'ศบ.ทก.' งัดยาแรงตอบโต้เขมร 'รมว.กต.' โชว์จุดยืนไทยเวทียูเอ็นสัปดาห์นี้

‘ศบ.ทก.’ งัดมาตรการตอบโต้ ลุยประท้วงลายลักษณ์อักษร แจ้งปธ.ออตตาวา ปมกัมพูชาละเมิดกม.ระหว่างประเทศ ‘รมว.กต.’ เตรียมโชว์จุดยืนไทยเวทียูเอ็นนิวยอร์ก ซัดผู้นำเขมรคำพูดกับการกระทำย้อนแย้ง

21 ก.ค. 2568 – เมื่อเวลา 12.05 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ในฐานะโฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) แถลงผลการประชุม ศบ.ทก. ถึงการพิสูจน์ทราบทุ่นระเบิด​จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 16 ก.ค. เป็น​ผลมาจากที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารีได้ปฏิบัติการลาดตระเวน​เพื่อคุ้มครองการเสริมสร้างเส้นทางทางยุทธวิธี​จากฐานมรกตไปยังเนิน 481 ซึ่งถือเป็นพื้นที่อธิปไตยของไทย​ ทำให้พลทหารเหยียบกับระเบิด ตามที่ปรากฏเป็นข่าว ยืนยันว่า ทางการไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้มีการจัดหน่วยผู้เชี่ยวชาญด้านทุ่นระเบิดเข้าไปพิสูจน์ทราบ​ โดยในวันที่ 18 ก.ค.หน่วยดังกล่าวได้สำรวจและพิสูจน์ทราบว่า ในพื้นที่เกิดเหตุอยู่ห่างจากเส้นปฏิบัติการ 130 เมตร โดยจุดวางทุ่นระเบิดอยู่บนเส้นทางลาดตระเวนของฝ่ายไทยที่เป็นการปฏิบัติตามปกติ ซึ่งการลาดตระเวนทางฝ่ายไทยมีการดำเนินการตามปกติ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในถือเป็นเหตุสุดวิสัย

พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า หน่วยพิสูจน์ทราบได้พิสูจน์ทราบว่า หลุมระเบิดที่เกิดเหตุนั้นมีความกว้าง 69 เซนติเมตร (ซม.) ลึก 23 ซม. หน่วยชุดพิสูจน์ทราบได้พบเศษวัตถุระเบิดชนิด PM​N​ 2 และพบทุ่นระเบิดเพิ่มอีก 2 จุด​ จากการพิสูจน์ทราบ โดยจุดแรกอยู่ห่างจากต้นพญาสัตบรรณราว 50 เมตร ใกล้คูเลตที่ทางทหารกัมพูชาเคยขุดไว้ ซึ่งเป็นกรณีพิพาทระหว่างกัน ตรวจพบอีก 3 ทุ่น​ ส่วนจุดที่ 2 พบ​เพิ่มอีก 5 ทุ่น​ ห่างจากจุดแรกประมาณ 100 เมตร​ รวมทั้งหมดในการพิสูจน์ทราบ เจอทั้งหมด 7 ทุ่น ซึ่งจากการตรวจพบทุ่นระเบิดยืนยันว่า​ ทั้งหมดเป็นระเบิดใช่ใหม่ PM​N​ 2 มีสภาพใหม่พร้อมทำงาน ปรากฏตัวอักษรชัดเจนบริเวณด้านข้างทุ่นระเบิด ซึ่งทุ่นระเบิดชนิดนี้ประเทศไทยและกองทัพไทยไม่มีอยู่สารบบยุทโธปกรณ์ ขณะเดียวกัน หลักฐานที่ชัดเจน ยังไม่มีวัชพืชหรือรากไม้ขึ้นปกคลุม และพบร่องรอยของการขุดเพื่อวางทุ่นระเบิด

ท้ั้งนี้ ในปี 65 กองทัพได้ดำเนินการกวาดล้างทุ่นระเบิดในพื้นที่บริเวณช่องบก โดยตรวจไม่พบทุ่นระเบิด​ PM​N​ 2 แต่​อย่างใด​ ซึ่งเป็นสิ่งบ่งบอกว่า ระเบิดชนิดนี้เป็นระเบิดใหม่ และประเมินได้ว่า PM​N​ 2 ที่ตรวจพบเป็นการวางหลังจากเกิดเหตุปะทะเมื่อวันที่ 28 พ.ค.68 ที่ผ่านมา​ และวันที่ 20 ก.ค.68 ตรวจพบทุ่นระเบิดอีก 2 จุด โดยเป็นระเบิดชนิด PM​N​ 2 เช่นเดียวกัน ห่างจากหลุมระเบิดที่เกิดเหตุ ประมาณ 20-30 เซนติเมตร ชี้ชัดว่า มีการวางใหม่เพิ่มเติมอีก โดยเป้าหมายเพื่อสังหารบุคคลและเป็นการละเมิดอนุสัญญาออสตาวาอย่างชัดเจน เป็นการรุกล้ำอธิปไตยของไทย

พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าว กองทัพได้ยกระดับมาตรการการปฏิบัติที่เข้มข้นขึ้น​ โดยหน่วยในพื้นที่ได้รับคำสั่งให้เพิ่มความระมัดระวังในการลาดตระเวน และมีการเตรียมความพร้อมสูงขึ้น​ตามหลักการปฏิบัติของกฎการใช้กำลังของกองทัพ ซึ่งศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ โดยกองทัพไทยได้ออกหนังสือประณามการกระทำดังกล่าวอย่างชัดเจน​ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา และจะยังคงติดตามและมีมาตรการเพิ่มเติม​ นอกจากนี้ กองทัพยังมีวาระที่จะเชิญผู้ช่วยทูตฝ่ายทหาร รวมถึงผู้แทนกองทัพจากประเทศต่างๆ​ มารับฟังคำชี้แจงเพื่อรับทราบข้อเท็จจริงในเร็วๆ นี้

ส่วนกรณีประสาทตาเมือนธม​ ทางฝ่ายไทยและกัมพูชาได้ร่วมหารือเพื่อหามาตรการในการบริหารจัดการ​ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์​กระทบกระทั่งระหว่างนักท่องเที่ยวทั้งสองฝ่าย โดยมีการกำหนดมาตรการ​ หากมีปัญหาจากนักท่องเที่ยวเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวชาติใด ให้เจ้าหน้าที่ชุดประสานงานของชาตินั้นเป็นผู้จัดการ​ โดยจะเชิญตัวนักท่องเที่ยวออกจากพื้นที่ สำหรับกรณีที่มีปัญหาในพื้นที่ ให้ชุดประสานงานในพื้นที่ซึ่งแต่ละฝ่ายจัดกำลัง 7 นาย เป็นผู้ดำเนินการในการแก้ไขปัญหา ไม่มีการเรียกชุดกำลังเสริม​ หรือชุดอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องมาเพิ่มเติม​ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการเผชิญหน้า ซึ่งเป็นการลดการเผชิญหน้าของทั้งสองฝ่าย รวมไปถึงขอให้ทั้งสองฝ่ายได้ดำเนินการคัดกรองนักท่องเที่ยวของแต่ละฝ่ายก่อนที่จะขึ้นมาเยี่ยมชมปราสาทตาเมือนธม ขอยืนยันว่า มาตรการทั้ง 3 มาตรการมีผลบังคับใช้แล้ว ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องต้องกันในการดำเนินการ พร้อมกำหนดมาตรการเพิ่มเติม จัดชุดอาสาสมัครและทหารพรานหญิงมาอำนวยความสะดวกเพิ่มเติม

พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า ทาง ศบ.ทก.ยืนยันที่จะนำเสนอข้อเท็จจริงให้ประชาชนได้รับทราบ ซึ่งในเรื่องของการหาข้อเท็จจริงต่างๆ อาจจะต้องใช้เวลาตรวจสอบ ต้องขอขอบคุณประชาชนที่มีความอดทนอดกลั้นมาโดยตลอด เพื่อรับฟังข้อเท็จจริงจาก ศบ.ทก. โดยท้ายที่สุดแล้วเป้าหมายของเราคือ สันติภาพของภูมิภาค ทั้งไทยและกัมพูชาเป็นประเทศเพื่อนบ้านกัน เราไม่สามารถแยกออกจากกันได้ อย่างไรก็ตาม การพูดคุยเจรจาน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ซึ่งเราพยายามกดดันไปทางกัมพูชามาสู่การเจรจาแบบทวิภาคีร่วมกันให้ได้เร็วที่สุด สิ่งสำคัญทางศบ.ทก. ตระหนักดีว่า ประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้อง เราจะต้องแยกออกจากปัญหาที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ ผลกระทบต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับประชาชน ทั้งตามแนวชายแดนและผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องทั้งหลาย เราเล็งเห็นว่า เขาได้รับผลกระทบ ฉะนั้น มาตรการต่างๆ ที่ ศบ.ทก.ออกมาต้องไตร่ตรองอย่างละเอียด เพราะฉะนั้น จะมีผลกระทบกับประชาชนอย่างรุนแรง ตนขอวิงวอนและฝากไปยังประชาชนให้ดำรงด้วยความอดทนอดกลั้น เรากำลังดำเนินการแก้ไขปัญหานี้อย่างโดยเร็ว

ด้านนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า กรณีกำลังพลของกองทัพบก 3 นาย ที่ลาดตระเวนปกติในดินแดนของไทยบริเวณช่องบก จ.อุบลราชธานี และประสบเหตุเหยียบกับระเบิดเมื่อวันที่ 16 ก.ค. ส่งผลให้มีทหาร 1 นายได้รับบาดเจ็บรุนแรงนั้น โดยที่ประชุม ศบ.ทก.ได้หารือและได้รับรายงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยืนยันว่า ทุ่นระเบิดสังหารที่ตรวจพบไม่มีการใช้และไม่ได้อยู่ในคลังอาวุธของไทย เป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ เมื่อประกอบกับประมวลข้อมูลและจากหลักฐานอื่นๆ จากฝ่ายความมั่นคง ก็นำไปสู่ข้อสรุปได้ว่า เป็นการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลโดยฝ่ายกัมพูชาซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง โดยกระทรวงการต่างประเทศได้ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 20 ก.ค. และ

ขอย้ำอีกครั้งว่า รัฐบาลไทยขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลโดยฝ่ายกัมพูชา ซึ่งเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย เป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักการพื้นฐานที่สำคัญของกฎหมายระหว่างประเทศที่ระบุไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ อีกทั้งเป็นการกระทำที่ละเมิดต่อพันธะกรณีภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อนุสัญญาออสตาวาอย่างชัดเจน ได้แก่ 1.การมีอยู่ซึ่งทุ่นระเบิดนั้น 2.การวาง ซึ่งเป็นการนำไปใช้ในทางที่ผิด ดังนั้น เพื่อรักษาท่าทีและผลประโยชน์ของไทยในเวทีระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศจะดำเนินการ ดังต่อไปนี้ คือ

กระทรวงการต่างประเทศจะประท้วงอย่างเป็นทางการกรณีที่เกิดขึ้นเป็นลายลักษณ์อักษรไปยังฝ่ายกัมพูชา เนื่องจากเป็นการละเมิดอธิปไตย หลักกฎหมายระหว่างประเทศและมนุษยธรรม และพันธะกรณีตามอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล และยังส่งผลให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บถึงขั้นทุพพลภาพ ขณะเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศจะดำเนินการตามกระบวนการของอนุสัญญาออตตาวา ตามพันธะกรณีของไทย ที่เป็นรัฐภาคีที่มีความรับผิดชอบต่อประชาคมระหว่างประเทศ ที่จะต้องแจ้งการละเมิดอนุสัญญาต่อประธานการประชุมรัฐภาคี ซึ่งปัจจุบันประธานที่อยู่ในวาระคือ ญี่ปุ่น เพื่อนำไปสู่การรับผิดชอบโดยกัมพูชา

นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศจะเดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ให้มิตรประเทศและองค์การต่างๆ รับทราบ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศที่มีมีบทบาทสำคัญต่อภารกิจด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิดของกัมพูชา เช่นญี่ปุ่น นอร์เวย์ รวมถึงองค์การต่างๆ ที่มีบทบาทในเวทีอนุสัญญาออสตาวา และจะมีการจัดการบรรยายสรุปชี้แจงให้คณะทูตประจำประเทศไทยได้รับทราบ และในช่วงสัปดาห์นี้ รมว.การต่างประเทศ ที่อยู่ระหว่างการเดินทางเข้าร่วมการประชุมเวทีหารือทางการเมืองระดับสูงว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน ที่สำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติ นครนิวยอร์ก โดยจะได้พบหารือกับผู้แทนระดับสูงจากประเทศต่างๆ จะใช้โอกาสนี้ยืนยันจุดยืนของไทยต่อประชาคมโลก โดยเฉพาะหลักการของไทยที่มุ่งเน้นการแก้ไขแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี การเจรจาภายใต้กรอบทวิภาคี ดังที่แถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศที่ระบุไว้แล้ว ไทยขอเรียกร้องฝ่ายกัมพูชาให้ความร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม ตามแนวชายแดน ตามที่นายกฯของทั้งสองประเทศได้ตกลงกันไว้แล้วภายในกรอบทวิภาคี ทั้งนี้ เพื่อความมั่นคงและปลอดภัยของพื้นที่ และของประชาชนทั้งสองฝ่าย

นางมาระตี กล่าวว่า แม้ขณะนี้เราดำเนินการเหตุการณ์ที่ทหารไทยเหยียบกับระเบิด ซึ่งจะมีมิติด้านความสัมพันธ์ทวิภาคีและการดำเนินการตามกลไก พันธะสัญญาระหว่างประเทศไทย แต่ขอเน้นย้ำว่า ไทยยังยืนยันจุดยืนที่จะเจรจาทวิภาคีกับฝ่ายกัมพูชา เพื่อร่วมกันแก้ไขสถานการณ์ในเวลานี้ผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ โดยเฉพาะเจบีซี อาร์บีซี และจีบีซี ทั้งนี้ ฝ่ายไทยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ฝ่ายกัมพูชาจะให้ความร่วมมือในกรอบเหล่านี้อย่างจริงจังและสุจริตใจ โดยเริ่มจากการเข้าร่วมการประชุมเจบีซีครั้งต่อไปที่มีกำหนดจัดช่วงเดือน ก.ย.นี้ เราเชื่อมั่นว่า จะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ความตึงเครียด อีกทั้งไทยพร้อมที่จะใช้กรอบทวิภาคีอื่นๆ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านความมั่นคงของทั้งสองประเทศ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนของทั้งสองประเทศ

นางมาระตี กล่าวว่า ในช่วงที่สถานการณ์มีความละเอียดอ่อน การสื่อสารในสังคมโดยเฉพาะในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยบุคคลระดับสูงของฝ่ายกัมพูชาที่บางครั้งอาจย้อนแย้งกันเอง และย้อนแย้งทั้งคำพูดและการกระทำ ซึ่งอาจจะนำไปสู่ความเข้าใจผิด สร้างความแตกแยกได้โดยไม่ตั้งใจ จึงขอให้มีการตรวจสอบข้อมูลก่อนนำขึ้นพื้นที่สาธารณะ ขอย้ำว่าการแถลงข้อมูลและการชี้แจงการดำเนินการฝ่ายไทย เราเน้นการสื่อสารผ่านช่องทางทางการที่มีความรอบคอบและมีความถูกต้องของข้อมูลบนพื้นฐานของกฎหมาย เราไม่ได้ดำเนินการเพียงเพื่อให้เกิดความรวดเร็วแต่ไม่ได้สนใจความจริงหรือข้อเท็จจริง หรือเพียงเพื่อให้ได้รับความนิยมตามกระแสสังคมโดยปราศจากความถูกต้องตามหลักการ จึงขอให้สื่อมวลชนและประชาชนตรวจสอบข้อมูลที่ได้รับอย่างรอบคอบ และเชื่อมั่นในเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกหน่วยงานทั้งรัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงที่กำลังทำงานอย่างเต็มที่โดยไม่มีวันหยุด เพื่อให้เกิดความสามัคคีระหว่างคนของเรากันเอง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในยามนี้ รวมถึงการติดตามข้อมูลข่าวสารจากช่องทางทางการและแหล่งที่เชื่อถือได้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศย้ำเจตนารมณ์ของไทยในการส่งเสริม ความร่วมมือภายใต้ยุทธศาสตร์ฟ้าใสในงานพบหารือกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้องที่จังหวัดเชียงราย

นายศรัณย์ เจริญสุวรรณ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมเปิดงานพบหารือกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อขับเคลื่อน ความร่วมมือตามแผนปฏิบัติการร่วมภายใต้ยุทธศาสตร์ฟ้าใส (CLEAR Sky Strategy) ระหว่างไทย สปป.ลาว และเมียนมา

รู้จักน้อยไปจริง! กระทุ้ง 'อนุทิน' เผยตัวตนให้มากขึ้น

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า หรือเรารู้จักท่านนายกรัฐมนตรีน้อยไปจริงๆ

โถ! ทภ.2 เรียกร้องกัมพูชาหยุดวางทุ่นระเบิด ย้ำธำรงความสัมพันธ์ฉันมิตรเพื่อนบ้าน

รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากการรวบรวมหลักฐานเชิงประจักษ์ในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา ที่พื้นที่เกิดเหตุเมื่อปี พ.ศ. 2568

ทรงพลัง! สื่อกัมพูชาทำโพลล์ ‘คนเขมร’ สนับสนุนคว่ำบาตรสินค้าไทยอย่างล้มหลาม

เปืดผลสำรวจของ Khmer Times สื่อภาษาอังกฤษ ภายใต้การกับของรัฐบาลกัมพูชา แสดงให้เห็นถึงการสนับสนุนอย่างล้นหลามต่อการคว่ำบาตรสินค้าไทย หลังจากเหตุการณ์รุ

ผู้คนนับหมื่นประท้วงต่อต้านคอร์รัปชัน ในบัลแกเรีย

เมื่อวันจันทร์ ประชาชนหลายหมื่นคนออกมาเดินขบวนประท้วงรัฐบาลต่อต้านการทุจริตในบัลแกเรีย การเดินขบวนที่จัตุรัสรัฐสภาในกรุงโซเฟีย เมืองหลวงของบัลแกเรีย นับเป็นการชุมนุมครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี ผู้ประท้วงพากันตะโกนว่า “มาเฟีย!” และ “ลาออก!” พร้อมเรียกร้องให้เปลี่ยนรัฐบาล

‘คนจีน’ถึงคราวซวย! เหยียบทุ่นระเบิดเขมร

กองทัพภาคที่ 1 เผยชาวจีนเหยียบทุ่นระเบิดเขมรที่ชายแดนจังหวัดสระแก้ว หลังลักลอบเข้าเมือง ด้านสถานทูตจีนติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด ระบุชายชาวจีนอาการทรงตัว