีเรื่องค้างที่ตึกป.ป.ช.-กกต.