กกต.แถลงปิดหีบเลือกตั้ง อบจ.ภาพรวมเรียบร้อย เริ่มทยอยอัปเดตผลคะแนนแล้ว พบมีผู้ฉีกบัตร 6 คน ไร้ชื่อในบัญชีเลือกตั้งติดข้อกฎหมายไม่ถึง 10 คน เผย เขต 1 ชัยนาทต้องจัดเลือกตั้งส.อบจ.ใหม่ 16 มี.ค.นี้ ส่วนนายกอบจ.สิงห์บุรี บวก 305 เขต ใน 44 จังหวัด ยังลุ้นได้คะแนนตามเงื่อนไข ยืนยันไม่มีบัตรหายที่บึงกาฬ
1 ก.พ.2568 - เวลา 18.00 น.ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. แถลงถึงภาพรวมภายหลังปิดหีบการเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ทั้งในส่วนของนายก อบจ. 47 จังหวัด และ ส.อบจ. 76 จังหวัด ว่า ขอขอบคุณประชาชนที่ท่านเสียสละเวลาไปออกเสียงลงคะแนน ทั้ง 90,715 หน่วยเลือกตั้ง ส่วนจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ไปใช้สิทธิ ยังไม่สามารถบอกได้ เพราะเพิ่งปิดหีบไปได้ประมาณ 1 ชั่วโมง และขอบคุณผู้เกี่ยวข้องทุกท่าน ทั้ง กปน. และเจ้าหน้าที่ต่างๆ รวมถึงเอกชน และโรงงานต่าง ๆ ที่อำนวยความสะดวกให้พนักงาน หรือลูกจ้างไปออกเสียงลงคะแนน
โดยภาพรวมการเลือกตั้งที่ผ่านมาตั้งแต่เปิดหน่วยเวลา 08.00-17.00 น. เป็นไปด้วยความเรียบร้อย อาจมีเหตุการณ์ระหว่างวัน กระทบทำให้การเลือกตั้งมีปัญหาคือ 1.กรณีมีผู้มีสิทธิเลือกตั้งทำให้บัตรชำรุดเสียหาย คือฉีกบัตรเมื่อรับบัตรไปแล้ว สำนักงาน กกต.ได้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ร้องทุกข์กับสถานีตำรวจ ไปแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจแล้ว เป็นเรื่องของตำรวจดำเนินการตามกฎหมายต่อไป อยู่ที่ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นโดยพบรายงานใน มีจำนวน 5 จังหวัด จำนวน 6 แห่งคือ จังหวัดเชียงราย อำเภอแม่จัน เขตเลือกตั้งที่ 1 หน่วยเลือกตั้งที่ 7 จังหวัดสระแก้ว อำเภอเมืองสระแก้ว เขตเลือกตั้งที่ 3 หน่วยเลือกตั้งที่ 8 จังหวัดนครราชสีมา อำเภอหนองบุญมาก เขตเลือกตั้งที่ 1 หน่วยเลือกตั้งที่ 2 จังหวัดขอนแก่น อำเภอเขาสวนกวาง เขตเลือกตั้งที่ 1 หน่วยเลือกตั้งที่ 8 จังหวัดศรีสะเกษ อำเภออุทุมพรพิสัย เขตเลือกตั้งที่ 2 หน่วยเลือกตั้งที่ 12 และจังหวัดศรีสะเกษ อำเภอศิลาลาด เขตเลือกตั้งที่ 1 หน่วยเลือกตั้งที่ 3 ซึ่งได้ดำเนินการแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียบร้อยแล้ว
2. กรณีผู้มีสิทธิเลือกตั้งอาจไปแล้วไม่มีชื่อในบัญชี อาจเกิดจากตัวกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่นเอง ซึ่งต่างจากกฎหมายการเลือกตั้ง สส. อย่างเงื่อนเวลาในการเข้าไปอยู่ อย่างเลือกตั้ง สส.อยู่ 60 วัน แต่ท้องถิ่นอยู่ใน 1 ปี เป็นต้น เพราะเจตนารมณ์ของการเลือกตั้งท้องถิ่น และการเลือกตั้ง สส.ต่างกัน อาจเกิดความสับสนในการบังคับใช้กฎหมาย 2 ฉบับ แต่นั่นคือเงื่อนไขที่เกิดจากกฎหมาย ผลกระทบจากกฎหมาย ประมาณไม่ถึง 10 ราย และเมื่อไม่มีชื่อในบัญชีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จึงไม่ต้องแจ้งเหตุแห่งการไม่ไปใช้สิทธิ์ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ สำนักงาน กกต.คงได้นำเสนอว่า จะแก้ไขหรือดูแลประเด็นนี้อย่างไร เพื่อรักษาสิทธิของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เพื่อไม่ให้เขาได้รับผลกระทบ ในการใช้สิทธิเลือกตั้งท้องถิ่น
3. เรื่องอื่น เช่น กรณีบางหน่วย ด้วยข้อจำกัดทางสถานที่ อาจจัดหน่วยไม่ได้อำนวยความสะดวกให้ประชาชน แต่ได้มีการแก้ไขแล้ว นี่คือภาพรวมที่เกิดขึ้นตลอดเวลาตั้งแต่ 08.00-17.00 น. จากนี้ไปจะเป็นการประกาศผลการเลือกตั้ง โดยเงื่อนไขในการประกาศผล คือ กรณีจำนวนผู้สมัคร และความไม่สุจริตและเที่ยงธรรม โดยประเด็นหลัง กกต.จะพิจารณาตรวจสอบเบื้องต้นว่า ถ้าปรากฏเบื้องต้นว่า การเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งใดสุจริตและเที่ยงธรรม กกต.จะประกาศผลภายใน 30 วัน แต่ถ้าเห็นว่า ยังต้องตรวจสอบอยู่ จะเพิ่มเวลาในการตรวจสอบอีก 60 วัน สุดท้ายต้องประกาศผลภายใน 60 วัน
นายแสวง กล่าวว่า ส่วนเรื่องจำนวนผู้สมัคร มีผลต่อการประกาศผลเหมือนกัน กรณีถ้ามีผู้สมัครเกินกว่าจำนวนที่สมาชิกจะพึงมีในเขตนั้น เราจะดูจากว่า ลำดับคะแนนใครได้สูงสุด แต่ถ้าเป็นกรณีที่มีผู้สมัครเท่ากับจำนวนพึงมี ก็มีเงื่อนไขต้องได้คะแนนมากกว่าคะแนนที่ไม่ประสงค์ลงคะแนนให้ใคร ถ้าไม่ผ่านจุดนี้ ต้องจัดเลือกตั้งใหม่ ซึ่งกรณีนี้พบว่าจังหวัดสิงห์บุรีมีผู้สมัครนายกอบจ.เพียงคนเดียว ส่วนกรณีเขตใดมีผู้สมัครเท่ากับจำนวนพึงมี คือ สจ.มีเขตละ 1 คน มีอยู่ 305 เขต 44 จังหวัด จึงต้องดูว่าทั้ง 2 กรณีจะผ่านเงื่อนเงื่อนไนได้มากกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตนั้น และต้องได้มากกว่าจำนวนคะแนนที่ไม่ประสงค์ลงคะแนนให้ใคร ถ้าไม่ผ่าน 2 เกณฑ์นี้ต้องจัดเลือกตั้งใหม่ ผอ.กกต.จังหวัด ต้องประกาศให้มีการเลือกตั้งใหม่ใน 7 วัน และเลือกตั้งให้เสร็จภายใน 45 วัน
นอกจากนี้เรายังพบว่ามีเขต 1 อำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท ไม่มีผู้สมัคร ส.จ.เลย เดิมมีผู้สมัคร แต่เมื่อตรวจสอบแล้วไม่มีคุณสมบัติ กกต.จึงถอนชื่อจากการเป็นผู้สมัคร กรณีนี้ต้องมีการประกาศให้มีการเลือกตั้งใหม่ เงื่อนไขเดียวกับข้างต้น ซึ่งกรณีนี้สำนักงานกำหนดแผนจัดการเลือกตั้งใหม่แล้ว โดยวันที่ 4 ก.พ.2568 จะประกาศให้มีการเลือกตั้ง และเปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 10-14 ก.พ. 2568 และจัดการเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 16 มี.ค. 2568
นายแสวง กล่าวด้วยว่า ส่วนผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ไม่ได้ไปออกเสียงลงคะแนนในวันนี้ ต้องไปแจ้งเหตุ ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นคนถูกจำกัดสิทธิ ไม่มีสิทธิ ท่านอาจไม่คิดว่าสำคัญ แต่บางครั้งต้องใช้เงื่อนไขเหล่านี้ในบางเรื่อง เช่น การไปสมัครกำนัน ผู้ใหญ่บ้านต่าง ๆ เป็นต้น โดยจากนี้สามารถแจ้งเหตุหลังเลือกตั้ง 7 วัน คือ 2-8 ก.พ. 2568 สามารถไปแจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิได้ที่สำนักงานทะเบียนอำเภอ หรือเว็บไซต์สำนักงาน กกต. แอปพลิเคชั่นสมาร์ทโหวต สุดแล้วแต่ท่านจะสะดวก
เมื่อถามว่า หากผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่ได้ตามเป้า 65 เปอร์เซ็นต์ หรือน้อยกว่า 62เปอร์เซ็นต์ ของปี 2563 ทำให้สำนักงาน กกต.เสียหน้าหรือไม่ เพราะจัดการเลือกตั้งวันเสาร์ ที่มีข้อทักท้วงมา นายแสวง กล่าวว่า ในส่วนสำนักงาน กกต.เหตุผลความจำเป็นในการเลือกตั้งวันเสาร์ที่ 1 ก.พ. เคยชี้แจงไปแล้ว แต่เรามีมาตรการทำให้อำนวยความสะดวกผู้มีสิทธิเลือกตั้งไปใช้สิทธิเลือกตั้งให้มากที่สุด ตั้งเป้าไว้ที่ 65เปอร์เซ็นต์ เป็นเรื่องที่ทุกครั้งก็มีการตั้งเป้าหมายไว้ ต้องมาดูว่าจะถึง 65เปอร์เซ็นต์ หรือไม่ หรือใกล้เคียงหรือเท่ากับการเลือกตั้ง อบจ.ปี 2563 หรือไม่ ต้องรอดู ส่วนเสียหน้าหรือไม่ จริง ๆ เราทำเต็มที่ เราคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก รักษาภาพรวมไม่ให้กระบวนการเลือกตั้งเกิดความเสียหาย จริง ๆ คำนึงทุกเรื่อง เอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง แต่มีข้อจำกัดบางครั้งบางเวลา ที่ต้องตัดสินใจตามที่เห็นว่า เหมาะสม และดีที่สุด สถานการณ์การเลือกตั้งตอนนี้เป็นแบบนี้ ที่ผ่านมา
“เรายืนยันว่า วันอาทิตย์เหมาะสมที่จะเป็นวันเลือกตั้ง แต่ครั้งนี้ วันสุดท้ายของกรอบรเวลา 45 วันที่ต้องจัดการเลือกตั้ง ซึ่งวันที่ 45 ตรงกับวันอาทิตย์ ในขณะที่เป็นการเลือกตั้งขนาดใหญ่ กรรมการประจำหน่วยไม่สามารถรายงานและจัดส่งผลคะแนนได้ก่อนเวลาเที่ยงคืน เพราะในหลายพื้นที่มีหนทางคดเคี้ยว เราจำเป็นต้องดูแลความปลอดภัยของกปน. ไม่อยากให้ต้องเสี่ยงภัย ขนาดวันนี้ยังมีกปน. 2 คนที่วูบขณะปฏับัติงานในพื้นที่ ดังนั้นหากเป็นการเลือกตั้งขนาดเล็กเช่น เทศบาล หรืออบต. ซึ่งแต่ละพื้นที่ไม่ได้ห่างกันมาก การรายงานผลทำได้เร็ว การกำหนดที่วันอาทิตย์ก็ไม่มีปัญหาแม้ว่ากรอบเวลาวันสุดท้ายตรงกับวันอาทิตย์ก็ไม่มีปัญหา” นายแสวงกล่าว
เลขาธิการ กกต. กล่าวอีกว่า เรื่องที่พิจิตร มี ส.จ.ถูกอุ้ม เป็นเรื่องของวันที่ 31 ม.ค. ชุดสืบสวนของสำนักงาน กกต.ได้เยี่ยมบ้านผู้สมัครท่านนี้ ได้พบ และอาจเป็นการเข้าใจผิดในการสื่อสาร ทุกอย่างปกติดี ไม่ได้เป็นอย่างที่เป็นข่าวแต่อย่างใด
เมื่อถามว่า มีกรณีบัตรเลือกตั้งหายที่ จ.บึงกาฬ ประมาณ 300 ใบ ได้รับทราบแล้วหรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า จะบอกว่าเป็นเหตุปกติหรือผิดปกติที่ อ.เมืองบึงกาฬ เขตเลือกตั้งที่ 4 หน่วยที่ 5 ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 630 ราย แต่แจกบัตรไป 360 ใบ คือเลขมันสลับ พอไปแจก วันที่รับบัตร ก็รับไป 360 ใบ ไม่ได้รับ 630 ใบ พอไปที่หน่วย จริง ๆ เขาทราบแล้ว แต่การรับบัตรไป มันผ่านวันไปแล้ว เขาก็ไปขอเบิกที่ศูนย์ประสานงานในอำเภอ ก็เบิกให้ครบตามจำนวน คราวนี้เราแจกตามจำนวนผู้ใช้สิทธิ ไม่มีเกิน แล้วทำบันทึกไว้ เรื่องนี้ตรวจสอบได้ ถ้าคนไม่เข้าใจก็เอาไปพูดให้เสียหายได้ แต่เรื่องนี้มีการลงบันทึกเป็นหลักฐานไว้ทั้งหมด และผู้สมัครก็ไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่สถานีตำรวจ จริง ๆ มีที่มาที่ไปทุกขั้นตอน ถือเป็นโอกาสดีที่ได้ชี้แจง เรื่องก็เป็นแบบนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สส.บริจาคภัยพิบัติเต็มที่ ท้องถิ่นระวังช่วง180วัน!
กกต.ไฟเขียวบริจาคช่วยภัยพิบัติ สส.-สมาชิกพรรค ทำได้เต็มที่ไม่เกินครั้งละ 3 แสนบาท
กกต.ขยับรับสมัครอบต.ใต้เป็น 8-12 ธ.ค. เหตุอุทกภัยกระทบหลายจังหวัด
กกต.ปรับรอบรับสมัครเฉพาะ 5 จังหวัดน้ำท่วม ส่วนจำนวน อบต.ทั่วประเทศลดเหลือ 4,985 แห่งจากการยกฐานะเป็นเทศบาล ต้องแบ่งเขตใหม่ก่อนจัดเลือกตั้งช่วงเมษายน 2569 หลายพื้นที่เปิดรับสมัครวันแรกคึกคัก
กกต. แจงนักการเมือง-พรรค บริจาคช่วยน้ำท่วมได้เต็มที่ แต่ระดับท้องถิ่นต้องระวังช่วง 180 วันก่อนครบวาระ
กกต. ชี้ "บริจาคช่วยภัยพิบัติ" สส.-สมาชิกพรรคทำได้เต็มที่ไม่เกินครั้งละ 3 แสนบาท แต่จะบริจาคกี่ครั้งก็ได้ ส่วนพรรคการเมืองไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อเหตุการณ์ ย้ำโปร่งใส–โฆษณาได้
กกต. ขอเชิญชวนสมัครรับเลือกตั้ง สมาชิกสภา อบต. และนายก อบต. ระหว่างวันที่ 1 - 5 ธันวาคม 2568
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอเชิญชวนผู้ที่สนใจสมัครรับเลือกตั้งสมาชิก สภาองค์การบริหารส่วนตำบลและนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ระหว่างวันที่ 1 – 5 ธันวาคม 2568 เวลา 08.30 – 16.30 น. (ไม่เว้นวันหยุดราชการ) ณ สถานที่ที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนตำบลกำหนด สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอประชาสัมพันธ์ผู้ที่สนใจสมัครรับเลือกตั้งสามารถตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม และเตรียมหลักฐานและเอกสารประกอบการ ยื่นใบสมัครรับเลือกตั้ง พร้อมทั้งค่าธรรมเนียมการสมัครรับเลือกตั้ง โดยมีรายละเอียดดังนี้ 1. คุณสมบัติของผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 1.1 มีสัญชาติไทยโดยการเกิด 1.2 ผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ต้องมีอายุ ไม่ต่ำกว่า 25 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง สำหรับผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 35 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง 1.3 มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลที่สมัครรับเลือกตั้ง ในวันสมัครรับเลือกตั้ง เป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 1 ปี นับถึงวันสมัครรับเลือกตั้ง 1.4 วุฒิการศึกษา • สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ไม่ได้กำหนดวุฒิการศึกษา • ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ต้องสำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่ามัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า หรือเคยเป็นสมาชิกสภาตำบล สมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่น หรือสมาชิกรัฐสภา 2. ลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 2.1 ติดยาเสพติดให้โทษ 2.2 เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต 2.3 เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ 2.4 เป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติ การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 มาตรา 39 (1) เป็นภิกษุ สามเณร นักพรตหรือนักบวช (2) อยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่ว่าคดีนั้นจะถึงที่สุดแล้วหรือไม่ หรือ (4) วิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ 2.5 อยู่ระหว่างถูกระงับการใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นการชั่วคราวหรือ ถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 2.6 ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล 2.7 เคยได้รับโทษจำคุกโดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึง 5 ปี นับถึงวันเลือกตั้ง เว้นแต่ ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ 2.8 เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเพราะทุจริต ต่อหน้าที่หรือถือว่ากระทำการทุจริตหรือประพฤติมิชอบในวงราชการ 2.9 เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอันถึงที่สุดให้ทรัพย์สินตกเป็น ของแผ่นดินเพราะร่ำรวยผิดปกติ หรือเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกเพราะกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2.10 เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม หรือกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยความผิดของพนักงาน ในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ หรือความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน กฎหมายว่าด้วยยาเสพติด ในความผิดฐานเป็นผู้ผลิต นำเข้า ส่งออก หรือผู้ค้า กฎหมายว่าด้วยการพนันในความผิดฐานเป็นเจ้ามือหรือเจ้าสำนัก กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือกฎหมายว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในความผิดฐานฟอกเงิน 2.11 เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำการอันเป็นการทุจริตในการเลือกตั้ง 2.12 เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ 2.13 เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น 2.14 เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น หรือเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ 2.15 เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ 2.16 อยู่ในระหว่างต้องห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 2.17 เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลฎีกาหรือศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาว่าเป็นผู้มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ หรือกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง 2.18 ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดว่ากระทำความผิดตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้ง สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 ไม่ว่าจะได้รับโทษหรือไม่ โดยได้พ้นโทษหรือ ต้องคำพิพากษามายังไม่ถึง 5 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง แล้วแต่กรณี 2.19 เคยถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หรือกฎหมายว่าด้วยการลงคะแนนเสียงเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น แล้วแต่กรณี มายังไม่ถึง 5 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง 2.20 อยู่ในระหว่างถูกจำกัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น ตามมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 หรือตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2.21 เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา หรือเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเดียวกันหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น 2.22 เคยพ้นจากตำแหน่งใด ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพราะเหตุมี ส่วนได้เสียไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาหรือกิจการที่กระทำหรือจะกระทำกับหรือให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น หรือมีส่วนได้เสียไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาหรือกิจการ ที่กระทำกับหรือจะกระทำกับหรือให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น โดยมีพฤติการณ์แสดงให้เห็นว่าเป็นการต่างตอบแทน หรือเอื้อประโยชน์ส่วนตนระหว่างกัน และยังไม่พ้น 5 ปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง 2.23 เคยถูกสั่งให้พ้นจากตำแหน่งใด ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพราะจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ หรือมติคณะรัฐมนตรี อันเป็นเหตุให้เสียหาย แก่ราชการอย่างร้ายแรง และยังไม่พ้น 5 ปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง 2.24 เคยถูกสั่งให้พ้นจากตำแหน่งใด ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพราะทอดทิ้งหรือละเลยไม่ปฏิบัติการตามหน้าที่และอำนาจ หรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยหน้าที่ และอำนาจ หรือประพฤติตนฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือมีความประพฤติในทางที่จะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียแก่ศักดิ์ตำแหน่ง หรือแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือแก่ราชการ และยังไม่พ้น 5 ปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง 2.25 ลักษณะอื่นตามที่กฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์การบริหารส่วนตำบลกำหนด 3. หลักฐานและเอกสารประกอบการยื่นใบสมัครรับเลือกตั้ง ให้ผู้สมัครยื่นใบสมัครต่อผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนตำบลพร้อมทั้งหลักฐานการสมัคร ดังนี้ 3.1 ใบสมัครรับเลือกตั้งตามแบบ ส.ถ./ผ.ถ. 4/1 3.2 รูปถ่ายหน้าตรงไม่สวมหมวก หรือ รูปภาพที่พิมพ์ชัดเจนเหมือนรูปถ่ายของตนเอง ขนาดกว้างประมาณ 8.5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 13.5 เซนติเมตร จำนวนตามที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนตำบลกำหนด 3.3 สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน 3.4 สำเนาทะเบียนบ้าน 3.5 ใบรับรองแพทย์ 3.6 หลักฐานการศึกษา 3.7 หลักฐานการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นเวลาติดต่อกัน 3 ปี (2565, 2566, 2567) นับถึงปีที่สมัครรับเลือกตั้ง เว้นแต่เป็นผู้ไม่ได้เสียภาษีเงินได้ ให้ทำหนังสือยืนยัน การไม่ได้เสียภาษี พร้อมทั้งสาเหตุแห่งการไม่ได้เสียภาษีตามแบบ ส.ถ./ผ.ถ. 4/2 4. ค่าธรรมเนียมการสมัครรับเลือกตั้ง 4.1 นายกองค์การบริหารส่วนตำบล 2,500 บาท 4.2 สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล 1,000 บาท ทั้งนี้ ผู้ใดลงสมัครรับเลือกตั้งโดยรู้อยู่แล้วว่าตนเป็นผู้ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกตั้ง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 - 10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 – 200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี ตามมาตรา 120 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 และที่แก้ไขเพิ่มเติม สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหาร ส่วนตำบลและนายกองค์การบริหารส่วนตำบลได้ทางเว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง www.ect.go.th หรือ Application Smart Vote หรือสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ประจำจังหวัดทุกจังหวัด หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บริการสายด่วน 1444
ปี69เดือด!เลือกตั้งทุกระดับ 'กกต.-ประชาชน'ตัดสินอนาคต
ปี 2569 กลายเป็นปีที่ท้าทายที่สุดสำหรับประชาธิปไตยไทย ด้วยการเลือกตั้งหลายระดับที่กระชั้นชิดกันอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ที่คาดว่าจะพ่วงด้วยการลงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ และบันทึกความเข้าใจ (MOU)
กกต. ไม่มีปัญหาถ้าพรุ่งนี้ยุบสภา ก็พร้อมจัดการเลือกตั้ง-ทำประชามติ
เลขาฯกกต. กล่าวถึงความพร้อมการเลือกตั้งอบต. 11 ม.ค.2569 ว่า เราได้ตื่นตัวและสื่อสารไปยังพื้นที่ และหน่วยงานองค์การบริหารส่วนตำบลที่จะทำการเลือกตั้ง รวมทั้งถ้าจะมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทน


