1 ก.พ.2568 - เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายแสวง บุญมี เลขาธิการกกต. แถลงถึงสถานการณ์การเปิดหน่วยเลือกตั้งสมาชิกและนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) 2568 ทั่วประเทศ (ยกเว้นกทม.) ว่า ตั้งแต่เปิดหีบเวลา 08.00 น. รวม 90,715 หน่วย โดยมี 47 จังหวัด ที่เลือกตั้งทั้ง นายกอบจ.และเลือกสมาชิกอบจ. ซึ่งจะได้รับบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ แต่ละภูมิภาคจะได้รับบัตรเลือกตั้งที่มีสีแตกต่างกัน ส่วนอีก 29 จังหวัด จะเลือกเฉพาะสมาชิก อบจ. ก็จะได้รับบัตรเลือกตั้งเพียง 1 ใบ มีกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง (กปน.) ประมาณ 1 ล้านคน ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 47 ล้านคน ที่สามารถเดินทางมาออกเสียงได้จนถึงเวลา 17.00 น. ทั้งนี้ นับตั้งแต่เปิดให้มีการเลือกตั้ง จนถึงตอนนี้ผ่านมา 2 ชั่วโมง ได้รับรายงานจากกปน.ว่าบรรยากาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
เลขาฯ กกต. กล่าวด้วยว่า ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งต้องเตรียมตัว คือเตรียมหลักฐานแสดงตน เช่น บัตรประจำตัวประชาชนหรือบัตรที่ออกโดยรัฐ โดยมีเลข 13 หลัก หากไม่ได้เตรียมหลักฐานยืนยันตัวตนไปด้วย ทางกรมการปกครองก็ได้เปิดบริการทำบัตรประชาชนให้ใหม่ ที่สำนักทะเบียนอำเภอ และสำนักทะเบียนท้องถิ่นเพื่ออำนวยความสะดวก ทั้งนี้ ขอให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ศึกษาข้อมูลก่อนลงคะแนนก่อนเข้าหน่วยเพื่อสร้างความมั่นใจ
นอกจากนี้ ขอเน้นย้ำข้อพึงระวังจากนี้จนถึงเวลา 18.00 น. ไม่สามารถที่จะทำการหาเสียงได้ นอกจากนี้การกระทำให้การเลือกตั้งไม่เรียบร้อยมีโทษทั้งปรับ อาญา และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง เช่น การมิให้ผู้ใดที่ดูแล้วว่าเป็นผู้ไม่มีสิทธิ์เลือกตั้งเป็นผู้ออกเสียงลงคะแนน หมายถึงผู้ที่ไม่มีสิทธิ์ลงคะแนนแล้วไปลงคะแนน , ห้ามใช้บัตรอื่นแทนบัตรเลือกตั้งที่ได้รับจากกปน. เพื่อออกเสียงลงคะแนน , ห้ามมิให้ผู้ใดนำบัตรเลือกตั้งออกนอกสถานที่เลือกตั้ง หมายถึงกาแล้วต้องหย่อน , ห้ามมิให้ผู้ใดจงใจทำเครื่องหมายโดยวิธีใดในบัตรเลือกตั้งนอกจากเครื่องหมายที่ลงคะแนน หมายถึงในบัตรเลือกตั้งต้องมีเครื่องหมายกากบาท แต่ห้ามทำเครื่องหมายใดไว้ในบัตร , ห้ามถ่ายภาพบัตรลงคะแนน และอย่าใช้อุปกรณ์ใดถ่ายภาพบัตรเลือกตั้งเพื่อให้เห็นเครื่องหมายลงคะแนนโดยจะถือว่ามีความผิด , ห้ามเผยแพร่ผลสำรวจจนกว่าจะถึงเวลาปิดหีบคือหลัง 17.00 น. และห้ามฉีกหรือทำลายบัตร นอกจากนี้ ขอความร่วมมือภาคเอกชน ทั้งโรงงานอุตสาหกรรม บริษัท ห้างร้าน อยากให้อำนวยความสะดวกให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในการไปออกเสียงลงคะแนนในวันนี้ ถ้าผู้ใดหน่วงเหนี่ยวไม่ให้ความสะดวกโดยไม่มีเหตุอันสมควรแก่ลูกจ้างจะมีโทษ
เลขาฯ กกต. กล่าวด้วยว่า ส่วนประชาชนอยากทราบข้อมูลการเลือกตั้งระหว่างการเลือกตั้งมีแอปพลิเคชั่น และมีสายด่วน 1444 บริการถึงเวลาเที่ยงคืนวันนี้ สุดท้ายขอเชิญชวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในการเลือกตั้งนายกและสมาชิกจำนวน 47 ล้านคน ให้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งซึ่งยังมีเวลาจนถึงเวลา 17.00 น.
“ท่านอยากให้คุณภาพชีวิตเป็นอย่างไร อยากเลือกคนดูแลบ้านดูแลชีวิตนี้ลูกหลานท่านในแต่ละพื้นที่ อบจ.สามารถทำหน้าที่ตรงนี้ได้ เพียงแต่ขอให้ท่านเลือกด้วยความอิสระ และเหมาะสม ที่จะมาดูแลให้คุณภาพชีวิตท่านดีขึ้น ขอให้สละเวลาเล็กน้อยไปเลือกอบจ.ในวันนี้” นายแสวง ระบุ
เมื่อถามถึงสถานการณ์ช่วงคืนที่ผ่านมาก่อนการเลือกตั้งเป็นอย่างไรบ้าง นายแสวง กล่าวว่า สำนักงานกกต. มีมาตรการป้องกันป้องปรามรวมถึงแสดงตนให้เห็นว่าเรามีการข่าวในแต่ละพื้นที่ และมีการตั้งจุดสกัดจุดตรวจกดดันป้องปราม ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่ได้มีการรับแจ้งเรื่องการกระทำเกินกฎหมาย
เมื่อถามถึงการลงพื้นที่จังหวักสมุทรปราการวันนี้เพราะมีสัญญาณอะไรหรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า ไม่ได้มีสัญญาฯอะไรพิศษ เพียงแต่จังหวัดสมุทราปราการเป็นพื้นที่มีการแข่งขันเข้มข้น ทำให้มีความน่าสนใจ จึงลงไปดู
เมื่อถามย้ำว่า เพราะเป็นพื้นที่ที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประกาศว่ามีโอกาสชนะด้วยหรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน ประชาชนรักใคร ชอบใครก็เลือกคนนั้น อย่างไรก็ตาม วันนี้การเลือกตั้งท้องถิ่นไปผูกโยงกับการเมืองระดับชาติ
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า เป็นนายทักษิณ ชินวัตร มาร่วมหาเสียงด้วยเลยเป็นกระแสหรือไม่ นายแสวงกล่าวว่า ก็มีส่วน เพราะที่ผ่านมา เวลทีการเลือกตั้งท้องถิ่น การเสียงไม่เคยมีคนเป็นหลักหมื่นไปฟังการปราศรัย แต่วันนี้มีมากเป็นหมื่น สองหมื่นคน
ถามว่า มีการเผยแพร่ข่าวว่า นายวิทยา มาลา หรือเสี่ยบี้ ผู้สมัครส.อบจ. เขต 2 พิจิตร ถูกอุ้ม มีรายงานเข้ามาหรือไม่ นายแสวงกล่าวว่า ตนยังไม่ทราบเรื่องนี้ แต่คิดว่า หากมีอะไรผิดปกติ ทางจังหวัดจะต้องรายงานมาที่ส่วนกลางแล้ว แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีรายงานเกี่ยวกับเรื่องนี้เข้ามา.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สส.บริจาคภัยพิบัติเต็มที่ ท้องถิ่นระวังช่วง180วัน!
กกต.ไฟเขียวบริจาคช่วยภัยพิบัติ สส.-สมาชิกพรรค ทำได้เต็มที่ไม่เกินครั้งละ 3 แสนบาท
กกต.ขยับรับสมัครอบต.ใต้เป็น 8-12 ธ.ค. เหตุอุทกภัยกระทบหลายจังหวัด
กกต.ปรับรอบรับสมัครเฉพาะ 5 จังหวัดน้ำท่วม ส่วนจำนวน อบต.ทั่วประเทศลดเหลือ 4,985 แห่งจากการยกฐานะเป็นเทศบาล ต้องแบ่งเขตใหม่ก่อนจัดเลือกตั้งช่วงเมษายน 2569 หลายพื้นที่เปิดรับสมัครวันแรกคึกคัก
กกต. แจงนักการเมือง-พรรค บริจาคช่วยน้ำท่วมได้เต็มที่ แต่ระดับท้องถิ่นต้องระวังช่วง 180 วันก่อนครบวาระ
กกต. ชี้ "บริจาคช่วยภัยพิบัติ" สส.-สมาชิกพรรคทำได้เต็มที่ไม่เกินครั้งละ 3 แสนบาท แต่จะบริจาคกี่ครั้งก็ได้ ส่วนพรรคการเมืองไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อเหตุการณ์ ย้ำโปร่งใส–โฆษณาได้
ดร.ณัฏฐ์ ชี้ชัดนิยาม ผู้สมัคร อบต. ต้องนับตั้งแต่ ‘เสนอตัว’ ไม่ใช่วันได้สมัครต่อ กกต.
“ดร.ณัฏฐ์ วงศ์เนียม” ผ่าปมกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่น หลังนักการเมือง อบต.ฮือฮาแจกของช่วยน้ำท่วมหาดใหญ่ ระบุชัด สถานะ ผู้สมัคร เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ประกาศตัวลงสนาม ไม่ใช่วันที่ยื่นใบสมัครต่อ กกต. พร้อมเตือ
กกต. ขอเชิญชวนสมัครรับเลือกตั้ง สมาชิกสภา อบต. และนายก อบต. ระหว่างวันที่ 1 - 5 ธันวาคม 2568
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอเชิญชวนผู้ที่สนใจสมัครรับเลือกตั้งสมาชิก สภาองค์การบริหารส่วนตำบลและนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ระหว่างวันที่ 1 – 5 ธันวาคม 2568 เวลา 08.30 – 16.30 น. (ไม่เว้นวันหยุดราชการ) ณ สถานที่ที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนตำบลกำหนด สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอประชาสัมพันธ์ผู้ที่สนใจสมัครรับเลือกตั้งสามารถตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม และเตรียมหลักฐานและเอกสารประกอบการ ยื่นใบสมัครรับเลือกตั้ง พร้อมทั้งค่าธรรมเนียมการสมัครรับเลือกตั้ง โดยมีรายละเอียดดังนี้ 1. คุณสมบัติของผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 1.1 มีสัญชาติไทยโดยการเกิด 1.2 ผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ต้องมีอายุ ไม่ต่ำกว่า 25 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง สำหรับผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 35 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง 1.3 มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลที่สมัครรับเลือกตั้ง ในวันสมัครรับเลือกตั้ง เป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 1 ปี นับถึงวันสมัครรับเลือกตั้ง 1.4 วุฒิการศึกษา • สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ไม่ได้กำหนดวุฒิการศึกษา • ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ต้องสำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่ามัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า หรือเคยเป็นสมาชิกสภาตำบล สมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่น หรือสมาชิกรัฐสภา 2. ลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 2.1 ติดยาเสพติดให้โทษ 2.2 เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต 2.3 เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ 2.4 เป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติ การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 มาตรา 39 (1) เป็นภิกษุ สามเณร นักพรตหรือนักบวช (2) อยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่ว่าคดีนั้นจะถึงที่สุดแล้วหรือไม่ หรือ (4) วิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ 2.5 อยู่ระหว่างถูกระงับการใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นการชั่วคราวหรือ ถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 2.6 ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล 2.7 เคยได้รับโทษจำคุกโดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึง 5 ปี นับถึงวันเลือกตั้ง เว้นแต่ ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ 2.8 เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเพราะทุจริต ต่อหน้าที่หรือถือว่ากระทำการทุจริตหรือประพฤติมิชอบในวงราชการ 2.9 เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอันถึงที่สุดให้ทรัพย์สินตกเป็น ของแผ่นดินเพราะร่ำรวยผิดปกติ หรือเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกเพราะกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2.10 เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม หรือกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยความผิดของพนักงาน ในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ หรือความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน กฎหมายว่าด้วยยาเสพติด ในความผิดฐานเป็นผู้ผลิต นำเข้า ส่งออก หรือผู้ค้า กฎหมายว่าด้วยการพนันในความผิดฐานเป็นเจ้ามือหรือเจ้าสำนัก กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือกฎหมายว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในความผิดฐานฟอกเงิน 2.11 เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำการอันเป็นการทุจริตในการเลือกตั้ง 2.12 เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ 2.13 เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น 2.14 เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น หรือเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ 2.15 เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ 2.16 อยู่ในระหว่างต้องห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 2.17 เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลฎีกาหรือศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาว่าเป็นผู้มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ หรือกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง 2.18 ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดว่ากระทำความผิดตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้ง สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 ไม่ว่าจะได้รับโทษหรือไม่ โดยได้พ้นโทษหรือ ต้องคำพิพากษามายังไม่ถึง 5 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง แล้วแต่กรณี 2.19 เคยถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หรือกฎหมายว่าด้วยการลงคะแนนเสียงเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น แล้วแต่กรณี มายังไม่ถึง 5 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง 2.20 อยู่ในระหว่างถูกจำกัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น ตามมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 หรือตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2.21 เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา หรือเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเดียวกันหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น 2.22 เคยพ้นจากตำแหน่งใด ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพราะเหตุมี ส่วนได้เสียไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาหรือกิจการที่กระทำหรือจะกระทำกับหรือให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น หรือมีส่วนได้เสียไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาหรือกิจการ ที่กระทำกับหรือจะกระทำกับหรือให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น โดยมีพฤติการณ์แสดงให้เห็นว่าเป็นการต่างตอบแทน หรือเอื้อประโยชน์ส่วนตนระหว่างกัน และยังไม่พ้น 5 ปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง 2.23 เคยถูกสั่งให้พ้นจากตำแหน่งใด ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพราะจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ หรือมติคณะรัฐมนตรี อันเป็นเหตุให้เสียหาย แก่ราชการอย่างร้ายแรง และยังไม่พ้น 5 ปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง 2.24 เคยถูกสั่งให้พ้นจากตำแหน่งใด ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพราะทอดทิ้งหรือละเลยไม่ปฏิบัติการตามหน้าที่และอำนาจ หรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยหน้าที่ และอำนาจ หรือประพฤติตนฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือมีความประพฤติในทางที่จะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียแก่ศักดิ์ตำแหน่ง หรือแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือแก่ราชการ และยังไม่พ้น 5 ปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง 2.25 ลักษณะอื่นตามที่กฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์การบริหารส่วนตำบลกำหนด 3. หลักฐานและเอกสารประกอบการยื่นใบสมัครรับเลือกตั้ง ให้ผู้สมัครยื่นใบสมัครต่อผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนตำบลพร้อมทั้งหลักฐานการสมัคร ดังนี้ 3.1 ใบสมัครรับเลือกตั้งตามแบบ ส.ถ./ผ.ถ. 4/1 3.2 รูปถ่ายหน้าตรงไม่สวมหมวก หรือ รูปภาพที่พิมพ์ชัดเจนเหมือนรูปถ่ายของตนเอง ขนาดกว้างประมาณ 8.5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 13.5 เซนติเมตร จำนวนตามที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนตำบลกำหนด 3.3 สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน 3.4 สำเนาทะเบียนบ้าน 3.5 ใบรับรองแพทย์ 3.6 หลักฐานการศึกษา 3.7 หลักฐานการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นเวลาติดต่อกัน 3 ปี (2565, 2566, 2567) นับถึงปีที่สมัครรับเลือกตั้ง เว้นแต่เป็นผู้ไม่ได้เสียภาษีเงินได้ ให้ทำหนังสือยืนยัน การไม่ได้เสียภาษี พร้อมทั้งสาเหตุแห่งการไม่ได้เสียภาษีตามแบบ ส.ถ./ผ.ถ. 4/2 4. ค่าธรรมเนียมการสมัครรับเลือกตั้ง 4.1 นายกองค์การบริหารส่วนตำบล 2,500 บาท 4.2 สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล 1,000 บาท ทั้งนี้ ผู้ใดลงสมัครรับเลือกตั้งโดยรู้อยู่แล้วว่าตนเป็นผู้ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกตั้ง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 - 10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 – 200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี ตามมาตรา 120 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 และที่แก้ไขเพิ่มเติม สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหาร ส่วนตำบลและนายกองค์การบริหารส่วนตำบลได้ทางเว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง www.ect.go.th หรือ Application Smart Vote หรือสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ประจำจังหวัดทุกจังหวัด หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บริการสายด่วน 1444
ปี69เดือด!เลือกตั้งทุกระดับ 'กกต.-ประชาชน'ตัดสินอนาคต
ปี 2569 กลายเป็นปีที่ท้าทายที่สุดสำหรับประชาธิปไตยไทย ด้วยการเลือกตั้งหลายระดับที่กระชั้นชิดกันอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ที่คาดว่าจะพ่วงด้วยการลงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ และบันทึกความเข้าใจ (MOU)

