
'ไอติม' ชำแหละงบการศึกษา ย้ำ ต้องรีเซต 6 ด้าน ฉะ ODOS 1 อำเภอ 1 ทุน เหมือนถูกหวยเลขท้าย 2 ตัว แนะรัฐบาล หวั่น CSR เป็นแค่โครงการประชาสัมพันธ์แล้วดูดี แต่ไม่ได้แก้ไขโครงสร้าง ชี้ ต้องไม่เน้นแค่การสร้างของเล่น เผยงบอัดฉีดด้านเทคโนโลยีการศึกษาสูงลิ่ว เท่างบสร้างตึก สตง. 7 หลัง ยันต้องปฏิรูป เป็นวาระเร่งด่วนรอไม่ได้
30 พ.ค.2568 - เมื่อเวลา 10.00 น. นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคประชาชน อภิปรายงบประมาณด้านการศึกษา ว่า งบประมาณนี้ถูกจัดทำในห้วงเวลาที่ประชาชนเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า ภายใต้สภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ แม้การลงทุนในการศึกษาและการยกระดับภาคการศึกษานั้น จะเป็นการลงทุนที่ไม่เห็นผลทันทีทันใด แต่เราต้องยืนยันว่าการลงทุนในมนุษย์เป็นการลงทุนที่จำเป็นและสำคัญมากต่อการทำให้เราอยู่รอด และแข่งขันกับโลกในอนาคตได้ การศึกษาไทยไปต่อแบบเดิมไม่ได้ ซึ่งงบประมาณด้านการศึกษาของไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2567 ปีละ 4% และกระทรวงศึกษาธิการก็ได้รับงบประมาณเพิ่มขึ้นมากที่สุด แต่ภายใต้รัฐบาลปัจจุบัน โครงสร้างงบประมาณการศึกษานั้น ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นหากเราต้องการให้เกิดความคุ้มค่า ตนเห็นว่าเราต้องไปให้ไกลกว่าแค่ปรับปรุงหรือเพิ่มแต่งประมาณหลายโครงการ แต่ต้องเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภาพใหญ่ ต้องรีเซตอย่างน้อย 6 ด้าน
ด้านแรก คือหลักสูตร ต้องไม่ใช่เหล้าเก่าในขวดใหม่ เพราะหลักสูตรเป็นหัวใจสำคัญของระบบการศึกษา เป็นการกำหนดเข้าใหม่ ปีนี้ดูเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นที่กระทรวงศึกษาธิการออกมาประกาศว่าจะเดินหน้าหลักสูตรใหม่ฉบับปี 2568 แต่พอไปดูรายละเอียดไส้ใน เรากลับค้นพบว่าการจัดทำหลักสูตรฉบับใหม่ ถูกจัดทำแบบลวกๆ ไม่รอบคอบเพียงพอ เสี่ยงต่อการเสียของ
“รัฐบาลไปเล่นท่ายากและท่าพิศดารโดยไม่จำเป็น ทางเลือกที่รัฐบาลสามารถเลือกได้กลับไม่เลือก คือการเพิ่มการต่อยอดจากหลักสูตรฐานสมรรถนะ ที่กระทรวงศึกษาฯและผู้เชี่ยวชาญและมีการเตรียมการวิจัยมาหลายปี ใช้งบประมาณหลายล้านบาท อบรมครูไปแล้วหลายส่วน สิ่งที่รัฐบาลกลับไปเลือกคือการตั้งหลักสูตรขึ้นมาใหม่ทั้งหมด ภายในระยะเวลาเพียงแค่ไม่กี่เดือน ผมนับได้ 116-224 วัน” นายพริษฐ์ กล่าว
นายพริษฐ์ กล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้เผื่อเวลาเพียงพอให้ครูและสถานศึกษาเตรียมความพร้อมสำหรับหลักสูตรใหม่ เรามีการเปิดเทอมไปเมื่อวันที่ 16 พ.ค.ที่ผ่านมา แต่เอกสารทั้งหมดเกี่ยวกับหลักสูตรใหม่นั้น ถูกเผยแพร่ต่อสาธารณะวันที่ 1 เม.ย. โรงเรียนมีเวลา 45 วันในการศึกษาและปรับวิธีการจัดการเรียนการสอนของครูให้สอดคล้องกับหลักสูตรใหม่ กระบวนการที่อาจจะไม่รอบคอบเพียงพออาจจะทำให้หลักสูตรใหม่ไม่ประสบความสำเร็จ
นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า ด้านที่ 2 คือเรื่องภาระงานครู รัฐบาลต้องให้หยุดเป็นโรงงานผลิตแรงงาน ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าขาดแคนอัตรากำลังคน การแก้ปัญหานี้ไม่ใช่จะเพิ่มคนโดยการสร้างงานเสมอไป หากสามารถช่วยลดภาระงานครูที่ไม่จำเป็นออก เพื่อให้มีเวลามากขึ้นในการใช้เตรียมการเรียนการสอน หลายโครงการที่เพิ่มภาระงานครูโดยไม่จำเป็น เช่น โครงการเสริมสร้างคุณธรรมจริยธรรมและธรรมาภิบาลในสถานศึกษา ซึ่งเป็นการเพิ่มภาระหน้าที่ให้กับครู โดยผลชี้วัดไม่ได้สะท้อนความโปร่งใสของสถานศึกษาได้จริง ส่วนด้านที่ 3 คือต้องลดความเหลื่อมล้ำ รัฐบาลต้องไปไกลกว่าการแจกทุน ไม่ใช่การแจกทุนไม่ดีกับภายใต้ทรัพยากรที่จำกัดขาดการแจกทุนเนื่องจากเท่าไหร่ก็อาจจะไม่พอ
นายพริษฐ์ กล่าวถึง โครงการหนึ่งอำเภอหนึ่งทุน หรือ ODOS ของรัฐบาล ว่า เป็นโครงการที่ช่วยเหลือนักเรียนกว่า 5,700 คน แต่ถ้าคิดเป็นจำนวนนักเรียนที่ได้ทุนก็เหมือนกับการถูกหวยเลขท้าย 2 ตัว แม้ตนจะเชื่อว่าทุน ODOS จะสร้างอนาคตให้กับเด็กที่ได้รับทุนอย่างแน่นอน ส่วนนี้เห็นด้วย แต่เห็นว่ารัฐบาลต้องเอาจริงเอาจังกว่านี้ในการแก้ปัญหาอื่น เพื่อทำให้เด็กที่ขาดโอกาสอีกจำนวนมากและมีโอกาสหลุดพ้นจากกับดักความยากจน โดยการหาทางออกของโรงเรียนขนาดเล็กที่ยังขาดงบ รวมถึงต้องแก้ไขสถานการณ์ทางการเงินของ กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ด้วย รัฐบาลยังไม่แก้ปัญหาเชิงรุกมากเพียงพอ ไม่เช่นนั้น โครงการ ODOS จะกลายเป็นเพียงกิจกรรมเพื่อสังคม หรือ CSR เป็นประโยชน์ ประชาสัมพันธ์แล้วดูดีแต่ไม่ได้แก้ไขตัวกิจการหลักของกระทรวงศึกษาธิการ
นายพริษฐ์ ระบุว่า ด้านที่ 4 คือการลงทุนในเทคโนโลยี รัฐบาลต้องไม่เน้นแค่การสร้างของเล่นใหม่ รัฐบาลชุดนี้มีการลงทุนเยอะมาก กับโครงการที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีด้านการศึกษา สูงถึง 13,000-15,000 ล้านบาท เช่น โครงการแพลตฟอร์ม Anywhere Anytime เทียบเท่ากับการสร้างอาคาร สตง. 6-7 อาคาร ซึ่งหากเรามีความกังวลเช่นไร กับการก่อสร้างอาคารที่อาจจะร้าง ไม่มีคนใช้ ซ้ำซ้อนกับที่มีอยู่ หรือหรูหราเกินจำเป็น เราก็ต้องมาตรวจสอบเช่นกันว่าเราไม่ได้กำลังจะสร้างแพลตฟอร์มที่อาจจะร้าง ไม่มีคนใช้ ซ้ำซ้อนกว่าที่มีอยู่ หรือหรูหราเกินจำเป็นเช่นกัน
ด้านที่ 5 คือการรีเซ็ตใบปริญญาให้เชื่อมกับอนาคต และไม่เป็นแค่ใบการันตี ตนเข้าใจดีว่าใบปริญญาอาจจะเป็นใบเบิกทางในหลายด้านของชีวิต แต่ต้องยอมรับว่าการมีใบปริญญาในเวลานี้ไม่เพียงพออีกต่อไป ในการรับประกันว่าจะมีงานที่รายได้ดีหลังจากเรียนจบ เพราะหลักสูตรที่เรามีนั้น อาจจะไม่รับประกันว่าเด็กที่จบมาอาจจะตอบโจทย์ความต้องการของตลาด กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เคยยอมรับกับกรรมาธิการฯ ของตนว่าหลักสูตรไม่ได้ตอบโจทย์กับการศึกษา ซึ่งตนเห็นว่า อว. ก็ยังไม่ได้ใช้งบประมาณที่ตอบโจทย์ ในการเพิ่มแรงจูงใจให้มหาวิทยาลัยนั้นมีการปรับสาขาและคณะให้เท่าทันตลาดมากขึ้น
และด้านที่ 6 คือการรีเซตบทบาทรัฐเกี่ยวกับการยกระดับแรงงาน หลายครั้งที่รัฐเผลอไปคิดแทนตลาด โครงการที่เข้าข่ายในเรื่องนี้ คือโครงการเชฟ 1 หมู่บ้าน 1 อาหารไทย ภายใต้นโยบายซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งปีนี้ได้รับการจัดสรรงบประมาณ 70 ล้านบาท เพื่อผลิตเชฟเข้าสู่เข้าสู่อุตสาหกรรมอาหาร ตนคิดว่าในห้วงเวลาที่ธุรกิจร้านอาหารกำลังซบเซา มีการปิดธุรกิจร้านอาหารเพิ่มขึ้น 89% ในปี 2567 หลายคนบอกว่าเป็นการเผาจริง แต่รัฐบาลไปวิเคราะห์และจับสัญญาณตลาดอย่างไร ถึงได้ข้อสรุปเป็นแบบนี้ ตนขอเสนอโมเดลหนึ่งที่ชื่อว่า “เอกชนเลือก ผู้เรียนฝึก รัฐจ่าย” เป็นการรวบงบประมาณของโครงการยกระดับทักษะที่ให้ผู้เรียนไปเลือกเองว่าจะเรียนเกี่ยวกับอะไร
“การศึกษานั้นไม่ได้มีแค่ความสำคัญกับอนาคตของประเทศ เพื่ออนาคตของลูกหลานเรา แต่การศึกษานั้นเป็นบริการแรกที่เราได้รับจากรัฐเกิดขึ้นในประเทศนี้ ดังนั้น หากเราต้องการให้ประชาชนในประเทศนี้มีสัมผัสแรกกับรัฐที่ดี ผมเห็นว่าวาระการปฏิรูปการศึกษานั้น เป็นวาระที่เร่งด่วนและรอไม่ได้ เหมือนกับที่มีท่านหนึ่งได้กล่าวไว้ ไม่ทำตอนนี้แล้วจะทำตอนไหน” นายพริษฐ์ กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'พริษฐ์' ชง 4 ข้อเสนอรัฐบาลแก้น้ำท่วมหาดใหญ่แนะ 'กต.' ประสานต่างชาติช่วย!
'ไอติม' ชง 4 ข้อเสนอรัฐบาลแก้น้ำท่วมหาดใหญ่ ชี้ต้องบูรณาการทุกหน่วยงาน-มีฐานข้อมูลกลาง ลั่นทุกวินาทีมีค่า บอกมาช่วยทุกคนวันนี้ไม่ได้แต่อาหาร-น้ำต้องถึงมือผู้ประสบภัย แนะ 'กต.' ประสานนานาชาติเข้าช่วย
'พรรคส้ม' โบ้ย 'อนุทิน' ยุบสภา 12 ธ.ค.ไม่เป็นผลดีต่อตัวเอง ซัดเหมือนผู้รับเหมาทิ้งงาน
'พริษฐ์' ชี้หาก 'อนุทิน' ยุบสภา 12 ธ.ค.ไม่เป็นผลดีต่อตัวเองแน่นอน เหตุประกาศเป็นแคนดิเดตนายกฯไปแล้ว ซัด เหมือนผู้รับเหมาทิ้งงาน-ปิดกิจการหนี้การตรวจสอบ เชื่อเจตนารมณ์ รธน.ระบุชัด ไม่อยากให้ยุบสภาหนีซักฟอก ปัดตอบผิด MOA หรือไม่
เปิดผลลงมติ ปชน.โหวตแพ้ 'เลือกผู้ร่างทางอ้อม' ดัน 'สูตร 20 หยิบ 1' ป้องกันการผูกขาด
'ไอติม' เปิดผลลงมติกมธ.แก้รธน. ปชน.โหวตแพ้เรื่องการยืนยันให้ประชาชน 'เลือกผู้ร่างทางอ้อม' แต่ผลักดันเรื่อง 'สูตร 20 หยิบ 1' เพื่อป้องกันการผูกขาดได้สำเร็จ เดินหน้า เรื่องคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ร่าง
'ไอติม' ยันร่างแก้ไข รธน.ยังมี สสร.แต่ไม่มีสภาที่ปรึกษา
'พริษฐ์' ยันโหวตตามร่างหลักของ 'ปชน.' แจง ไม่เห็นด้วย 'พท.' เพิ่ม ส.ส.ร. ที่ไม่ได้มาจาก ปปช. หวั่น ถูกผูกขาด พร้อมเดินหน้าถกเกณฑ์ กมธ.ยกร่าง ย้ำต้องเปิดสมัยประชุมวิสามัญ
ปชน.แจงยิบ 'สแกมเมอร์-แก้รัฐธรรมนูญ' สำคัญเท่ากัน ย้ำยึด 3 เงื่อนไขหากจะยื่นซักฟอกรบ.
'พริษฐ์' โต้ ให้น้ำหนักทั้งคู่ หลังถูกถามเมิน 'สแกมเมอร์' หรือไม่ เหตุพอเป็นเรื่องรัฐธรรมนูญ จะยื่นซักฟอกเลย บอกท้ายที่สุด 'ปชน.' เอา ปชช.เป็นตัวตั้ง ย้ำ 3 เงื่อนไข ถ้า 'รัฐบาล' ไม่เปิดสมัยวิสามัญ เข็นแก้ รธน. ทันวาระ 3 ก่อนยุบสภา ขู่ ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจทันที แจงแทน 'ศิริกัญญา' ชี้ พรรคพยายามตรวจสอบ-ทำให้เห็นว่ามีข้อกังขาอะไรบ้าง
'ไอติม' ยก 3 เหตุผลขั้นต่ำ หาก 'ปชน.' จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลอนุทิน
ปชน.ชี้ไม่ประสงค์จะให้ห้วงเวลา 2 เดือนข้างหน้านี้ ต้องแลกมากับความเสียหายต่อผลประโยชน์กับประชาชนในมิติอื่น

