ดร.ณัฏฐ์ ชี้สว. เดินหน้าตั้ง กกต.-ปปช.-ตุลาการศาลรธน. ไม่ขัดรธน.แม้ถูกร้องคดีฮั้ว

นักกฎหมายมหาชน ยืนยัน การตั้ง กมธ.กลั่นกรองและให้ความเห็นชอบ กกต.-ป.ป.ช.-ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เป็นไปโดยชอบ แม้สมาชิกวุฒิสภาถูกร้อง คดีล็อบบี้ สว.ชี้ชัดอำนาจหน้าที่ยังสมบูรณ์ตามรัฐธรรมนูญ จนกว่าจะมีคำวินิจฉัยเด็ดขาดจากศาลฎีกา

30 พฤษภาคม 2568 -ในการประชุมวุฒิสภา (สมัยวิสามัญ) ซึ่งมี นายมงคล สุระสัจจะ ทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้มีการพิจารณาญัตติด่วนที่เสนอโดย นายเทวฤทธิ์ มณีฉาย สมาชิกวุฒิสภากลุ่มพันธุ์ใหม่ ขอให้ ชะลอการตั้งคณะกรรมาธิการสามัญ (กมธ.) เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งใน คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)

ญัตติดังกล่าวเสนอให้รอผลการวินิจฉัยคดีที่ สว.จำนวนมาก ถูกร้องและเป็นผู้ร้อง ในข้อกล่าวหา ฮั้วเลือกกันเองในการสรรหา สว.ซึ่งขณะนี้อยู่ในกระบวนการของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)

ที่ประชุมวุฒิสภาได้ลงมติ ไม่เห็นด้วยกับญัตติชะลอการตั้ง กมธ.ฯ ด้วยคะแนนเสียง 125 ต่อ 37 งดออกเสียง 12 เสียง และเดินหน้าเข้าสู่การพิจารณาวาระตามปกติ

ภายหลังการลงมติดังกล่าว “ดร.ณัฏฐ์” หรือ ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม นักกฎหมายมหาชนคนดัง ได้แสดงความเห็นเชิงวิชาการให้ความรู้กฎหมายมหาชน อันเป็นประโยชน์สาธารณะว่า การตั้ง กมธ.ของวุฒิสภาและขั้นตอนโหวตให้ความเห็นชอบบุคคลที่ดำรงตำแหน่งใน กกต.-ปปช.และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือบุคคลที่ไปดำรงตำแหน่งอื่นๆ ในกรณีนี้ยังคงชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมายมหาชน โดยชี้ให้เห็นหลักกฎหมาย 4 ประการสำคัญ ดังนี้

(1) ขั้นตอนวินิจฉัยของ กกต. ยังไม่ถึงที่สุด ดร.ณัฏฐ์ระบุว่า กระบวนการกลั่นกรองกรณี สว.ถูกร้องมี 3 ชั้นการพิจารณาใน กกต. คือ ชั้นคณะสืบสวนและไต่สวน ชั้นคณะอนุกรรมการวินิจฉัย และสุดท้ายคือ ที่ประชุมใหญ่ของ กกต. ซึ่งอาจกลับคำวินิจฉัยชั้นล่างได้ ขึ้นอยู่กับ น้ำหนักของพยานหลักฐาน ดังนั้น ตราบใดที่การวินิจฉัยยังไม่สิ้นสุด ยังต้องถือว่า ส.ว.ที่ถูกร้อง เป็นผู้บริสุทธิ์ตามหลักกฎหมาย

แม้จะมี ส.ว.ถูกกล่าวหามากถึง 127 คน รวมถึงบุคคลภายนอกที่ไม่ใช่ ส.ว. แต่ตราบใดที่ยังไม่มีคำวินิจฉัยชี้ขาด ก็ไม่มีผลกระทบต่ออำนาจหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญของ ส.ว.เหล่านั้น

(2) ยังไม่มีการเพิกถอนสิทธิจากศาลฎีกา ตาม มาตรา 62 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 หากจะเพิกถอนสิทธิการดำรงตำแหน่ง ต้องรอให้ ศาลฎีกาพิพากษาหรือมีคำสั่งเด็ดขาด เท่านั้น ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีการยื่นคำร้องต่อศาลและศาลฎีกายังไม่ได้สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้น อำนาจหน้าที่ของ ส.ว. ในการแต่งตั้งหรือเห็นชอบองค์กรอิสระ ยังคงสมบูรณ์และชอบด้วยกฎหมาย

(3) มติที่ประชุมวุฒิสภา 125 เสียง เป็นไปตามข้อบังคับ การที่ที่ประชุมวุฒิสภามีมติ ไม่เห็นชอบกับญัตติของ สว.เทวฤทธิ์ ถือว่าเป็นไปตาม ข้อบังคับการประชุมวุฒิสภาอย่างถูกต้อง และสามารถเดินหน้าพิจารณาเรื่องสำคัญอื่นๆ ได้โดยไม่ขัดรัฐธรรมนูญ

(4) สิทธิของเสียงข้างน้อยไม่ล้มมติที่ชอบด้วยกฎหมาย กรณีที่ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว.กลุ่มสีขาว และ น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว.กลุ่มพันธุ์ใหม่ แสดงจุดยืน ไม่ร่วมสังฆกรรมในการแต่งตั้งองค์กรอิสระ รวมถึงการวอล์คเอาต์ออกจากห้องประชุม เป็น สิทธิของ สว.เสียงข้างน้อยในระบอบประชาธิปไตย แต่การไม่เข้าร่วมประชุม ไม่ทำให้มติที่ประชุมเสียงข้างมากสูญเปล่า

ดร.ณัฏฐ์สรุปว่า แม้ในอนาคตจะมีคำพิพากษาเพิกถอนสิทธิของ ส.ว.ที่ถูกกล่าวหา แต่ มติที่ได้กระทำไปในขณะยังมีอำนาจ ยังคงมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายมหาชน ไม่มีผลย้อนหลังมาลบล้างมตินั้นได้

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ชง 'วุฒิสภา' เปิดอภิปรายด่วน ศึกษาผลกระทบ 'ภาษีทรัมป์'

กมธ.เศรษฐกิจฯ วุฒิสภา จ่อชงเปิดอภิปรายด่วน ห่วงขึ้นภาษีนำเข้า 36% จากสหรัฐ กระทบคนไทยวงกว้าง เตือนรัฐบาลอย่ารีบยอม ย้ำเจรจาต่อรองต้องคำนึงผลประโยชน์ของประเทศสูงสุด

กูรูใหญ่อึ้ง! เหตุใดรัฐบาลไม่ยื่นศาลเพิกถอนคำสั่ง ‘แพทองธาร’ หยุดปฎิบัติหน้าที่

กูรูใหญ่ แปลกใจเหตุใดรัฐบาลไม่ยื่นศาลรธน.เพิกถอนคำสั่งให้นายกฯ แพทองธารหยุดปฏิบัติหน้าที่ ทั้งที่ประเทศอยู่ในภาวะวิกฤตความมั่นคง

ดร.ณัฏฐ์ จี้ กกต.ต้องชัดคดี สว.สีน้ำเงิน อัด 'อนุทิน' เบี่ยงประเด็น

ดร.ณัฏฐ์ ชี้คดีสว.สีน้ำเงิน 117 รายใกล้ครบกำหนด 1 ปีพรุ่งนี้ ระบุ กกต.ควรสร้างความชัดเจนต่อสังคม ป้องกันข้อสงสัยและรักษาความน่าเชื่อถือของกระบวนการเลือกตั้ง พร้อมตั้งข้อสังเกตกรณี “อนุทิน” ออกมาเคลื่อนไหวอาจเป็นก