
1 ก.ค. 2568- นายปริเยศ อังกูรกิตติ โฆษกพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ล่าสุด ว่า เป็นการปรับเพื่อแก้ปัญหาทางการเมืองภายในพรรคร่วมรัฐบาลเป็นหลัก มากกว่าจะตอบโจทย์ปากท้องของประชาชน โดยเฉพาะกรณีการบีบพรรคภูมิใจไทยให้ออกจากรัฐบาล แต่สุดท้ายพรรคเพื่อไทยกลับไม่ได้กระทรวงเพิ่มเติมที่มีนัยสำคัญ นอกจากกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงแรงงาน
ส่วนกระทรวงสำคัญอื่นๆ ส่วนใหญ่ตกไปอยู่ในมือของพรรคร่วมรัฐบาล ทำให้เห็นชัดว่าการจัดสรรตำแหน่งใน ครม. ชุดใหม่นี้ ไม่ได้คำนึงถึงการขับเคลื่อนงาน เพื่อประชาชนอย่างแท้จริง
สำหรับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่มีบุคคลในครอบครัวของ สส.พรรคไทยสร้างไทยได้รับการแต่งตั้งนั้น พรรคขอยืนยันอย่างชัดเจนว่า ไม่เกี่ยวข้องกับพรรคไทยสร้างไทย และไม่ใช่โควต้าทางการเมืองของพรรคแต่อย่างใด เพราะตำแหน่งดังกล่าวเป็นโควต้าของพรรคเพื่อไทยโดยตรง ซึ่งนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทยเป็นผู้ตัดสินใจ โดยไม่ฟังเสียงทักท้วงจาก สส.ภายในพรรคตัวเอง โดยเฉพาะกลุ่ม สส.อีสานที่ต้องการเข้าไปมีบทบาทในฐานะฝ่ายบริหารบ้าง หรือนายกรัฐมนตรีเห็นว่า บุคลากรในพรรคตัวเอง ไม่มีความเหมาะสม จะทำหน้าที่ในกระทรวงด้านเศรษฐกิจ ก็เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ เพราะพรรคเพื่อไทยเคยประกาศชัดว่า มีความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจมาตลอด
ดังนั้น พรรคไทยสร้างไทย ยืนยันจุดยืนชัดเจนตั้งแต่ต้นว่า เป็นฝ่ายค้าน และไม่เคยมีแนวคิดหรือท่าทีว่าจะเข้าร่วมรัฐบาล การปรับ ครม.ครั้งนี้ จึงไม่เกี่ยวข้องกับพรรค ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่อย่างไรก็ตาม พรรคตระหนักดีว่า มีสมาชิกบางคนของพรรค ที่แสดงท่าทีสนับสนุนรัฐบาลอย่างเปิดเผย ซึ่งถือเป็นการขัดกับจุดยืนของพรรคอย่างรุนแรง แต่บุคคลเหล่านั้น กลับไม่ลาออกจากพรรค และยังใช้ชื่อพรรคในการแสวงหาผลประโยชน์ทางการเมือง
กรณีของนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ ซึ่งเป็น สส.บัญชีรายชื่อของพรรคไทยสร้างไทย ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่พรรคเห็นว่า ควรแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่ง เพื่อให้สามารถเดินเส้นทางการเมืองกับพรรคใหม่ในฝั่งรัฐบาลได้อย่างเปิดเผย และเป็นอิสระ ไม่ต้องอาศัย หรือแอบอ้างชื่อพรรคไทยสร้างไทยอีกต่อไป เพราะพรรคไทนสร้างไทยเชื่อว่า การเมืองควรตรงไปตรงมา และควรมีความรับผิดชอบต่อจุดยืนทางอุดมการณ์ ที่ได้ประกาศกับประชาชน
นายปริเยศ ย้ำด้วยว่า การเมืองที่ต้องพึ่งพาเสียงของงูเห่า หรือบุคคลที่ทรยศต่อพรรคต้นสังกัด นั้น ยากที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนได้ หากไม่เร่งแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง และยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง การดำรงอยู่ของรัฐบาลชุดนี้ อาจไม่ยาวอย่างที่คาดหวัง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กัดกันเหวอะหวะ! เพื่อไทยย้อนพรรคส้ม งัดภาพ ‘ชัยธวัช’ ดอดพบพุทธะอิสระ
กองเชียร์พรรคเพื่อไทยเปิดเกมโต้กลับพรรคประชาชน หลังถูกเหน็บกรณีคณะผู้บริหารร่วมอวยพรวันเกิด “สนธิ ลิ้มทองกุล” งัดภาพเก่า “ชัยธวัช-เลขาฯพรรคก้าวไกล‘ เข้าพบ “หลวงปู่พุทธะอิสระ” พร้อมข้อความย้ำเป็นแค่มารยาททางการเมือง ไม่ได้ยกใครขึ้นเป็นศาสดา
'โฆษก ทสท.' หนุนร่างแก้ รธน. ทลายกฎหมายขวางปากท้อง-ป้องปัญหางูเห่า
นายปริเยศ อังกูรกิติ โฆษกพรรคไทยสร้างไทย เปิดเผยถึงท่าทีของพรรคไทยสร้างไทยต่อการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งสา
'ณัฐพงษ์' จับตาเสียงโหวตในสภาว่า ภท.ละเมิด MOA หรือไม่
'ณัฐพงษ์' ให้รอดูเสียงลงมติในสภา เพื่อพิสูจน์ว่า ภท.ละเมิด MOA หรือไม่ หลังกลุ่มการเมืองทยอยไหลเข้า ยัน 'ปชน.' ไม่ได้เป็นนั่งร้าน พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้าน
'เทพไท' ซัดโผครม.หนู แจกจ่ายสมนาคุณ นอมินี บุคคลมีปัญหาด้านจริยธรรม
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความหัวข้อ ถ้า ครม.ยี้ จะอยู่ไม่ครบ4เดือน มีรายละเอียดดังนี้
'ทสท.' ยกโพลตบหน้า 'รัฐบาลเพื่อไทย' หมดความชอบธรรม คนไทยสิ้นหวัง
'โฆษกไทยสร้างไทย' ชี้โพลสะท้อนความล้มเหลวการเมืองหลังเลือกตั้ง 66 คนไทยรอรัฐบาลใหม่ สิ้นหวังฝ่ายบริหาร 'เพื่อไทย' หมดความชอบธรรมจัดตั้งรัฐบาล
ไทยสร้างไทย อัดรัฐล้มเหลว ละลายงบ เจรจาภาษีสหรัฐฯไร้ผล
8 ก.ค. 2568 - นายปริเยศ อังกูรกิตติ โฆษกพรรคไทยสร้างไทย ตำหนิการทำงานของรัฐบาล กรณีการรับมือกับมาตรการกำแพงภาษีนำเข้าจากสหรัฐอเมริกาภายใต้รัฐบาลของ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ล่าสุดออกจดหมายยืนยันตั้งกำแพงภาษีสินค้าจากไทยในอัตรา 36% โดยเริ่มมีผลวันที่ 1 สิงหาคม 2568


