'หมอเปรม' แจงเหตุผลเสนอญัตติส่งศาลตีความ!

'หมอเปรม' แจงเหตุผลเสนอญัตติส่งศาล รธน.วินิจฉัยทำประชามติก่อนแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่

13 ก.พ.2568 - ในเวลา 10.30 นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว.เสนอญัตติว่า ท่ามกลางกระแสความเห็นด้วยไม่เห็นด้วยของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตนขอเสนอญัตติเพื่อให้สมาชิกรัฐสภาได้ดำเนินการอย่างมีบรรทัดฐานและส่งผลดีต่อการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งญัตติด่วนเรื่องขอให้รัฐสภามีมติขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 210 วรรค 1 (2) และตามที่นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เสนอโดยมีหลักการเป็นการแก้ไขเพิ่มมาตรา 256 และเพิ่มเติมหมวด 15 / 1 และของนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้เสนนอโดยมีหลักการทำนองเดียวกัน ซึ่งประธานได้บรรจุร่างทั้ง 2 เข้าสู่การประชุมรัฐสภา ซึ่งตนและสว.สส.จำนวน 60 รายชื่อ ได้เข้าชื่อกันเสนอญัตตินี้

นพ.เปรมศักดิ์ กล่าวว่า ในฐานะสมาชิกรัฐสภาเห็นว่าร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ที่มีหลักการดังกล่าวนายชูศักดิ์ ศิรินิล กับคณะ เคยเสนอแล้วเมื่อวันที่ 16 ม.ค.2567 แต่ประธานรัฐสภาได้พิจารณาแล้ว สั่งไม่บรรจุวาระ โดยเห็นว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวมีหลักการเพิ่มเติมหมวด 15/1 ซึ่งการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ย่อมเป็นการยกเลิกรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ มิใช่เป็นการร่างรัฐธรรมนูญเพื่อแก้ไขเพิ่มเติมตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 4 / 2564 ซึ่งคำวินิจฉัยดังกล่าวมีผลผูกพันทุกองค์กร ดังนั้นเมื่อร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมทั้ง2 ฉบับที่จะมีการพิจารณารัฐสภา ในวันที่ 13-14 ก.พ. มีหลักการเหมือนร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมฉบับก่อนที่ประธานรัฐสภาไม่บรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุม ประธานรัฐสภาจึงไม่สามารถบรรจุรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมทั้ง 2 ฉบับเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมรัฐสภาได้เช่นกัน เมื่อประธานรัฐสภาได้บรรจุร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมทั้ง 2 ฉบับเข้าสู่การประชุมรัฐสภาจึงเกิดปัญหาว่า รัฐสภามีอำนาจที่จะพิจารณาและลงมติในร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมทั้ง 2ฉบับได้หรือไม่

นพ.เปรมศักดิ์ กล่าวว่า ข้อสำคัญคือเมื่อศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยที่4/2564 ซึ่งมีสาระสำคัญและเหตุผลโดยสรุปว่า การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ด้วยวิธีการร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมให้มีหมวด 15 / 1 ย่อมมีผลเป็นการยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 อันเป็นการแก้ไขหลักการสำคัญที่ผู้มีอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญดั้งเดิมต้องการปกป้องคุ้มครองไว้ หากรัฐสภาต้องการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องจัดให้ประชาชนผู้ทรงอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญออกเสียงประชามติเสียก่อนว่า สมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ ถ้าผลออกเสียงประชามติเห็นชอบ จึงดำเนินการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต่อไป เมื่อเสร็จแล้วก็มีการให้ออกเสียงประชามติว่าเห็นชอบหรือไม่กับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อีกครั้ง ซึ่งเป็นการให้ประชาชนพิจารณาเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้วจึงนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย เมื่อพระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธยแล้ว จึงนำประกาศใช้เป็นรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยต่อไป ซึ่งเป็นกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญตามครรลองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข

นพ.เปรมศักดิ์ กล่าวว่า ศาลรัฐธรรมนูญจึงวินิจฉัยว่า รัฐสภามีหน้าที่และอำนาจจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ โดยต้องให้ประชาชนผู้มีอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญได้ลงประชามติเสียก่อนว่าประชาชนประสงค์จะให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ และเมื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จแล้วต้องให้ประชาชนลงประชามติเห็นชอบหรือไม่ กับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อีกครั้ง ด้วยเหตุผลของศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/2564 ข้างต้น ประกอบกับกรณีที่ประธานรัฐสภาได้เคยมีสั่งไม่บรรจุร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมที่มีหลักการข้างต้นมาแล้ว ทำให้สมาชิกรัฐสภาบางส่วนเห็นว่าการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของรัฐสภานั้น ต้องให้มีการดำเนินการจัดให้มีการออกเสียงประชามติ 3 ครั้ง คือก่อนจะมีการเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมต่อสภาต้องจัดให้มีการออกเสียงประชามติเสียงก่อนครั้งหนึ่ง หากประชามติเห็นด้วยกับการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จึงดำเนินการเสนอร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติมต่อรัฐสภาและเมื่อรัฐสภามีความเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมแล้ว จึงไปดำเนินการจัดให้มีการจัดให้มีการออกเสียงประชามติ ว่าเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมหรือไม่เป็นการออกเสียงประชามติครั้งที่ 2 และหากผลออกการออกเสียงประชามติเห็นชอบ กับร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมจึงเข้าสู่กระบวนการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ตามหมวด 15 / 1 ตามร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมนั้น และเมื่อการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จจึงไปดำเนินการให้มีการออกเสียงประชามติว่าประชาชนเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ หากเสียงประชามติเห็นชอบจึงเข้าสู่นำขึ้นทูลเกล้าฯ และประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยต่อไป

“ดังนั้นการที่ประธานรัฐสภาได้บรรจุร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมทั้ง 2 ฉบับโดยที่ยังไม่มีการดำเนินการออกเสียงประชามตินั้น จึงไม่สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/2564 รัฐสภาจึงไม่มีอำนาจที่จะพิจารณาและลงมติในร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมต่อไปได้ กรณีมีปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาว่าจะสามารถดำเนินการพิจารณาและลงมติร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมทั้ง2 ฉบับต่อไปได้หรือไม่ ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นภายหลังจากที่ประธานรัฐสภาได้บรรจุร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมทั้ง 2 ฉบับเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภา เพราะหากรัฐสภาได้มีการพิจารณาและมีมติร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ทั้งที่ไม่มีอำนาจก็จะส่งผลต่อกระบวนการพิจารณาและลงมติของรัฐสภา ซึ่งจะเกิดผลเสียหายต่องบประมาณแผ่นดินและส่งผลต่อความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แต่หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่ารัฐสภามีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมตามที่ประธานได้บรรจุเข้าระเบียบวาระการประชุมรัฐสภาต่อไปได้ และดำเนินการให้มีทำประชามติ 2 ครั้ง ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/ 2564 ก็จะทำให้การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่สามารถดำเนินการต่อไปได้อันจะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินการของรัฐสภาให้เป็นไปโดยชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมายต่อไป“นพ. เปรมศักดิ์ กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

มติเอกฉันท์! ศาลรธน. ไม่รับคำร้อง 'เรืองไกร' กล่าวหารัฐสภาแก้ รธน.ล้มล้างการปกครอง

‘ศาลรธน.’ มีมติเอกฉันท์ไม่รับคำร้อง ‘เรืองไกร’ ปมกล่าวหาประธานรัฐสภา–สมาชิกรัฐสภาใช้สิทธิล้มล้างการปกครอง ชี้การประชุมร่วมแก้รัฐธรรมนูญยังไม่ปรากฏพฤติการณ์เข้าข่ายมาตรา 49 แม้อัยการสูงสุดไม่ดำเนินการแต่ผู้ร้องมีสิทธิเข้าศาลโดยตรงก็ตาม

'จตุพร' แนะ แก้รธน.ต้องกินทีละคำอย่าเหลี่ยมคูกินทีละกะละมัง สุ่มเสี่ยงถูกคว่ำล้มครืนลง

'จตุพร' แนะการเมืองยึดมติ กมธ. ปมผ่านแก้ รธน.วาระสอง เตือนอย่าชิงเหลี่ยมคู ขอให้กินทีละคำอย่าโลภอยากกินทีละกะละมัง หวั่นถูกคว่ำจบเห่ ย้ำฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ลงมติ ม.152 ดีกว่าซักฟอก 151 ชี้เวลาเหมาะอภิปรายช่วงสัปดาห์สุดท้าย มกรา 69 พูดเสร็จได้ยุบสภาเลย

'จุลพันธ์ ' ดักคอ 'อนุทิน' ห่วงอะไรถึงกลัวตรวจสอบ แย้มร่างญัตติไว้แล้วยื่นเมื่อไหร่เป็นอำนาพท.

'จุลพันธ์' ดักคอ 'อนุทิน' ห่วงอะไรถึงกลัวตรวจสอบ แย้ม ร่างญัตติไว้แล้วยื่นเมื่อไหร่เป็นอำนาจของ 'เพื่อไทย' ย้ำ 'พท.' มุ่งมั่นแก้ไขรัฐธรรมนูญตลอดไม่เหมือนบางพรรควอร์คเอาท์ มอง เป็นเรื่องดี 'ปชน.' คุยรัฐบาลเร่งเปิดสมัยประชุมวิสามัญ

'ภราดร' รับถ้ายุบสภา 12 ธ.ค. แก้รธน.แท้งแน่ ได้แค่วาระ 2 ยัน ไม่ได้ผิด MOA

'ภราดร' ย้ำ ยุบสภาเป็นอำนาจนายกฯ บอก ปล่อยซักฟอก รัฐบาลแจงดีแค่ไหน ก็โหวตแพ้อยู่ดี รับถ้ายุบสภา 12 ธ.ค. แก้รัฐธรรมนูญแท้งแน่ ได้แค่วาระ 2 ลั่น ไม่ได้ผิด MOA เหตุการเมืองเป็นแบบนี้ ปัด หยิบ รธน.เป็นตัวประกัน ไม่ทราบข่าว 'วราวุธ' ซบ ภท. แต่รู้สึกดีต่อกัน

'พรรคส้ม' โบ้ย 'อนุทิน' ยุบสภา 12 ธ.ค.ไม่เป็นผลดีต่อตัวเอง ซัดเหมือนผู้รับเหมาทิ้งงาน

'พริษฐ์' ชี้หาก 'อนุทิน' ยุบสภา 12 ธ.ค.ไม่เป็นผลดีต่อตัวเองแน่นอน เหตุประกาศเป็นแคนดิเดตนายกฯไปแล้ว ซัด เหมือนผู้รับเหมาทิ้งงาน-ปิดกิจการหนี้การตรวจสอบ เชื่อเจตนารมณ์ รธน.ระบุชัด ไม่อยากให้ยุบสภาหนีซักฟอก ปัดตอบผิด MOA หรือไม่

คนเสื้อแดงกินแห้ว! ศาล รธน. ไม่รับวินิจฉัย ปม MOA 'ภูมิใจไทย-ปชน.'

ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคำร้องในคดีที่นายนิยม นพรัตน์ (ผู้ร้อง) ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 กล่าวอ้างว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ผู้ถูกร้องที่ 1) และนายณัฐพงษ์