"พิชัย" ตอบ "ศิริกัญญา" เลื่อนคุยกำแพงภาษีไม่ใช่ประเด็น ดีใจไม่รีบไป รอจังหวะ ขอเฝ้ามองกรอบประเทศใหญ่ พร้อมเฝ้าจับตา จีน-สหรัฐฯคุยกัน ภาวนาคลื่นเล็กลง ทำงานง่ายขึ้นแจงปมกู้เงิน 5 แสนล้าน อ้างนาฬิกาประเทศเดินครึ่งๆ ชี้ กู้ที่ไหน ต้องดูโครงการก่อน อ้ำอึ้งแจกเงินหมื่นวัยรุ่น บอกใจเย็นๆ
25 เมษายน 2568 - ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพิชัย ชุนหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์กรณีน.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าและสส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ตั้งข้อสังเกตถึงการเลื่อนเยือนสหรัฐอเมริกาเพื่อเจรจาเรื่องกำแพงภาษีของทีมไทยแลนด์ ว่าไทยอยู่ในลิสต์ที่สหรัฐฯจะเจรจาด้วยหรือไม่ ว่า เราเลื่อนหรือเขาเลื่อนตนว่าไม่ใช่ประเด็น แต่อยู่ที่ว่าเวลาที่เหมาะสมนั่นคือคำตอบ
ถ้าเวลาไม่เหมาะสมเราก็อยากขอเลื่อน เพราะวันนี้เราได้ดูแล้วเวลาและโอกาสที่เหมาะสม ข้อแรกเราไม่ได้เป็นคู่ค้าที่ใหญ่ใน 10 อันดับแรก ถึงแม้เราจะได้เปรียบดุลการค้า ดังนั้นถ้าเขาจะเจรจาอะไรเขาจะมีกรอบ ก็คงต้องเดินตามกรอบของรายใหญ่ ฉะนั้นถ้าเรารู้ว่ารายใหญ่เขาตกลงอะไรได้ในกรอบ เราจะได้หันมาปรับเพื่อให้เท่ากัน ดังนั้นจังหวะเวลาตนดีใจที่เราไม่รีบไป เพราะยังไงเขาก็ต้องเอากรอบใหญ่และเดี๋ยวจะไม่มีข้อยุติ
นายพิชัย กล่าวว่า ข้อที่สอง เมื่อมีการทำ เราจะได้พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาของสิ่งที่เกิดการเจรจา ทางเราได้รักษาสภาพการอย่างเป็นทางการ และไม่เป็นทางการในโลกว่ามีการขอพูดคุยเรื่องที่เกี่ยวกับ Tariff และ Non - Tariff และบวกขึ้นไปมากกว่านั้น ซึ่งเงื่อนไขทางการค้าที่เปลี่ยนไป นำมาซึ่งเงื่อนไขทางเศรษฐกิจ และการเงินที่เปลี่ยนไปและวันนี้ก็เกิดผลกระทบทุกคน ดังนั้นการคุยอาจจะมีเรื่องเงื่อนไขทางการเงินประกอบเงื่อนไขทางการค้าด้วย ก็ต้องเตรียมการเรื่องเหล่านี้ ว่าเราต้องทำอย่างไร ทั้งเรื่องค่าของเงิน อัตราดอกเบี้ย และหลายๆอย่างที่เกี่ยวข้อง เราต้องเตรียมตัวไป ซึ่งแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน
"ฉะนั้นผมคิดว่าใครจะเลื่อน หรือไม่เลื่อน จังหวะเวลาวันนี้เราต้องดูว่าครบถ้วนไหม ถ้าเขาคิดว่าเขาได้กรอบแล้ว เขาอยากคุยกับเรา เขาคงส่งสัญญาณมา และถ้าเราเห็นว่ากรอบครบแล้ว เราก็จะบอกว่าเดี๋ยวจะไปนะ เพราะจริงๆแล้วผมคิดว่าทั้งหมดเลยเป็นร้อยประเทศ สุดท้ายแล้วจะแยกเป็นสองประเภท คือประเภทหนึ่งอยู่ในกรอบที่อธิบายได้ว่าอยู่ในกรอบเดียวกัน แต่เงื่อนไขอาจจะต่างกันบ้างตามสถานะของแต่ละประเทศ" นายพิชัย กล่าว
เมื่อถามว่า ต้องดูท่าทีของจีนกับสหรัฐฯที่จะพูดคุยกันด้วยใช่หรือไม่ นายพิชัย กล่าวว่า ถามว่าสำคัญไหม ก็สำคัญ ตนก็เฝ้าจับตาเงื่อนไขนี้ตลอด ก็เห็นพัฒนาการไปในทางที่เราแอบคาดเดาไว้นิดๆอยู่แล้วว่ามาทางนี้ ก็ดูอยู่เรื่อยๆ ฉะนั้นก็ภาวนาหวังว่าจะพัฒนาไปทางที่ดีขึ้น คลื่นลูกนี้ก็จะเล็กลง เราก็จะทำงานได้ง่ายขึ้น ซึ่งจำเป็นมากที่จะต้องดูควบคู่กันไป
เมื่อถามต่อว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)พิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลอะไรที่ช่วยได้มากหรือไม่ นายพิชัย กล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่ค่อยแตะ เพราะมีอยู่ในเงื่อนไขหนึ่งถ้าอ่านให้ดีจากรัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เขามีกติกาอยู่ตั้งนานแล้ว เวลาจะทำอะไรไม่อยากเห็นการแทรกแซงค่าเงิน ฉะนั้นเมื่อพูดถึงอัตราดอกเบี้ยจะมีผลต่อค่าของเงิน ฉะนั้นตนคิดว่าไม่ควรพูด แต่ก็เป็นหน้าที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่เห็นทุกอย่าง ทั้งเศรษฐกิจ สภาพคล่อง ท่านจะต้องไปคิดเองว่าจะทำอย่างไร
เมื่อถามถึงแผนการกู้เงิน 5 แสนล้านบาท นายพิชัย กล่าวว่า อย่าเพิ่งเรียกว่าแผนการกู้เงินเลย วันนี้สิ่งที่จะทำทุกคนเห็นหมด โดยเรื่องนี้ที่เกิดขึ้นกว่าจะแก้จบได้จะมีสองเรื่อง ซึ่งการแก้ไขต่อให้จบในทางที่ดีที่สุด ช่วงนี้ทุกคนคิดไม่ออก เหมือนนาฬิกาหยุดเดินไปครึ่งๆ เดินบ้างไม่เดินบ้าง การค้าหยุดชะงัก บางส่วนเลือกซื้อ บางส่วนไม่ซื้อ บางส่วนไม่ลงทุนเลย ขอหยุดดู ซึ่งมันมีผลต่อจีดีพีแน่นอนในโลกนี้ และนั่นก็ขึ้นอยู่ว่ามันจะแรงไม่แรงอีก ดังนั้นเราขอเดาว่ามีผลต่อจีดีพีแน่นอน และระดับของความรุนแรงขึ้นอยู่กับสิ่งที่มันจะออกมา ฉะนั้นวันนี้เราต้องประเมินว่าถ้าระดับธรรมดาเป็นอย่างไร ปานกลาง หรือหนัก เป็นอย่างไร เราก็จะนำมาประเมิน และถ้าเป็นอย่างนั้น คำว่าจีดีพีไม่ดี แปลว่าไม่กินดีอยู่ดี คือไม่มีกำลังซื้อ ก็คือไม่มีเงิน ไม่มีการจ้างงาน ก็คือไม่มีการผลิตและบริการที่จะมีเพื่อการส่งออก และบริโภคภายในประเทศ ดังนั้นมันไล่ตามมา เราจึงถามว่าเมื่อต้นเหตุเป็นอย่างนี่จะทำอย่างให้คนมีรายได้น้อยกลับมามีรายได้ ทำให้ประเทศกลับมามีเศรษฐกิจ เพื่อเกิดการจ้างงาน
นายพิชัย กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องคิด เมื่อมาถามเราว่าขนาดของมันเท่าไหร่ ตนคิดว่าไม่ใช่ลงทุนขนาดย่อมๆ ควรจะเป็นอะไรที่เราเรียกร้องหามานาน ประเทศไทยเรียกร้องหลายๆอย่างเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการลงทุน การส่งออก ปัญหาโครงสร้างที่ทุกคนพูดถึง เราจะหยิบมาวางถูก ซึ่งก็มีอยู่แล้วหลายส่วน แต่หยิบมาดูอย่างน้อยสื่อให้สังคมทราบว่าน่าจะเป็นความจำเป็นของหลายประเทศที่ต้องดูสิ่งเหล่านี้ ซึ่งเราก็ติดตามความเคลื่อนไหวของอาเซียนตลอด ที่จากการพูดคุยทุกคนลำบากด้วยกันทั้งนั้น เราจะดูแนวทางนี้ประกอบด้วย
"เรื่องนี้ถามว่าไปกู้ที่ไหน ก็ดูเป็นโครงการก่อน และโครงการนั้นต้องตอบโจทย์ว่าจะดีต่ออนาคตประเทศไทย ในเชิงประสิทธิภาพ และเพิ่มการเติบโตทางเศรษฐกิจได้ ก็ขอบอกแค่นี้ ไม่อย่างนั้นจะเป็นการบอกสิ่งที่เกินสถานการณ์ไป " นายพิชัย ระบุ
เมื่อถามว่า จากสภาพเศรษฐกิจอย่างนี้ เรื่องของเงินหมื่นที่จะแจกกลุ่มวัยรุ่น จะยังอยู่ใช่หรือไม่ นายพิชัย ไม่ตอบคำถามดังกล่าว โดยระบุว่า"ใจเย็นๆ ครับ ขออนุญาตครับ" และเดินออกจากจุดสัมภาษณ์ทันที
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'จุลพันธ์' ไม่กังวลถูก ป.ป.ช. สอบปมโยกงบ 35,000 ล้าน
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภา
ประเดิมถกงบ 69 วันแรกขุนคลังแจงเหตุผลหั่นงบ 8,920 ล้านบาท
'สภา' เริ่มถกงบ 69 วันแรกแล้ว 'พิชัย' แจงรายงาน กมธ. เหตุหั่นงบ 8,920 ล้านบาท เพราะไม่สอดคล้องภาาวะปัจจุบัน-การเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบาย


