“ดร.ณัฏฐ์ วงศ์เนียม” ชี้คำร้องกลุ่ม ส.ว. ปมคลิปเสียง “แพทองธาร–ฮุนเซน” ยังไกลข้อเท็จจริง ไม่เข้าข่ายจงใจผิดจริยธรรมร้ายแรง ซัดเป็นกลยุทธ์การเมืองหวังเปลี่ยนผู้นำกลางศึก ศาลต้องชั่งน้ำหนักตามหลักกฎหมายและความเป็นธรรม
22 มิถุนายน 2568 - สืบเนื่องจาก พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา ประธาน กมธ.ทหารและความมั่นคงแห่งรัฐ วุฒิสภาและกลุ่ม สว.สีน้ำเงิน แถลงต่อสื่อมวลชนที่ผ่านมาเพื่อแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ปมคลิปเสียงสนทนาระหว่างสมเด็จฮุนเซน ประธานพฤฒิสภาและอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดยอ้างอิงฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญมาตรา 1 รวมถึงระบุกรณีตำหนิ แม่ทัพภาค 2 ที่ว่า คนละฝ่ายกับรัฐบาล สร้างความแตกแยกคนในชาติและเข้าข่ายไม่ซื่อสัตย์สุจริตและละเมิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นั้น ล่าสุด มีเอกสารคำร้องว่อนเน็ต เผยแพร่ผ่านสื่อ นายมงคล สุรัจสัจจะ ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสมาชิกสภาพความเป็นนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงหรือไม่และส่งหนังสือให้ ปปช.ไต่สวนกรณีละเมิดจริยธรรมและคดีอาญาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมายนั้น ขอให้พิจารณาวินิจฉัยต่อศาลรัฐธรรมนูญ ระหว่าง ประธานวุฒิสภา ผู้ร้องและนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เผยแพร่ผ่านสื่อนั้น
ล่าสุด “ดร.ณัฏฐ์” หรือ ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม นักกฎหมายมหาชน ได้ให้ความเห็นเพื่อประโยชน์สาธารณะว่า การย้อนเกล็ดแสบและเอาคืนของ สว.กลุ่มสีน้ำเงินกับพรรคเพื่อไทย แกนนำรัฐบาล พุ่งเป้าเปลี่ยนม้ากลางศึก ในช่วงรัฐบาลสั่งคลอนปมคลิปฉาว ในมิติทางกฎหมายมหาชน รัฐธรรมนูญเปิดช่อง ส.ส.หรือ สว.หรือ องค์กร กกต. ใช้อำนาจในการตรวจสอบสถานะสมาชิกภาพภายหลังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ โดยวิธีการ ส.ส.หรือ สว.จำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบ มีสิทธิเข้าชื่อร้องต่อประธานสภาที่ตนเป็นสมาชิกว่าสมาชิกภาพของนางสาวแพทองธาร ชินวัตรนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง(4) ประกอบมาตรา 160 (4) (5) และให้ประธานสภาแห่งนั้น ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย เป็นไปตามกลไกรัฐธรรมนูญ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสามประกอบรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคหนึ่ง
ดร.ณัฏฐ์ อธิบายว่า รัฐธรรมนูญได้กำหนดหน้าที่และอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญไว้ในมาตรา 210 วรรคหนึ่ง แต่การที่จะรับคดีไว้พิจารณาหรือไม่ เป็นไปตามมาตรา 7 (9) ประกอบมาตรา 41 แห่ง พรป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561
ในการพิจารณาว่าจะรับคำร้องไว้หรือไม่ เป็นไปตามมาตรา 49 แห่ง พรป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 ศาลจะแต่งตั้งองค์คณะตุลาการไม่น้อยกว่า 3 คน เป็นผู้พิจารณาก็ได้ โดยมีกรอบเวลาให้หน่วยธุรการส่งเรื่องให้คณะตุลาการภายใน 2 วันนับแต่หน่วยธุรการรับคำร้องตามข้อกำหนดศาล โดยให้คณะตุลาการตรวจคำร้องภายใน 5 วันนับแต่วันที่ได้รับเรื่อง หากไม่รับคำร้อง ให้เสนอต่อศาลพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 5 วัน แต่กรณีไม่แต่งตั้งคณะตุลาการ บัญญัติในมาตรา 49 วรรคห้า ให้ศาลพิจารณาแล้วสั่งว่าจะรับคำร้องหรือไม่ภายใน 5 วันนับแต่วันที่หน่วยธุรการศาลได้รับคำร้อง
ส่วนศาลจะรับคำร้องหรือไม่ ประเด็นสมาชิกภาพความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลง พรป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มิได้มีบทบังคับให้ศาลต้องรับไว้พิจารณาเว้นแต่ประธานวุฒิสภาส่งความเห็นเป็นไปตามมาตรา 41 วรรคสอง (1) - (9) อาทิ ประธานวุฒิสภาส่งความเห็นของสมาชิกในร่างกฎหมาย-ความชอบด้วยกฎหมาย พรก. ร่าง พรบ.ที่ต้องยับยั้งไว้ ร่างข้อบังคับการประชุม ร่างรัฐธรรมนูญเพิ่มเติม เป็นต้น
ดร.ณัฏฐ์ อธิบายว่า คำร้องจาก สว.กลุ่มสีน้ำเงิน สารตั้งต้นจากพยานวัตถุ เป็น “คลิปลับการสนทนาระหว่างนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย กับนายฮุน เซน ประธานพฤฒิสภาและอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา” ผ่านล่ามกัมพูชา
ประเด็นสำคัญ เนื้อหาการสนทนาทั้งสองฝ่ายผ่านล่าม ส่งผลให้ไทยเสียดินแดนหรือไม่ เป็นสาระสำคัญแห่งคดี ซึ่งจะนำมาพิจารณาว่า จงใจปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่ ซึ่งเกี่ยวข้องคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธารฯ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) (5)
หากฟังเนื้อหาคลิปบทสนทนา 17 นาทีเศษ พบว่า เป็นการพูดคุยเกี่ยวกับผิดข้อตกลงในการเปิดปิดชายแดน ทำให้เกิดความไม่พอใจของฝ่ายนายฮุน เซน อดีตผู้นำกัมพูชาและเป็นบิดาของนายฮุน มาเนตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา
ดร.ณัฏฐ์ อธิบายอีกว่า ประเทศไทยใช้ระบบรัฐสภาแบ่งอำนาจ 3 ฝ่าย นิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ โดยฝ่ายนิติบัญญัติในระบบรัฐสภาเป็นใหญ่ แตกต่างจากระบบประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาที่ฝ่ายบริหารเป็นใหญ่ เหตุเป็นเช่นนี้ เพราะการตรวจสอบถ่วงดุลในการบริหาร กำกับและควบคุมโดยรัฐสภา สนธิสัญญา ข้อตกลงพรมแดมระหว่างประเทศ รัฐธรรมนูญกำหนดให้รัฐสภามีมติเห็นชอบก่อน ถึงจะผูกพันรัฐ
การพูดคุยในระดับผู้นำหรือตัวแทนของทั้งสองประเทศ จะมีผลผูกพันหรือไม่ ต้องยึดหลักรัฐธรรมนูญ
แม้นางสาวแพทองธารฯ นายกรัฐมนตรี จะไปพูดคุยเจรจาลับอย่างไรในทางการทูต หรือเป็นการรู้จักเป็นการส่วนตัว ย่อมไม่มีผลผูกพันต่อรัฐ เพราะยังไม่ผ่านมติความเห็นชอบจากรัฐสภา ตามบทสนทนาบางส่วน เป็นการคาดคะเนของกลุ่ม สว.สีน้ำเงิน แม้ พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา ประธาน กมธ.ทหารและความมั่นคงแห่งรัฐ วุฒิสภา แถลงข่าว เล่นใหญ่ แต่เฉพาะอำนาจกรรมาธิการทหารฯ รัฐธรรมนูญไม่ได้บัญญัติให้มีอำนาจยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ จึงใช้กลเกมรวบรวมรายชื่อสมาชิกวุฒิสภาหนึ่งในสิบเข้าชื่อยื่นคำร้องต่อประธานวุฒิสภา มาตรา 82 วรรคหนึ่ง โดยมีเป้าหมายให้นางสาวแพทองธารฯหยุดปฏิบัติหน้าทีและการส่งคำร้องให้ ปปช.เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง เป้าหมายประหารชีวิตทางการเมือง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 235 วรรคหนึ่ง(1),วรรคสี่
ดร.ณัฏฐ์ กล่าวอีกว่า ส่วนคำว่า “ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์” และ “ไม่มีพฤติกรรมฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง” ซึ่งเป็นคุณสมบัติรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160(4) (5) ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยที่ 21/2567 ในคดีนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ไว้เป็นบรรทัดฐาน
คำว่า “ซื่อสัตย์สุจริตหรือไม่” พิจารณาจากพฤติกรรมการกระทำ “กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา”
คำว่า “จริยธรรม” โดยเงื่อนไขได้กำหนดในมาตรฐานจริยธรรม ปี 2561 ในหมวด 1 ข้อ 7 ข้อ 8 ข้อ 9 และข้อ 27 โดยให้ถือว่าฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง
บทสนทนาที่ถูกนำมาเปิดเผย “ไม่อยากให้ uncle (อา/ลุง) ไปฟังคนที่เป็นฝ่ายตรงข้ามกับเรา เพราะพอฝั่งตรงข้ามอย่างแม่ทัพภาคสอง เป็นคนของฝั่งตรงข้ามหมดเลย ซึ่งพอเป็นฟังนั้น ทำให้ท่านไม่สึกไม่ชอบใจหรือโกรธ เพราะจริงๆไม่ใช่ความตั้งใจของเราเลย เพราะทางนั้นเขาอยากจะดูเท่ห์ เขาจะพูดอะไรออกมาไม่เป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติ จริงๆเราต้องการ คือความต้องการสงบสุขให้เกิดขึ้นเหมือนตอนก่อนที่จะปะทะกันตรงชายแดน” หากฟังทั้งหมด ไม่มีเนื้อหาส่วนใด ทำให้เสียอาณาเขต แต่การสนทนาพูดคุยถึงฝ่ายปฏิปักษ์ทางการเมือง แม้ภายหลังนางสาวแพทองธารฯจะแก้ตัวว่า คำว่า ฝ่ายตรงข้าม หมายถึง ไทย-กัมพูชา ฝ่ายตรงข้ามก็ตาม และเหตุผลที่พูดคุยเป็นเทคนิคการเจรจาประการหนึ่งในเชิงขอร้องประนีประนอมและประเด็นเปิดปิดด่าน ยังไม่ได้ตกลงด้วยเพราะต้องไปหารือในส่วนที่เกี่ยวข้อง”หากพิจารณาเนื้อหา หว่านล้อม ปรับทุกข์ โดยไม่มีข้อความใด ระบุ นางสาวแพทองธารฯ อนุญาตหรือยินยอมให้กัมพูชารุกล้ำเขตชายแดนไทย
ดร.ณัฏฐ์ อธิบายว่า กลยุทธ์การพูดคุย ไม่ถึงขนาดนำความลับของชาติมาเปิดเผย เป็นข้อเท็จจริงที่ไกลเกินกว่าเหตุ แม้จะมีพฤติกรรมหว่านล้อม โดยภายหลังอ้างว่า เป็นการพูดคุยกันส่วนตัวเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศก็ตาม โดยวิธีการเจรจาพูดคุยไม่ต้องการสงคราม โดยเฉพาะฝ่ายกัมพูชายื่นคำร้องต่อศาลโลกให้พิจารณา แต่หากฟังการสนทนามุ่งให้เปิดพรมแดนให้เวลาตรงกัน โดยฝ่ายกัมพูชายอมถอนกำลังทหารแลกเปิดด่าน แต่ภายหลังไม่ยอมทำตามข้อตกลง
ข้อเท็จจริงเพียงเท่านี้ ยังไม่อาจรับฟังการกระทำโดยจงใจปฏิบัติหน้าที่โดยไม่สุจริตและยังไม่อาจถึงเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 219 ประกอบ พรป.ปปช.มาตรา 172 และมาตรฐานจริยธรรมฯปี 2561 หมวด 1 ที่นำมาใช้กับคณะรัฐมนตรีด้วย
ส่งผลให้คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามความเป็นรัฐมนตรี ยังไม่สิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160(4)(5)ประกอบมาตรา 170 วรรคหนึ่ง(4) ,มาตรา 167(1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8575/2563 วินิจฉัยว่า การแอบบันทึกข้อความการสนทนาทางโทรศัพท์ เป็นการกระทบการเทือนต่อสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล เป็นการแสวงหาพยานหลักฐานโดยมิชอบ ต้องห้ามมิให้ศาลรับฟัง ตาม ป.วิอาญามาตรา 226 เป็นบทตัดพยานหลักฐานของเจ้าพนักงานของรัฐเพื่อคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน มิให้เจ้าพนักงานของรัฐแสวงหาพยานหลักฐานโดยมิชอบ แต่ ป.วิอาญามาตรา 226 ไม่ได้บัญญัติห้ามมิให้นำไปใช้กับการแสวงหาพยานหลักฐานของบุคคลธรรมดา จึงนำไปใช้กับผู้เสียหายที่เป็นเอกชนได้ พยานหลักฐานที่แสวงหาได้มาโดยมิชอบ รับฟังได้หรือไม่ ตาม ป.วิอาญามาตรา 226/1 เป็นบทยกเว้นให้ศาลใช้ดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานที่ได้มาโดยมิชอบ กรณีละเมิดสิทธิบุคคลมีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองสิทธิประชาชน จึงรับฟังอย่างระมัดระวังและต้องพิจารณาถึงพฤติการณ์ทั้งปวงแห่งคดีโดยคำนึงถึงปัจจัยต่างๆที่กฎหมายกำหนดไว้ โดยพิจารณาผลเสียที่กระทบระบบงานยุติธรรมทางอาญาหรือสิทธิของประชาชนมากกว่า บันทึกการสนทนาและข้อความถอดเทปไม่อาจรับฟังได้ ตาม ป.วิอาญา มาตรา 226 ประกอบมาตรา 226/1”
ดร.ณัฏฐ์ อธิบายว่า การที่นางสาวแพทองธารฯ ยอมรับเสียงว่า เป็นของตนเอง แต่ถูกตัดต่อ ตัดทอนข้อความเพื่อประโยชน์การเมืองระหว่างประเทศ สร้างคะแนนนิยมให้แก่ตนเอง เป้าหมายเพื่อบีบบังคับให้เปิดพรมแดนติดต่อกัน ย่อมเป็นการได้มาซึ่งพยานหลักฐานโดยมิชอบ และเป็นการนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ตามพรบ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14(1) การรับฟังคลิปบทสนทนา จึงทำให้มีน้ำหนักน้อย มีผลต่อการที่ศาลรัฐธรรมนูญจะสั่งให้นางสาวแพทองารฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 วรรคสอง โอกาสน้อยเพราะศาลต้องพิจารณาจากเนื้อหาแห่งคำร้องและความที่ปรากฎ
ข้อเท็จจริงตามคำร้องยังไกลเกินเหตุ บทคลิปสนทนามีน้ำหนักรับฟังน้อย แต่พฤติกรรมพูดจาหวานล้อม เป็นเพียงเทคนิคการเจรจา ไม่ได้มีเจตนาสร้างความแตกแยกภายในประเทศและไม่มีเจตนานำความลับไปขายหรือส่งผลให้ไทยเสียดินแดน พฤติกรรมยังไม่เข้าเกณฑ์เป็นการจงใจใช้อำนาจทำให้เสียหายแก่รัฐ ไม่ได้มีเจตนาเล็งเห็นผลว่า ทำให้รัฐเกิดความเสียหายจึงไม่เข้าเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ คำว่า “ขาดความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ” และไม่มีพฤติกรรมฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160(4)(5) ประกอบมาตรา 170 วรรคหนึ่ง(4) และมาตรา 167(1)
ดร.ณัฏฐ์ อธิบายอีกว่า อีกประเด็นหนึ่ง นายมงคลฯประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องให้ ปปช.ไต่สวนเพื่อให้ดำเนินคดีอาญาและละเมิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง เป้าหมาย ถูกเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้ง ประหารชีวิตทางการเมือง แต่หากฟังได้ว่า ไม่ได้จงใจใช้อำนาจโดยมิชอบ อันเป็นการกระทำฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ หากศาลรัฐธรรมยกคำร้องหรือไม่รับคำร้องไว้วินิจฉัย ข้อกล่าวหาร้ายแรงที่ยื่น ต่อ ปปช.ย่อมตกไปเช่นกัน
กรณีนายไพศาล พืชมงคล เผยข้อมูลว่าให้จับตามศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้นายกรัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่ ลีลามือกฎหมายชั้นครู ฟากกลุ่มสีน้ำเงิน เขียนคำร้องชั้นยอดคิดอ่านวางแผนนั้น
ดร.ณัฏฐ์ อธิบายว่า ขอให้พี่น้องประชาชนฟังข่าวสารอย่างมีสติ ให้ยึดหลักกฎหมาย อย่าไปหลงเชื่อสิ่งที่คาดคะเน ไม่ตรงต่อความเป็นจริง เพราะองค์คณะศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาคดียึดหลักกฎหมายและความเป็นธรรมทุกฝ่าย ทั้ง คำว่า “หากปรากฏอันควรสงสัยว่าผู้ถูกร้องมีกรณีตามที่ถูกร้อง” เป็นเกณฑ์ในการสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 วรรคสอง จะต้องปรากฎพยานหลักฐานชัดแจ้งมีน้ำหนักพอควร แม้กลุ่ม สว.สีน้ำเงินใช้ช่องนี้ กลเกมรัฐธรรมนูญแก้เกม แต่คดีร่วมกันทุจริตการเลือก สว. ทั้งนายมงคล ฯประธานวุฒิสภา ถูกกล่าวหาทุจริตการเลือก สว.เช่นกัน เนื้อหาแห่งคำร้องเป็นกรณีปฏิปักษ์ต่อกัน เป็นการขว้างงูไม่พ้นคอ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
หยิกเล็บเจ็บเนื้อ! 'ภท.-พท.' โต้เดือดพัวพัน 'เบน สมิธ'
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า กรณีเบน สมิธ : ภูมิใจไทย-เพื่อไทย หยิกเล็บเจ็บเนื้อ
เพื่อไทยกระอัก! 'อนุทิน' ย้อนเจ็บ มีภาพคู่ทักษิณเยอะ ไม่เห็นมีปัญหา
"อนุทิน" เหน็บ "สุริยะ-โฆษกเพื่อไทย" ไม่รู้เรื่องอะไรเพราะไม่ได้ร่วมวง การสนทนาสำหรับผมต้องระดับสูงขึ้นไป ย้อนเจ็บภาพถ่ายคู่ทักษิณก็มีตั้งเยอะ ไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลย
โฆษกภูมิใจไทย โต้เดือด โทรโข่งเพื่อไทยแกล้งตาบอด ไม่เห็นภาพทักษิณกับเบน สมิธ
โฆษกภูมิใจไทย สวนโฆษกเพื่อไทย อย่าแกล้งตาบอด ปีนี้ใครถ่ายรูปกับ "เบน สมิธ" ยัน "อนุทิน" แค่รู้จักแต่ไม่สนิท ผลงานประจักษ์ยึดทรัพย์หมื่นล้านสแกมเมอร์รายใหญ่ บีบพ้น มท.1 เหตุไม่ให้สัญชาติใครหรือไม่ เย้ย 4 เดือนใครบริหารน้ำท่วมเหลว ขณะที่ "2 เดือน" นายกฯอนุทิน" เข้ามาแก้วิกฤติ
เพื่อไทย เปิดตัว 'อดีตปลัด ก.เกษตร' ลงสนามชนบ้านใหญ่ 'ศิลปอาชา'
พท.เปิดตัว “ประยูร อินสกุล” อดีตปลัด ก.เกษตรฯ ลงสนามชนบ้านใหญ่ “ศิลปอาชา” ไม่ฟันจะปักธงเมืองสุพรรณได้หรือไม่ ชี้ขึ้นกับ ปชช. อ้อนกาเพื่อไทยทั้งคนทั้งพรรค
เทนนิสตั้งเป้า4เหรียญทองซีเกมส์ 'ดร.ณัฏฐ์'ชื่นชมการบริหารงานสมาคมฯ
ดร.ณัฏฐ์ ธีรณัฐสุภานนท์ ประธานมูลนิธิกองทุนพัฒนาการกีฬา มอบกำลังใจทีมเทนนิสซีเกมส์ของไทย หลังชมการฝึกซ้อม ที่ทางสมาคมกีฬาลอนเทนนิสฯ ตั้งเป้าหมายไว้ 4 เหรียญทอง ชมเปาะสมาคมฯ มีการบริหารจัดการที่ยอดเยี่ยม พร้อมแนะแนวทางในการประชาสัมพันธ์ซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ควรเร่งเครื่องให้คนไทยได้ร่วมรับรู้ เพื่อมาชมและเชียร์ เป็นการให้กำลังใจนักกีฬามากกว่านี้
'เทพไท' ชี้ 5 ปัจจัยทำเพื่อไทยยึกยักสางแค้นซักฟอกรัฐบาล
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์คลิปพร้อมเนื้อหา


