ดร.ณัฏฐ์ ฟันเปรี้ยง ‘มันจบแล้วครับนาย’ ปมฮั้วเลือกสว. ‘สีน้ำเงิน’ ชนะ!

ดร.ณัฏฐ์ นักกฎหมายมหาชน เผยมติที่ประชุม กกต.วินิจฉัยชี้ขาดปมโพยฮั้วกลุ่มสว.  ตอกย้ำเป็นอำนาจ กกต.  ชี้เกมการเมืองสีน้ำเงินชนะ “มันจบแล้วครับนาย“

5 มีนาคม 2568 - ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม หรือ ดร.ณัฏฐ์ นักกฎหมายมหาชน กล่าวว่าปมโพยฮั้วเลือก สว.นั้น ไม่ว่าจะเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทหรือหลายกรรมต่างกัน อธิบายเป็นภาษาชาวบ้านว่า เป็นพวง หรือ แยกพวง

ข้อเท็จจริงนั้น เป็นกรณีกล่าวหาว่า ผู้สมัครสว.กลุ่มนี้ ทุจริตการเลือก สว.ตามแนวทางที่กรมสอบสวนคดีพิเศษสืบสวนมาว่ากระทำกันเป็นขบวนการ นำไปสู่ข้อกล่าวหาว่ากระทำฝ่าฝืน พรป.สว.มาตรา 77(1) ปอ.มาตรา 209 (อั้งยี่) และฟอกเงิน

ข้อกล่าวหาดังกล่าวมีลักษณะเป็นพวง คือ กรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท เป้าหมายคือ ทุจริตการเลือก สว.แม้จะเป็นการกระทำต่างวันต่างเวลา แต่เป้าหมายให้ได้มาซึ่งอำนาจนิติบัญญัติ

“ดังนั้น อำนาจที่จะดำเนินการสืบสวน ไต่สวนและวินิจฉัยชี้ขาด ตาม พรป.สว.และพรป.กกต.เป็นอำนาจเฉพาะ คือ กกต.  ไม่ใช่หน่วยงานอื่น อย่างดีเอสไอเพราะต้องพิสูจน์ให้ได้ก่อนว่ามีกระบวนการทุจริตการเลือกสว.ตามข้อกล่าวหาของผู้ร้องทั้ง 3 รายจริงหรือไม่ ซึ่งต้องรับฟังข้อเท็จจริงที่ปรากฎจากพยานบุคคล พยานเอกสารและพยานวัตถุหรือพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์“ ดร.ณัฐวุฒิ ย้ำ

ทั้งนี้ ศาลปกครองกลางเคยพิพากษาเพิกถอนระเบียบ กกต.บางข้อ ส่งผลทำให้ผู้สมัครสว.แต่ละราย ถือโพยสว.3 และจดหมายเลขเข้าไปในคูหาได้ การออกแบบการเลือกสว. กฎหมายระบุให้ แนะนำตัวระหว่างผู้สมัครด้วยกันเอง เป็นวิธีการหาเสียงอย่างหนึ่ง ที่กฎกติกาเป็นการฮั้วคะแนนมาแต่แรก แต่กฎหมายห้ามฮั้วเรื่องผลประโยชน์ เช่น ห้ามแจกเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด เพราะผิด พรป.สว. มาตรา 77

ดร.ณัฏฐ์ อธิบายว่า เมื่อ กกต.วินิจฉัยชี้ขาดแล้วว่า พฤติการณ์ดังกล่าว กลุ่ม สว.และเครือข่าย ที่ถูกกล่าวหาร่วมกันกระทำผิดจริง กกต.จะแยกสำนวนดำเนินการ ดังนี้

(1) กรณีพบการกระทำความผิด ตัวการ ผู้ใช้ ผู้สนับสนุนสนุน เป็นความผิดอาญา

1.1 กรณีกระทำผิดทุจริตการเลือก สว.เข้าเกณฑ์มาตรา 77 วรรคหนึ่ง(1) ให้ถือว่า เป็นการกระทำผิดฟอกเงินไปในตัว ซึ่งในมาตรา 77 วรรคสอง ให้ กกต.ส่งเรื่องให้แก่ ปปง.ยึดทรัพย์

1.2 กรณีกระทำผิดอาญา รวมถึง ตัวการ ผู้ใช้ ผู้สนับสนุน กกต.มอบอำนาจให้นิติกร กกต.ไปร้องทุกข์กล่าวโทษเพื่อดำเนินคดีอาญาต่อพนักงานสอบสวนในท้องที่ สำนวนจะส่งให้พนักงานอัยการ ว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่สั่งฟ้อง หากพนักงานอัยการใช้ดุลพินิจในการสั่งฟ้อง ศาลที่มีเขตอำนาจ คือ ศาลอาญา เป็นไปตาม ป.วิอาญา

(2)ส่วนกรณี กกต.ประกาศผลเลือกตั้งไปแล้ว

2.1 กรณี กลุ่ม สว.138  กกต.ใช้อำนาจมาตรา 62 แห่ง พรป.สว.ยื่นฟ้องต่อศาลฎีกา หากศาลฎีการับฟ้อง กลุ่ม สว.138 คน ต้องหยุดปฎิบัติหน้าที่

2.2  กรณี สว.สำรอง กกต.ใช้อำนาจ มาตรา 46(4)ในการลบชื่อ สว.สำรองตามบัญชีกลุ่มที่กำหนด

(3)หากศาลฎีกาเพิกถอนสิทธิ

3.1 ไม่ต้องจัดการเลือก สว.ใหม่ เป็นกรณีตำแหน่ง สว.ว่างลง ไม่ว่ากรณีใดๆ จะต้องเลือนรายชื่อ บัญชีสำรอง ในแต่ละกลุ่ม เข้ามาแทนตำแหน่งที่ว่างลง

3.2 หากเลื่อนทุกกลุ่มแล้ว หาก สว.เหลือไม่ถึงกึ่งหนึ่งและระยะเวลาเกิน 1 ปี ให้ กกต.จัดเลือกสว.ใหม่ แทนตำแหน่งที่ว่างลง และให้ สว.ที่ทดแทนตำแหน่งว่างลง มีวาระเท่าที่ระยะเวลาที่เหลืออยู่

เมื่อมติที่ประชุมกกต.ชี้ขาดแล้วจะต้องทำหนังสือให้โอนสำนวนคดีฮั้ว สว.กลุ่มนี้ ไปให้กกต.ภายใน 7 วันตามพรป.กกต.มาตรา 49 เมื่อโอนสำนวนไปยังกกต. ตามระเบียบการสืบสวน การไต่สวนและวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ.2561 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม

”กกต.จะต้องตั้งคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน เพื่อดำเนินสืบสวนหรือไต่สวน และต้องวินิจฉัยชี้ขาด ภายใน 1 ปี นับแต่วันที่ได้รับเรื่อง“

ส่วนปัญหาถกเถียงกันว่า มาตรา 49 แห่ง พรป.กกต.กรณีความปรากฏแก่ กกต.ว่า หน่วยงานรัฐหรือพนักงานสอบสวนที่รับเรื่องไว้แล้ว มีอำนาจมอบคดีให้หน่วยงานอื่นทำได้หรือไม่นั้น หากไปอ่านข้อกฎหมายมาตรา 49  กกต.ไม่มีอำนาจมอบคดีให้หน่วยงานอื่นทำได้ ซึ่งตรงนี้ เป็นปัญหาข้อกฎหมาย ดังนั้น ในการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ(กคพ.) ย่อมไม่มีอำนาจใช้มติที่ประชุม 2 ใน 3 มาตรา 21(2) แห่ง พรบ.สอบสวนคดีพิเศษ ไปรับคดีปมฮั้ว สว.กลุ่มนี้ ได้

ดร.ณัฐวุฒิ กล่าวต่อไปว่าแม้ฝ่ายดีเอสไออ้างว่าใช้กฎหมายคนละฉบับกันก็ตาม ถึงแม้ อนุกลั่นกรองโดยมีองค์กรอื่นร่วมวินิจฉัยด้วยว่า แล้วตีปี๊บทางสื่อว่า เป็นอำนาจของบอร์ดกรมสอบสวนคดีพิเศษ ถือเป็นความเห็นคณะบุคคลภายในเฉพาะองค์กรเท่านั้น

”คำวินิจฉัยของอนุกรรมการ ฯ ไม่ผูกพันบอร์ดดีเอสไอ ให้ถือตาม เพราะคดีอาญาอื่น บอร์ดดีเอสไอ ต้องใช้มติเสียง 2 ใน 3 และไม่ผูกพันองค์กรอิสระอย่างกกต.“ นักกฎหมายผู้นี้ระบุ และว่า ที่ประชุมกกต. วินิจฉัยเด็ดขาดว่า เป็นอำนาจของ กกต. ถือว่า กกต.ใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญย่อมคุ้มครอง

ดร.ณัฐวุฒิ กล่าวถึงมิติทางการเมืองว่าจับอากัปกิริยาทางการเมือง สีน้ำเงินชนะศึกนี้ กกต.องค์กรอิสระใช้น้ำในอำนาจของตนเอง ดับไฟ ตัดไฟแต่ต้นลมก่อนที่จะลุกลาม ที่รมว.ยุติธรรม ฝ่ายบริหารจะใช้องค์กรที่กำกับเป็นเครื่องมือ ไปจัดการกับ กลุ่ม สว.สีน้ำเงิน ที่อยู่ในฝ่ายนิติบัญญัติ ตรงนี้ ถือเป็นการวางแนวบรรทัดฐานของอำนาจองค์กร

“การเมือง เกมอำนาจสีน้ำเงินชนะแล้ว มันจบแล้วครับนาย เพราะ กกต.เป็นองค์กรอิสระ เขี่ยลูกดึงสำนวนไปทำเองตาม พรป.กกต.มาตรา 49 ประกอบระเบียบกกต.ว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวนและวินิจฉัยชี้ขาดพ.ศ.2561 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม โดยใช้ประเด็น ข้อเท็จจริงความปรากฎ แก่กกต.เป็นการกระทำผิด ตาม พรป.มาตรา 77 วรรคหนึ่ง(1) หรือไม่ เพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า ข้อเท็จจริงพฤติการณ์ต่างๆ ปมฮั้วเลือก สว.เป็นการเลือก สว.โดยสุจริตและเที่ยงธรรมหรือไม่

ชี้ว่า สว.สีน้ำเงินที่มีบทบาทในการให้ความเห็นชอบในองค์กรอิสระ โดยเฉพาะ กกต.ที่จะหมดวาระ และเลือก กกต.คนใหม่ทดแทนคนเก่าที่หมดวาระลง สว.สีน้ำเงินมีบทบาทหลักที่จะวางคนของตนเองไปทำหน้าที่ ดังนั้นเมื่อคดีปมฮั้ว สว.กลุ่มนี้ อยู่ในอำนาจวินิจฉัยชี้ขาด

ดร.ณัฐวุฒิ มองว่าหากพิจารณาจากตัวผู้ร้อง เป็น ผู้สมัครสว.หรือ สว.สำรองบางคน รวมถึงทนายนักร้องเรียน ที่มีปัญหาตรงกันข้ามกลุ่มการเมืองหลักบุรีรัมย์ ฟันธงล่วงหน้าว่า พยานหลักฐานไม่เพียงพอและมีน้ำหนักน้อย กกต.ยกคำร้องสูง

”เพราะเกมการเมือง ค่ายสีน้ำเงินขยายปีกคุม สว.และวางเครือข่ายของตนเองในเครือข่ายองค์กรอิสระต่างๆ รวมถึงองค์กรอิสระใน กกต.ด้วย“

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กกต. ขึงขัง! สกัดขายฝัน 'ประชานิยม' ตั้ง คกก.คุมเข้มนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง 69

กกต.ลั่นคุมเข้มนโยบายประชานิยมหาเสียง ตั้ง คกก.ตรวจสอบเงินที่ใช้-วิเคราะห์ผลกระทบ ชี้ชัดอินฟลู-ยูทูปเบอร์ สมัคร สส.ไม่เข้าข่ายลักษณะต้องห้าม ไม่เป็นเจ้าของ-ถือหุ้นสื่อ เป็นผู้ใช้สื่อ

ครม. เห็นชอบงบเลือกตั้ง-ทำประชามติ 8,978 ล้าน

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.อนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดการเลือกตั้ง สส.เป็นการทั่วไป

ทะลุ 2 แสนคน แห่ลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า-นอกราชอาณาจักร

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สรุปจำนวนผู้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า และเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่สองของการเปิดให้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า พบว่า มีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง

'กกต.กทม.' พร้อมรับสมัคร สส. 33 เขต เร่งแก้ระบบลงทะเบียนล่วงหน้า หลังพบ ปชช. เกิดปัญหา

กกต.กทม.เผย ความพร้อมรับสมัครผู้สมัคร 33 เขต เร่งแก้ไขระบบลงทะเบียนล่วงหน้าหลังพบ ปชช.บางส่วนลงทะเบียนไม่ได้เหตุสมาร์ทโฟนบางรุ่นไม่รองรับ อนุญาตใช้รถแห่แต่ห้ามจัดมหรสพ–การรื่นเริง แจ้งชัดติดป้ายผิดที่มีสิทธิถูกรื้อถอนพร้อมเรียกค่าใช้จ่าย เตือนประชาชนเผื่อเวลาใช้สิทธิ 2 ขั้นตอน ห่วงฝนกระทบคิวหน่วยเลือกตั้ง มั่นใจบริหารจัดการได้–คาดผู้มาใช้สิทธิเพิ่มจากครั้งก่อน

'รมว.ยธ' โยนถาม DSI สอบปม MOU บ.สแกนม่านตา หลังอดีตปลัดดีอีให้การฝ่ายการเมืองสั่ง

รมว.ยุติธรรม โยนถาม ดีเอสไอ หลังเรียก สอบปม MOU กระทรวงดีอี-บ.สิงคโปร์ สแกนม่านตา หลังอดีตปลัดดีอีให้การ ฝ่ายการเมืองสั่ง ยํ้า เรื่องนี้น่าเป็นห่วง เพราะกระทบ ปชช.หลายคน

'ไชยชนก' แย้ม 'DSI' มีข้อมูลโยง 2 นักการเมือง ปม MOU บ.สแกนม่านตา

'ไชยชนก' ชี้หน้าที่ 'ดีเอสไอ' สอบสวน หลังพบข้อมูลนักการเมือง 1-2 คน เอี่ยว MOU กระทรวงดีอี-บ.สิงคโปร์ สแกนม่านตา โยงฟอกเงินดิจิทัล