กกต.อ้างจะได้จบเร็ว! ดึงดีเอสไอร่วมสอบคดีฮั้ว สว.

'ประธาน กกต.' แจงปมร่วมดีเอสไอสอบสวนฮั้ว สว. จะทำให้ช่วยทำงานคล่อง เผยคืบหน้าสอบคำร้อง สว.หมอเกศ จบแน่ เม.ย.นี้ ย้ำไม่พักงานเลขาฯ แสวง

19 มี.ค.2568 - นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการตรวจสอบทุจริตฮั้วเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ว่า ตัวเลขการร้องเรียนเรื่อง สว.มีทั้งหมด 577 เรื่อง มีการพิจารณาแล้ว 228 เรื่อง เสร็จสิ้นแล้ว 82 เรื่อง โดยมี 9 เรื่อง ที่ส่งฟ้องศาลฎีกา ล่าสุดในการพิจารณาเมื่อวันที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยพิจารณาเกี่ยวกับการกระทำความผิดเลือก สว. ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว.ตามมาตรา 77 (1) โดยระบุถึงการ กระทำความผิดเกี่ยวกับการเลือก สว.ไม่ว่าจะเป็น การให้ เสนอว่าจะให้ หรือการจัดเลี้ยง มีมติให้ส่งศาลฎีกาพิจารณาอีก 1 เรื่อง ทำให้ตอนนี้เหลือคำร้องที่อยู่ระหว่างการพิจารณา 267 คำร้อง โดยอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของคณะอนุวินิจฉัย 107 เรื่อง ซึ่งคณะกรรมการพยายามทำตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้

เมื่อถามว่ากรณีผู้แทนกรมสอบสวนพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้ามาร่วมทำงานด้วยจะทำให้การพิจารณาเร็วขึ้นหรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า ปกติเรารับเรื่องคำร้อง สว.มาโดยตลอด และคำร้องที่เกี่ยวพันกับมาตรา 77 (1) หรือเรื่องฮั้ว ซึ่งมี 220 เรื่อง ทาง กกต.ดำเนินการพิจารณาตรวจสอบเอง ทำเสร็จแล้ว 115 เรื่อง ส่วนกรณีดีเอสไอ ซึ่ง กกต.มีมติเมื่อวันที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมาให้รับเรื่องที่อยู่ในความรับผิดชอบของดีเอสไอ ทางนั้นแจ้งมาว่ามีเรื่องการกระทำฝ่าฝืน ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. ที่ประชุม กกต.จึงมีมติให้รับมาดำเนินการสอบสวน โดยถือว่าเป็นความปรากฏ พร้อมตั้งคณะกรรมการสืบสวนไต่สวน ขึ้นมาอีกคณะหนึ่ง โดยเชิญผู้แทนดีเอสไอเข้ามาร่วมอีก 3 คน เชื่อว่าการทำงานร่วมกันจะสามารถพิจารณาได้โดยไม่ชักช้า

เมื่อถามว่าตัวแทนจากดีเอสไอ 3 คน เข้ามาร่วมทำงาน จะเป็นตัวกลางในการสื่อสารระหว่าง 2 หน่วยงาน ใช่หรือไม่ นายอิทธิพรกล่าวว่า ใช่ เพราะกฎหมายให้อำนาจตามมาตรา 42 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วย กกต. เราสามารถขอให้เจ้าหน้าที่ ของหน่วยงานอื่น มาเป็นหนึ่งในกรรมการ ของคณะกรรมการสืบสวนไต่สวนได้ โดยกรอบการทำงานทุกเรื่องรวมถึงเรื่องฮั้ว จะมีกรอบการปฏิบัติหน้าที่ว่าควรจะเสร็จเมื่อไหร่ ซึ่งเราเคยมีประกาศออกมาเมื่อปี 2566 เรื่องกำหนดกรอบระยะเวลาในการดำเนินงานกระบวนการยุติธรรม ออกตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการดำเนินการในกระบวนการยุติธรรมที่กำหนดว่า ในการพิจารณา ของเจ้าหน้าที่ กกต. จะเริ่มจากคณะกรรมการสืบสวนไต่สวน ยาวที่สุดไม่เกิน 90 วัน หลังจากนั้นจะนำเรื่องเข้ามาที่สำนักงาน กกต. ส่วนกลาง นำโดยเลขาธิการ กกต. ซึ่งจะมีเวลาอีก 60 วัน และไปที่อนุ กรรมการวินิจฉัย ตรงนี้ก็จะมีเวลาอีก 90 วัน โดยอาจจะมีการสอบสวนเพิ่มให้โอกาสพยานเข้ามาให้ถ้อยคำ รวมแล้วระยะเวลาทั้งหมดไม่ควรจะเกิน 1 ปี ที่จะต้องเสนอให้ที่ประชุม กกต.พิจารณา

เมื่อถามถึงความคืบหน้า การพิจารณาคำร้อง พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย สว. กรณีนี้ กกต.ต้องสอบสวนเองหรือทำงานร่วมกับทางดีเอสไอ นายอิทธิพร กล่าวว่า โดยหลักแล้วการสืบสวนไต่สวนเริ่มจากคณะกรรมการสืบสวนไต่สวน และมาที่ส่วนกลาง คือเลขาฯ กกต. เป็นไปตามขั้นตอนที่ตนกล่าวข้างต้น ซึ่งสำนวนที่มีการส่งเข้ามาล่าสุดเมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 2567 มี 2 ข้อหาคือฝ่าฝืนมาตรา 77 (1) และ (4) ที่ประชุมเห็นว่า มีประเด็นที่ต้องสอบเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดความชัดเจน เพื่อใช้ดุลยพินิจวินิจฉัยได้ จึงให้สำนักงานกกต บอกกับเจ้าพนักงานสืบสวนไต่สวนดำเนินการสอบเพิ่มเติม คาดว่าเดือน เม.ย.นี้ น่าจะเสนอที่ประชุมกกต.พิจารณาได้

"กกต.มีหน้าที่ชัดเจนว่า คำร้องใดที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับการฝ่าฝืน พ.ร.ป.ที่เกี่ยวข้องกับกกต. เป็นงานของเรา ส่วนการกระทำที่เกิดขึ้น หากเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายอื่น ซึ่งไม่ใช่กฎหมายเลือกตั้งก็เป็นหน้าที่ของหน่วยงานนั้นๆ ซึ่งจากข่าวประชาสัมพันธ์ของดีเอสไอระบุว่า หากในการทำงานของดีเอสไอ ปรากฏข้อเท็จจริงว่า มีการฝ่าฝืน พ.ร.ป. ว่าด้วยกันได้มาซึ่ง สว. เขาก็จะแจ้งมาที่กกต. เพื่อพิจารณาตามอำนาจหน้าที่ต่อไป เพราะฉะนั้นการดำเนินงานจะไม่มีความซับซ้อนกัน จะมีแต่การส่งเสริมกัน" ประธานกกต.กล่าว

เมื่อถามว่าคำร้องของกกต. และดีเอสไอ มีส่วนไหนที่เป็นคำร้องเดียวกัน หรือไม่ นายอิทธิพรกล่าวว่า คำร้องดีเอสไอมีอยู่ 3 เรื่อง แต่มาร้องที่เราที่รับมาแล้วเฉพาะมาตรา 71 (1) มีกว่า 200 เรื่อง เพราะฉะนั้นในส่วนของดีเอสไอ ได้รับคำร้องและตรวจสอบแล้ว เห็นว่าเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย การเลือก สว. เขาจึงแจ้งให้ กกต.ทราบ ซึ่งอำนาจหน้าที่ของกกต.ดูเรื่องการฝ่าฝืนพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาสว. จึงรับมาสอบสวน

เมื่อถามถึงกรณีกลุ่ม สว.สำรองร้องต่อประธาน กกต.ให้ พักงานเลขาธิการ กกต.ระหว่างที่มีการสอบสวนทุจริตเลือกสว. นายอิทธิพรกล่าวว่า เป็นกระบวนการที่ หากมีผู้มายื่นคำร้อง เราจะทำได้ก็ต่อเมื่อคำร้องเข้าข่ายตามระเบียบสืบสวน ไต่สวน หรือไม่ก็เข้าสู่ระเบียบการรวบรวมข้อเท็จจริง เราจะทำอะไรเกินกว่านี้ไม่ได้ เพราะจะเป็นการกระทำเกินกว่าอำนาจหน้าหน้าที่ ทุกอย่างจะต้องมีการเสนอเรื่องมาโดยสำนักงาน กกต. หากไม่มีการเสนอขึ้นมาเราก็อาจจะหยิบยกได้ แต่โดยหลักแล้ว จะต้องให้สำนักงานเป็นผู้เสนอความเห็นมาในเบื้องต้นว่า เป็นคำขอคำร้อง พี่ก็อยู่กับพี่ขึ้นอยู่บนพื้นฐานอะไร ตามระเบียบใด ถ้าไม่มีพื้นฐานก็ไม่สามารถรับเรื่องไว้ได้

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เพื่อไทยลุ้นเหนื่อย! อิทธิพรชี้คดียุบพรรคไม่มีมูลจบแล้ว 3 ยังเหลืออีก 14 เรื่อง

'ปธ.กกต.' เผยคำร้องยุบ 'เพื่อไทย' บางส่วนอยู่ระหว่างการพิจารณาของ 'เลขาฯแสวง' บางส่วนยุติเพราะไม่มีมูล

ประธาน กกต.ยันไม่ยื้อคดีฮั้ว สว.แต่ต้องรอบคอบเพื่อความยุติธรรม!

'อิทธิพร' ฟันฮั้วเลือก สว.จังหวัดยะลา 32 ราย ยันกระบวนการสอบโปร่งใสใช้เวลารอบคอบเพื่อความยุติธรรม ลั่นไม่ยื้อเวลา แม้ถูกจับตา

สว.สำรองให้กำกำลังใจประธาน กกต.อยู่ครบวาระ!

'สว.สำรอง' ให้กำลังใจประธาน กกต. หลังมีข่าวลาออกจากตำแหน่ง เหตุถูกบุคคลที่มองไม่เห็นกดดัน โดยขอให้ทำงานอย่างสุจริต จี้ทบทวนพักงาน 'แสวง' ให้เวลา 7 วัน หากไม่ทำเตรียมโดนอาญา 157

'สมเจตน์' งง กกต.ตั้งข้อหาฮั้วแต่ไม่ระบุพฤติการณ์

'สมเจตน์' งง กกต.ตั้งข้อหาไม่ระบุพฤติการณ์ ย้ำไม่เกี่ยว พร้อมให้ความร่วมมือชี้แจงทุกอย่าง เผยคุยอนุทินเพราะเป็นที่ปรึกษา ด้าน 'นภินทร' โล่งใจ พร้อมหอบหลักฐาน พยานบุคคลเข้าให้ข้อมูลภายใน 5 วันนี้

กิจกรรมโค้งสุดท้ายการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี (Big Day) ที่จะมีการเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 11 พฤษภาคม 2568

นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมโค้งสุดท้ายการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี (Big Day)

กกต. ยันไม่เกิน 60 วัน ส่งสำนวนฟ้อง 'หมอเกศ' ถึงศาลฎีกา แจงคดีฮั้วสว. คืบหน้า

'อิทธิพร' เผย กกต. ใช้เวลาไม่เกิน 60 วัน ทำสำนวนถึงศาลฎีกา ฟ้อง 'หมอเกศ' แจงคดีฮั้ว สว. คืบหน้าเรื่อยๆ ชี้ประเด็นสมคบจะต้องสอบทุกคน ยันวิธีการเลือกทำตามกฏหมายแล้ว