ดร.ณัฏฐ์ ชี้ซักฟอก 'ขึงพืดแพทองธาร' ไม่หมู-ฝ่ายค้านเหนื่อยฟรี!

“ดร.ณัฏฐ์” มือกฎหมายมหาชน ชี้ “ขึงพืด แพทองธาร' ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่หมู ฝ่ายค้านเหนื่อยฟรี แตกต่างจากรัฐบาลบรรหารในอดีต

4 มีนาคม 2568 - ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม หรือ "ดร.ณัฏฐ์" นักกฎหมายมหาชน กล่าวว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีรายบุคคลที่ฝ่ายค้านพุ่งเป้าไปที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เพียงคนเดียวอย่างไร นั้นตนเห็นการตรวจสอบทำหน้าที่ตรวจสอบบริหาร เป็นหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบลงมติ เป็นกลไกลอย่างหนึ่งที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 151 ได้บัญญัติไว้

ส่วนญัตติไม่ไว้วางใจที่ยื่นต่อนายมูหะหมัด นอร์ มะทา ประธานรัฐสภา พุ่งเป้าล็อกไปที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียวนั้น เดิมตั้งเป้า 10 รัฐมนตรี เท่าที่ดูรายละเอียดเนื้อหาอภิปรายข้อกล่าวหา มีเพียง 6 ประเด็น ข้อกล่าวหาที่ระบุแต่ละข้อหาเหวี่ยงแห ดูมีน้ำหนักน้อย จะนำไปเชือดขึงพืดนางสาวแพทองธาร ต้องถามว่า ฝ่ายค้านมีหลักฐานเด็ดอะไรมาสนับสนุนข้อกล่าวหา ให้จับอากิริยาแกนนำฝ่ายค้าน ข้อมูลส่วนใหญ่จะรั่ว ผ่านสื่อต่างๆ ไม่เป็นความลับ ที่ผ่านมาพรรคประชาชน ยังทำหน้าที่ฝ่ายค้านไม่สมบูรณ์แบบ แต่เป็นภาพจำของฝ่ายคอยจ้องเสียบเก้าอี้รัฐมนตรีมากกว่า

ดร.ณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่าและหากดูเนื้อหาพรรคอื่นๆ พรรคพลังประชารัฐ ไร้ข้อมูลใหม่ เพราะนำเสนอข้อเท็จจริงที่เคยนำไปเสนอในคดีล้มล้างฯไปหมดแล้ว ทำให้ฝ่ายรัฐบาลแก้เกมได้ ทำให้เกิดภาพจำว่า เป็นฝ่ายแค้น เพราะถูกถีบจากพรรคร่วมรัฐบาลที่ผ่านมา

วิเคราะห์อีกว่า ส่วนพรรคเสรีรวมไทย ที่นำเนื้อหาจะถล่มกรณีไปพบทักษิณฯ ป่วยทิพย์ ชั้น 14 รพ.ตำรวจ มอบให้ นายณัฐพงศ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้าน ดูแล้วก็ไร้น้ำหนักอยู่มาก และแม้ฝ่ายค้านเปลี่ยนเกม โดยพุ่งเป้าหมายมาขึงพืด นางสาวแพทองธาร ชินวัตรเพียงคนเดียว แต่เกมนี้ก็คงไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะแม้เชือดนางสาวแพทองธาร คนเดียวแต่กระทบพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคด้วย

"การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ในประวัติศาสตร์การเมือง แม้จะเคยเกิดในสมัยรัฐบาลบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรีผู้ล่วงลับไปแล้ว โดยพรรคร่วมในขณะนั่นใช้เกมการเมืองให้นายบรรหารลาออกทันที แต่บรรหารใช้ความเขี้ยวทางการเมือง ขอเวลาภายใน 7 วัน แต่นายบรรหารฯ แก้เกมการเมือง ประวิงเวลาโดยชิงยุบสภา"

ดร.ณัฐวุฒิ ชี้ว่าอย่างไรก็ตามการอภิปรายไม่ไว้วางใจรอบนี้ บริบททางการเมืองแตกต่างกัน กรณีฝ่ายค้านจะใช้โมเดลของนายบรรหาร โดยใช้เทคนิคเดิม คงไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะตัวแปร คือ เสียงของฝ่ายรัฐบาลมากกว่า แม้รัฐบาลผสมจะอุดมการณ์ข้ามขั้ว แต่ทุกพรรคอยากเป็นรัฐบาลให้นานที่สุด เพื่อเตรียมกระสุนดินดำในการเลือกตั้ง ปี 2570

อีกทั้งให้จับอากัปกิริยาทางการเมือง เพื่อไทยแกนนำรัฐบาลยึดกระทรวงมหาดไทยหรือไม่ เพราะเป็นตัวแปรหลัก ในการยุบสภา ประกอบกับแนวทางอภิปรายไม่ไว้วางใจเน้น เปิดแผล ลดทอนความเชื่อถือกล่องดวงใจทักษิณ ไม่ต่างจากปมฮั้ว สว.กล่องดวงใจสีน้ำเงิน

และตัวแปรหลัก นางสาวแพทองธารเพิ่งมาเป็นนายกรัฐมนตรีและแถลงนโยบาย เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา สภาพยังไร้ผลงาน ชนชั้นล่างได้รับผลกระทบต่อปัญหาปากท้อง เศรษฐกิจราคาพืชผลเกษตรตกต่ำ

"แต่เป็นเกมหักเกม ดีลการเมืองพลิก ที่เคยยืมมือให้ฝ่ายค้านถล่มนายอนุทิน ชาญวีรกุล รมว.มหาดไทย เพื่อปรับ รมว.มหาดไทยคืนให้แก่พรรคเพื่อไทยแกนนำหลัก ปมฮั้ว สว.จะเงียบลง ปรับ ครม.รัฐมนตรีโลกลืมไร้ผลงานเพียงบางตำแหน่งเท่านั้น"

ดร.ณัฐวุฒิ กล่าวต่อไปว่าให้จับอาการทางการเมือง ที่ประชุม ครม.ที่ผ่านมา ให้นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หาช่องส่งคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัย ขยายความ ในคดีของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อจำกัดกรอบ คำว่าซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ในคุณสมบัติรัฐมนตรี เพื่อโยนหินถามทาง ลดกระแสการต่อรองการปรับ ครม.

ดร.ณัฐวุฒิ ย้ำว่า หากพิจารณาถึงเนื้อหาในญัตติพุ่งเป้าไปที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้เป็นบิดามากกว่าปมนายกรัฐมนตรีตัวจริงซึ่งจะเห็นว่า การอภิปรายรอบนี้ ฝ่ายค้านมีอุปสรรคในการอภิปราย จะเจอเกมเขี้ยวขององครักษ์พิทักษ์นาย ยกมือคัดค้าน ตีรวนในห้องประชุม เพียงแค่ เอ่ยนามว่าทัก… ก็จะเห็นองครักษ์พิทักษ์นาย สส.ขาประจำ หน้าเดิมๆซีกรัฐบาล ยกมือประท้วงกันให้วุ่น

และให้จับอากัปกิริยาเกมการเมือง หักดิบกำหนดกรอบเวลาอภิปรายระยะสั้น เพียง 1 วัน หากเทียบกับข้อกล่าวหาร้ายแรง เพียงเพื่อเปิดแผล ทำลายความชอบธรรมของผู้นำรัฐบาลเท่านั้น แต่รัฐบาลคุมเสียง 321 เสียงและงูเห่าในซีกฝ่ายค้านมาเติมเสียงให้อีก เกมนี้ ฝ่ายรัฐบาลได้เปรียบ

นักกฎหหมายผู้นี้ กล่าวด้วยว่าแม้ญัตติข้อกล่าวหา ระบุบุคคลภายนอก อย่างนายทักษิณ ชินวัตร แม้จะอภิปรายถึงชื่อในญัตติได้ แต่เอกสิทธิ์คุ้มครองตามมาตรา 124 มุ่งคุ้มครอง สส.เฉพาะในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ส.ส.ผู้ใดจะกล่าว ถ้อยคำใดในทางแถลงข้อเท็จจริง แสดงความคิดเห็นหรือออกเสียงลงคะแนน ย่อมเป็นเอกสิทธิ์โดยเด็ดขาด ผู้ใดจะ นำไปเป็นเหตุฟ้องร้องว่ากล่าวสมาชิกผู้นั้นในทางใดๆ มิได้

อธิบายได้ว่า เอกสิทธิ์คุ้มครองเฉพาะในห้องประชุมเท่านั้น ไม่รวมถึงบริเวณห้องประชุมอื่นแม้อยู่ในบริเณอาคารรัฐสภา ย่อมไม่ได้รับเอกสิทธิ์คุ้มครอง

ส่วนการกล่าวข้อความใดในที่ประชุมที่จะได้รับเอกสิทธิ์คุ้มครอง ต้องเป็นการกล่าวโดยถูกต้องตามข้อบังคับการประชุมและได้รับอนุญาตจากประธานที่ประชุมเท่านั้น หากกล่าวข้อความโดยผิดข้อบังคับการประชุม หรือประธานในที่ประชุมไม่อนุญาต เอกสิทธิ์ย่อมไม่คุ้มครอง

ส่วนเอกสิทธิ์กรณีถ่ายทอดทางวิทยุกระจายเสียงหรือวิทยุโทรทัศน์หรือทางอื่นใด จะแตกต่างกรณีไม่ถ่ายทอด หากผู้ได้รับความเสียหายเป็นบุคคลอื่นมิใช่รัฐมนตรีหรือ ส.ส.ย่อมไม่ได้รับเอกสิทธิ์คุ้มครอง อธิบายได้ว่า เหตุผลที่ไม่คุ้มครองเพราะบุคคลภายนอกไม่ได้อยู่ในห้องประชุม ไม่สามารถชี้แจงหรือโต้แย้งได้

"ดังนั้น ในมิติทางการเมือง ก็ดี มิติทางรัฐธรรมนูญอันเป็นกลไกในการออกแบบตรวจสอบถ่วงดุลก็ดี ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรอบนี้ ที่พรรคก้าวไกล หรือพรรคประชาชน เคยใช้ยุทธวิธีนั่งร้านในสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี เหมือนจะดูดี แต่ท่าทีเหลว เป็นเพียงมวยล้มต้มคนดูเท่านั้น" ดร.ณัฐวุฒิ กล่าว