'ปชน.' ย้ำ ตัดสินใจ หนุน 'อนุทิน' นั่งนายกฯ เพื่อกำกับทิศทางเดินหน้าสู่เลือกตั้งโดยเร็ว บอกไม่เสียใจไปทางนี้ เหตุคำนึงทางออกประเทศมากกว่าคะแนนนิยม-ความเสี่ยงที่เกิดกับพรรคเอง
03 ก.ย. 2568 - พรรคประชาชน นำโดย นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน พร้อมด้วย กรรมการบริหารพรรค แถลงผลการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ซึ่งพรรคประชาชนจะให้ความเห็นชอบแก่นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หากลงนามทำตามเงื่อนไข
โดยนายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาชน ตนเองขอยืนยันต่อประชาชนว่า การตัดสินใจครั้งนี้ของพวกเรา ไม่ได้ตัดสินใจโดยใช้ข้อคิดเห็น หรือความนิยมผลประโยชน์ของภาคประชาชนเป็นตัวตั้ง พวกเราตัดสินใจ โดยมีเป้าหมายเพื่อจะนำพาประเทศไปสู่ทางออกตามวิถีทางของระบบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา ป้องกันอำนาจนอกระบบ เข้าแทรกแซงปลดล็อกการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และคืนอำนาจให้กับประชาชนโดยเร็วที่สุด
นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อว่า การรับฟังความคิดเห็นของสมาชิกปิดระบบไปเมื่อเที่ยงคืนเมื่อวานที่ผ่านมา มีผู้ตอบเข้ามา 25,000 คน ยืนยันว่าทุกองคาพยพของพรรคมีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า เราจำเป็นจะต้องใช้อำนาจในสภาฯ ที่มีอยู่ ผ่าน สส.143 เสียงหาทางออกให้กับประเทศกำกับเดินหน้าสู่การเลือกตั้งใหม่โดยเร็วภายใต้กรอบระยะเวลาที่เหมาะสมและเปิดประตูสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ดังนั้นเมื่อมีเป้าหมายอย่างเดียวกัน เห็นผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศเป็นตัวตั้ง จึงทำให้เราได้ข้อสรุปตามมติของคณะกรรมการบริหารพรรค
นายณัฐพงษ์ ย้ำว่า เวลานี้สิ่งที่สำคัญคือ ต้องเชื่อข่าวสารอย่างเป็นทางการจากผู้มีอำนาจตัวจริง ตอนนี้เกิดการปล่อยข่าวจากหลายส่วนว่าจะมีการยุบสภา จึงทำให้เกิดความไม่แน่นอน พรรคประชาชนตัดสินใจอยู่บนข้อเท็จจริง คนที่มีอำนาจในการยุบสภาจริง ๆ คงต้องเป็นนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี สิ่งที่จำเป็นต้องทำคือ เราต้องการหาทางออกให้กับประเทศ ในกรณีที่มีการทูล เกล้าฯ ให้ยุบสภา จะต้องถามพรรคเพื่อไทย หากทูลเกล้าฯ ไปแล้วจะเกิดสถานการณ์อย่างไรต่อ คงต้องไปถามประธานสภาฯ และต้องถามพรรคภูมิใจไทยว่า จะตอบรับตามเงื่อนไขของพรรคประชาชนหรือไม่ ตนเองและพรรคประชาชนยืนยันมาโดยตลอดว่า รักษาราชการแทนนายกฯ มีอำนาจในการ ยุบสภา แต่พรรคเพื่อไทยจะทำหรือไม่ จะต้องไปทำที่นายภูมิธรรม
ส่วนเหตุผลในการเลือกพรรคภูมิใจไทย นายณัฐพงษ์ ยืนยันว่า ไม่ได้ตัดสินใจว่าทางเลือกใดดีกว่ากัน แต่เราตัดสินใจบนทางออกของประเทศและบนพื้นฐานว่าหลักประกันที่จะทำให้พวกเรามั่นใจในการกำกับรัฐบาลชุดใหม่จะเป็นรัฐบาลที่มุ่งหน้าสู่การยุบสภาจัดทำประชามติเพื่อเปิดช่องให้มีการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หากประเมินตามข้อเท็จจริง พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคการเมืองที่ทำให้พวกเรามองเห็นตามหลักฐานเชิงประจักษ์ได้ว่า จะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยที่ทำให้พรรคประชาชนใช้เสียงของ สส.ในสภาในส่วนที่มีเสียงข้างมากมากกว่า ในฐานะพรรคฝ่ายค้านกำกับทิศทางของรัฐบาลเพื่อมุ่งหน้าไปสู่จุดนั้น
ทั้งสองฝ่าย ณ ตอนนี้มีประวัติการกระทำที่ประชาชนเห็นว่า ใช้อำนาจทำอะไรไม่เป็นผลประโยชน์แก่ประเทศบ้าง แต่สถานการณ์ตอนนี้ถ้าเราเห็นตรงกันว่าสิ่งที่ประชาชนต้องการมากที่สุดคือ การเดินหน้าสู่การเลือกตั้งไปพร้อมกับการเปิดประตูสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ คำถามคือ การที่พรรคประชาชนอยู่เฉย ๆ และไม่เลือกผู้ใดตอนนี้ จะไม่สามารถนำไปสู่จุดนั้นได้ ขณะเดียวกัน 143 เสียงที่พวกเรามีสามารถที่จะกำกับทิศทางให้เดินไปสู่จุดนั้น ได้ ซึ่งมีความเสี่ยงที่พวกเราได้ประเมินมาอย่างรอบคอบและรอบด้านแล้ว การตัดสินใจในครั้งนี้ทุกคนมองออกว่าไม่ได้การตัดสินใจเพื่อคะแนนความนิยม พรรคประชาชนเองมีความเสี่ยงที่พรรคประชาชนจะสูญเสียคะแนนนิยม แต่เราตัดสินใจครั้งนี้เพื่อสร้างทางออกให้กับประเทศจริง ๆ
ดังนั้น การที่เราเขียนเป็นหลักประกันในเงื่อนไขครั้งนี้ เป็นสิ่งที่ทำให้พรรคภูมิใจไทยต้องมีต้นทุนสูงที่สุด หากจะตระบัดสัตย์ต่อประชาชนอีกหนึ่งครั้ง สิ่งที่ประชาชนคนไทยได้ลงโทษต่อพรรคการเมืองที่ตระบัดสัตย์ เราเห็นแล้วว่าเกิดไรบ้าง หน้าที่ของเราคือ จะพยายามกำกับให้พรรคภูมิใจไทยเดินหน้าไปสู่การยุบสภาและจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ขณะเดียวกันถ้อยคำลายลักษณ์อักษรที่ปรากฏในเงื่อนไข ตนเองเข้าใจดีว่าในทางปฏิบัติ หากมีการบิดพลิ้วนี่จะต้องเป็นต้นทุนที่เขาต้องแลกมา
ส่วนกรอบระยะเวลายุบสภาภายใน 4 เดือน พรรคประชาชนมีหน้าที่ใช้เสียงที่มีในการกำกับรัฐบาลเสียงน้อยให้เดินไปสู่จุดนั้น แต่ถ้ามีสถานการณ์ในอนาคตตามความเหมาะสมที่เกิดขึ้น เช่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญ อาจจะมีการเปิดช่องให้แก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ก่อน จะเป็นเหตุผลที่ให้ต่อสาธารณชนเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ย้ำว่าจะต้องยึดหลักข้อตกลงและยึดกรอบเวลา 4 เดือนเป็นตัวตั้งที่สำคัญ
นายณัฐพงษ์ ย้ำว่า ทุกพรรคการเมืองพร้อมเลือกตั้งได้ทุกวัน พร้อมเสนอนโยบายและทางออกให้กับประเทศได้ตลอดเวลา ตนเองไม่อยากมองว่าเป็นเกมการเมืองเดินหน้าเพื่อบีบใคร ตนเองพูดไปอย่างชัดเจนแล้วว่าทางออกของประเทศที่พรรคประชาชนมองเห็นคือ การกำกับทิศทางเพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งโดยเร็ว พร้อมกับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ส่วนแต่ละพรรคการเมืองจะออกมาแถลงข่าวอย่างไรเป็นสิ่งที่แต่ละพรรคออกมาให้ข่าวแบบนั้น
“ความเสี่ยงสูงสุดของพรรคประชาชนคือ การบิดพลิ้วไม่ดำเนินการตามข้อตกลง ซึ่งพรรคภูมิใจไทยจะต้องมีต้นทุนที่ต้องแบกรับในการตระบัดสัตย์” นายณัฐพงษ์ กล่าว
นายณัฐพงษ์ ยืนยันว่า การตัดสินใจเช่นนี้ไม่เสียใจ ช่วงเวลา 5 วันที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่ผู้บริหารพรรค ได้ใช้เวลาไตร่ตรองอย่างละเอียดรอบคอบ มีประสิทธิภาพมากที่สุด รับฟังเสียงทุกองคาพยพของพรรคอย่างรอบด้าน เราใช้กระบวนการในการทำความเข้าใจภายในพรรค โดยเฉพาะกับสมาชิกพรรคผู้เป็นเจ้าของพรรคตัวจริง ซึ่งมีความเห็นสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน
"เราไม่ได้จะไว้วางใจให้นายกฯ คนใดเข้าไปบริหารประเทศ เราจำเป็นที่จะต้องเลือกนายกฯ เพื่อทำหน้าที่เดินหน้าสู่การยุบสภาและจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เป็นการตัดสินใจของรัฐประชาชนที่คำนึงถึงทางออกประเทศเป็นหลักมากกว่าคะแนนความนิยม และความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับพรรคประชาชน" นายณัฐพงษ์ ทิ้งท้าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อนายณัฐพงษ์แถลงข่าวเสร็จสิ้นได้ไปนั่งที่โต๊ะที่มีเอกสารข้อตกลงระหว่างพรรคประชาชนกับพรรคภูมิใจไทย กรณีการเลือกบุคคลดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่วางอยู่ 2 ฉบับ โดยได้ลงนามทั้ง 2 ฉบับ เอกสารลงวันที่ 3 กันยายน 2568
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ภายหลังการแถลงข่าวนายณัฐพงษ์ ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลง และได้จะส่งมอบให้กับพรรคภูมิใจไทย ที่มีนายเจเศรษฐ์ ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทยและคณะ เป็นตัวแทนในการรับมอบ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มติ สมช. ตั้งศูนย์จัดการโดรนแห่งชาติ ออก 4 มาตรการป้องกันโดรน เร่งสอบบินว่อนสุวรรณภูมิ
เลขาฯสมช. เผย ตั้งศูนย์จัดการโดรนแห่งชาติ ชี้ จบปัญหาชายแดนต้องเป็นการหารือทวิภาคี ผบ.ตร. เผย อยู่ระหว่างตรวจสอบปมโดรนโผล่ว่อนสุวรรณภูมิ ไม่ยืนยันมี 40 ลำ เตือน พวกคิดป่วน โทษหนักถึงขั้นประหาร-จำคุกตลอดชีวิต
นายกฯ เรียกถก 'ผบ.เหล่าทัพ' ตึกไทยฯ ก่อนนั่งหัวโต๊ะประชุม สมช.
นายกฯได้หารือนอกรอบกับ พล.อ.อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และเลขาธิการสมช. ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ก่อนเป็นประธานการประชุม สมช.
สแกน 100 ชื่อปาร์ตี้ลิสต์ 'เพื่อไทย' จับตาใช้สูตรปี66 จัดลำดับ
สแกน 100 ชื่อปาร์ตี้ลิสต์พท. แกนนำรุ่นใหญ่ ภูมิธรรม-สมศักดิ์-เสี่ยเพ้ง-สรวงศ์ ส่งลูก-หลังบ้าน-เครือญาติเข้าพรรค พวกย้ายพรรค-โยกสลับจากสอบตกเขตเพียบ จับตาอาจใช้สูตรเดิม เอาตัวเต็งรมต.ไว้ท้าย ลดแรงกระเพื่อม
นายกฯ เยี่ยมนาวิกโยธินเหยียบกับระเบิด ฝาก 'นานาชาติ' อย่าเอาแต่บอกไทยหยุดยิง ให้ไปบอกเขมร
นายกฯเยี่ยมนาวิกโยธิน เหยียบทุ่นระเบิดบาดเจ็บ ฝากถึงนานาชาติ อย่าเอาแต่บอกให้ไทยหยุดยิง ให้ไปบอกเขมร ลั่นเลิกเกรงใจหน้าอินทร์หน้าพรหม เดินหน้าสถาปนาอธิปไตยเหนือชายแดนโดยเร็วที่สุด
'อนุทิน' ลั่นไม่ปล่อยกำลังพลเจ็บ-ตายฟรี ยันทหารมียุทธวิธีตอบโต้ หลังนาวิกโยธินเหยียบกับระเบิดรายที่ 8
‘อนุทิน’ ลั่น ไม่มีทางปล่อยกำลังพล เจ็บ - ตายฟรี ยัน ทหารมียุทธวิธีในการดำเนินการตอบโต้ หลังกำลังพลนาวิกโยธิน เหยียบกับระเบิดเป็นรายที่ 8 ชี้ สิ่งที่กัมพูชาพยายามแสดงให้ชาวโลกเห็นเป็นเพียงการโกหก
นายกฯ เยี่ยมศูนย์อพยพ จ.สุรินทร์ นั่งระบายสี 'รถฮัมวี่ติดปืนกล' ร่วมกับเด็ก ลั่นรบ.จะดูแลเต็มที่
นายกฯ เยี่ยมศูนย์อพยพที่สุรินทร์ นั่งระบายสี ‘รถฮัมวี่ติดปืนกล’ ร่วมกับเด็กๆ เดินทักทาย-ให้กำลังใจชาวบ้าน-จนท. พร้อมขอให้อยู่ที่ศูนย์ไปก่อน รัฐบาลจะดูแลเต็มที่ ก่อนไปเยี่ยมทหารเหยียบระเบิดที่จันทบุรีต่อ

