'ปกรณ์วุฒิ' บอก ยังไม่ถวายสัตย์ฯ จะไปกล่าวหาเขาไม่ได้ หลังถูกจี้ถาม 'ครม.อนุทิน' ไล่เช็กบิล จนท. ทำคดี 'เขากระโดง-ฮั้ว สว.' ชี้ไม่มีทางเป็นไปได้ 'ภูมิใจไทย' พลิกบทบาทเป็นเสียงข้างมาก ถ้าไม่มีพรรคแตก
18 ก.ย.2568 - นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ถึง กรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โพสต์แสดงความเห็นว่าพรรคประชาชนไม่ทันเกมการเมืองพรรคภูมิใจไทย ว่า ตนน้อมรับทุกความเห็นทั้งผู้สนับสนุนพรรคสมาชิกพรรค ก็มีความเห็นต่าง แม้กระทั่งประชาชนทั่วไปก็เป็นเรื่องปกติ ตนน้อมรับความคิดเห็นของนายชูวิทย์ด้วยความเคารพ และได้ติดตามมานานตอนที่ ลงเล่นการเมืองตนก็ได้เลือกพรรคนายชูวิทย์ด้วย ซึ่งถ้าหากถามว่าทันเกมการเมืองหรือไม่ ตนคิดว่าพรรคของเรามาทำงานการเมือง ดังนั้นการตัดสินใจในแต่ละครั้งก็ต้องคิดดี ๆ ว่าตัดสินใจบนพื้นฐานความนิยมของพรรคหรือผลประโยชน์สูงสุดของประเทศ โดยหัวหน้าพรรคก็ได้พูดไปหลายครั้งว่า เรามองบนโอกาสสูงสุด ที่จะทำให้เกิดการยุบสภาและคืนอำนาจให้ประชาชน โดยเร็วในเวลาที่เหมาะสม และเปิดประตูบานแรกสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เราไม่ได้เอาฐานความนิยมของพรรคมาเป็นตัวตั้ง แต่เราเอาฐานสิ่งที่เราอยากเห็นภาพของประเทศในอนาคตเป็นตัวตั้ง แต่น้อมรับทุกคำวิจารณ์ จะบอกว่าเราไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมทางการเมืองหรืออะไรก็ตามก็เป็นคำวิจารณ์ที่เราพร้อมน้อมรับอยู่แล้ว
เมื่อถามว่ามีคนไหลเข้าพรรคภูมิใจไทยเยอะ เพราะการโหวตของพรรคประชาชนในวันนั้นเป็นการเพิ่มฐานให้พรรคภูมิใจไทยในวันนี้หรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ตนคิดว่ามันเป็น "What If" ที่เราตอบไม่ได้ ตนคิดว่าสื่อมวลชนก็ทราบดีว่าบางพรรคมีสัญญาณของการแตกมานานแล้ว ต่อให้เกิดหรือไม่เกิดเหตุการณ์นี้เขาก็อาจจะไหลไปทางนั้นอยู่ดี มันเป็น What if ที่ตอบไม่ได้ คงจะไม่สามารถพิสูจน์ได้ก็ไปดูที่การเลือกตั้งครั้งหน้า
นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า เราก็ยืนยันในการหาเสียงและรณรงค์ในการเลือกตั้งแบบเดิม อยากให้ทุกพรรคใช้อุดมการณ์ เราไม่ได้มีปัญหากับเรื่องบ้านใหญ่ การใช้กระแสในท้องถิ่นในพื้นที่เล็ก ๆ ในความเป็นผู้มีอิทธิพล เราไม่เห็นด้วยกับการทำการเมืองแบบนั้นมากนัก และเราก็พยายามผลักดันการเมืองให้เป็นไปในทางที่เป็นอุดมการณ์เป็นหลัก
เมื่อถามว่าจะทำอย่างไรในเมื่อเสียงพรรคภูมิใจไทยเพิ่มขึ้น นายปกรณ์วุฒิ ย้อนถามว่ายังไม่ได้เลือกตั้งเลยเสียงเพิ่มขึ้นอย่างไร ผู้สื่อข่าวจึงตอบกลับว่าเสียงในสภา แต่นายปกรณ์วุฒิก็ถามต่อว่า
"เสียงในสภาเพิ่มขึ้นแล้วหรอครับ พูดถึงเสียงข้างมากใช่หรือไม่ตนต้องบอกว่า พรรคประชาชนมี 142 พรรคเพื่อไทยมี 141 อาจจะไปแล้ว 9 คน เหลือ 132 พรรคประชาชาติ มีอยู่ 9 เสียง บวกกันดี ๆ นะครับ 280 กว่านะครับ จะเป็นเสียงข้างมากได้อย่างไร ถ้าพรรคบางพรรคไม่แตก ผมคิดว่าความพยายามเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากต้องดูตั้งแต่วันที่โหวตนายกฯ แน่นอนว่าเราไปห้ามสส.ไม่ให้ไปโหวตฝั่งไหนไม่ได้อยู่แล้ว บางพรรคที่มีมติอย่างหนึ่ง แต่สส.ก็โหวตอีกอย่างหนึ่ง เราคงไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นความผิดใคร แต่ในสถานการณ์ตอนนี้ พรรคภูมิใจไทยจะเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากได้ต้องมีพรรคใหญ่แตกแบบจริงจังเลย เพราะฉะนั้นเรื่องเสียงข้างมากยังไม่มีความใกล้เคียง ผมว่ามันเป็นการตีตนไปก่อนไข้มาก ๆ" นายปกรณ์วุฒิ กล่าว
เมื่อถามว่าถ้าเสียงเพิ่มขึ้นถือว่าผิดสัญญาหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ในMOA ระบุว่าไม่กระทำการใด ๆ เพื่อให้เป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก การจับตาให้ทำตาม MOA เราจับตาอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว เรามองอยู่ตลอด
"อย่างที่บอกตัวเลขอยู่ในหัวผมตลอด ผมเก่งเลขครับ มัน 290 บาทตอนนี้ ถ้ามันไม่มีพรรคไหนที่แตกเป็น 30-40 เสียง มันก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก พรรคประชาชน อยู่ที่เดิม 140 กว่าเสียง อาจจะฝากไปตั้งคำถามกับอีกพรรคนึงก็ได้ ว่าจะลดจาก 132 (เสียงของพรรคเพื่อไทย) อีกหรือไม่" นายปกรณ์วุฒิกล่าว
เมื่อถามว่าเห็นโผของคณะรัฐมนตรีแล้วรู้สึกคุ้มค่าต่อการโหวตให้หรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ตนว่า 4 เดือนแน่นอนว่ามีหลายรายชื่อที่น่าชื่นชม แต่ต้องบอกว่ารายชื่อเหล่านี้มาไม่ได้เลยถ้าไม่มีพรรคประชาชนประกาศว่าไม่รับเก้าอี้ใด ๆ เพราะมันมีโควตาเหลือที่ไม่ต้องไปแบ่งให้พักร่วมรัฐบาลอื่น แต่โควตาคนนอกก็ถือว่าเป็นหน้าตาที่ดีอาจแก้ปัญหาระยะสั้นที่เราได้เคยพูดคุยกันไว้แล้ว เพราะหากไปดูตำแหน่งของคนนอกจะอยู่ที่กระทรวงเศรษฐกิจและความมั่นคง ต้นคิดว่าพอจะแก้ปัญหาระยะสั้นได้บ้าง ส่วนครม. ที่เป็นสัดส่วนพรรคการเมืองตนคิดว่าก็ไม่แตกต่างจากรัฐบาลเพื่อไทยเท่าไหร่ ไม่ได้ผิดหวังสมหวังหรือว่าแปลกใจอะไร
สำหรับที่คนวิจารณ์ว่ามีรัฐมนตรีบุรีรัมย์ นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า พูดตรงๆก็คือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคประชาชน ก็จับตาอย่างใกล้ชิดเราอาจได้เห็นการอภิปรายนโยบาย ที่ชี้ให้เห็นว่ามีการตั้งรัฐมนตรีบางคนเพื่อมาทำการอะไรบางอย่างใน 4 เดือนนี้หรือไม่การตรวจสอบเริ่มขึ้นแล้ว
เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวว่าได้มีการดำเนินการล่วงหน้าเช็คบิลเจ้าหน้าที่ที่ทำคดีเขากระโดง และฮั้วสว.แล้ว นายปกรณ์วุฒิ ก็ย้อนถามว่าทำอย่างไร
"แล้ว ครม.รักษาการทำอะไรไม่ได้เลยหรือครับ ต้องบอกว่าก่อนหน้านี้ ครม.รักษาการคือพรรคอะไรนะครับ รัฐบาลของพรรคเพื่อไทยถูกหรือไม่ ต้องถามว่าก่อนหน้านี้พรรคเพื่อไทยก็เคยถามเรื่องฮั้ว สว.และเขากระโดงกับพรรคประชาชน ต้องถามกลับว่าช่วงที่เป็น ครม.รักษาการได้กระทำการใด ๆ ที่จะทำให้เรื่องนี้เป็นไปตามกระบวนการหรือไม่ มากแค่ไหน อย่างเมื่อวานนี้ที่มีการพาดหัวข่าวเรื่องเขากระโดงผมก็คิดว่าบางสื่อพาดหัวเกินจริงไปนิดนึง จะเห็นว่ากำลังรอคำพิพากษาจากศาลปกครอง ซึ่งผมก็คิดว่าเป็นเรื่องปกติ จะให้รัฐบาลไปทำอะไรครับ ต้องรอคำพิพากษา คดีฮั้ว สว.แน่นอนว่าเราก็ติดตาม และคาดหวังว่ากระทรวงยุติธรรม DSI จะทำงานอย่างเต็มที่ไม่มีข้อกังขา และเข้าไปเป่าคดีอะไร แต่คดีที่ใหญ่ขนาดนี้ 4 เดือนไม่ทันอยู่แล้ว การสืบสวนสอบสวนอะไรผมไม่รู้หรือเปล่าว่าจะทันด้วยซ้ำ เพราะใช้เวลาหลายปีอยู่แล้วกับคดีที่ใหญ่ขนาดนี้ แต่เราติดตามอย่างใกล้ชิดแน่นอน ว่ามีการแทรกแซงหรือไม่" นายปกรณ์วุฒิ กล่าว
เมื่อถามว่าขณะนี้เสี่ยงแล้วหรือยังที่จะมีการแทรกแซง นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ตนคงไม่สามารถตอบได้ เพราะเราไม่ได้เห็นพฤติกรรมใด ๆ อาจเห็นข่าวว่าคนนี้ทำแบบนั้นคนนั้นทำแบบนี้ แต่อย่าลืมว่ารัฐบาลยังไม่เข้าถวายสัตย์ฯ และยังไม่มีอำนาจอะไร จะไปกล่าวหา ครม. ที่ยังไม่ได้ถวายสัตย์ฯ ตนคิดว่าไม่สามารถทำได้ในฐานะผู้แทนราษฎร
เมื่อถามยามว่าเป็นเรื่องผิดปกติหรือไม่ เพราะมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่หลายส่วนที่ทำคดีเหล่านี้ ถูกเรียกกลับหรือชะลอไม่ให้ดำเนินการ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ตนไม่ทราบรายละเอียด แต่ถ้าเป็นการชะลอเรื่องคดีที่อยู่ในศาลปกครองตนถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ไม่แน่ใจในรายละเอียดจริง ๆ ว่าการระงับครั้งนี้เกิดจากกระบวนการอะไร การกระทำที่ไม่รอคำพิพากษาต่างหากที่ถือว่าผิดปกติ ยืนยันว่าพรรคประชาชนตรวจสอบเรื่องนี้คาดหวังว่าจะไม่มีการแทรกแซง
"ผมย้ำอีกครั้งครม.ยังไม่ได้ถวายสัตย์ ยังเป็นครม.เดิม คุณอนุทินยังไม่ได้เข้าถวายสัตย์แถลงนโยบาย ยังไม่มีอำนาจที่จะไปสั่งการใด ๆ ดังนั้นตอนนี้ผมไม่สามารถไปกล่าวหาว่าเขาทำอะไรหรือไม่ทำอะไรได้บ้าง ต้องรอการแถลงนโยบาย" นายปกรณ์วุฒิ กล่าว
ผู้สื่อข่าวจึงถามเจาะไปที่คดีฮั้วสว. ที่เจ้าหน้าที่ถูกเรียกตัวไม่ให้ดำเนินการต่อ นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า ตนไม่ทราบข้อมูลเลย แต่พรรคประชาชนมีทีมงานที่ดูเรื่องนี้อยู่ แต่ตนไม่ทราบข้อมูลจึงไม่สามารถตอบคำถามได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รัฐบาลพรรคเดียวในทางทฤษฎี กับการเมืองจริงของพรรคส้ม
พรรคประชาชน หรือที่ถูกเรียกกันทั่วไปว่า “พรรคส้ม” ตั้งเป้าหมายทางการเมืองไม่ใช่แค่การชนะเลือกตั้ง แต่คือการได้เสียงเกินครึ่งสภา มากกว่า
เลขาฯ ปชน. สุดมั่นใจกวาดครบทุกเขต 33 พื้นที่กรุงเทพฯ ใกล้เลือกตั้ง 'เท้ง' คะแนนพุ่ง
เลขาฯพรรคประชาชน มั่นใจ กวาดครบ 33 พื้นที่ กทม. แม้ผลโพลความนิยมพรรคประชาชนลดลง เหตุ หนุน "อนุทิน-ปัญหาชายแดน" เชื่อ เวลาที่เหลือสมามรถชี้แจงได้ โว ใกล้เลือกตั้ง "เท้ง" เจิดจรัสคะแนนนิยมพุ่งแน่ ปัดตอบจุดยืน 112 ห่วงขัดศาล รธน. ชี้ "ณัฐพงษ์" ยังไม่ปิดโอกาสจับมือ 100% แต่ต้องการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ด้าน"กาย" ยัน คว้าชัยกทม.ได้แน่นอน
'ชูวิทย์' ฟันธงเลือกตั้ง พรรคประชาชนต่ำ 100 ชี้เดินเกมผิดพลาดครั้งใหญ่
"ชูวิทย์" วิจารณ์ "ธนาธร" เลือกเดินเกมแก้รัฐธรรมนูญผ่านพรรคภูมิใจไทยคือความผิดพลาดครั้งใหญ่ ไม่ใช่การประนีประนอม พร้อมคาดผลเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคประชาชนอาจได้ สส. ต่ำกว่า 100 จากกระแสที่เปลี่ยนและความเชื่อมั่นที่ลดลง
ดร.ณัฏฐ์ ชี้ชัดบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ เกิดรัฐบาลผสม ไม่มีพรรคใดชนะเบ็ดเสร็จ
“ดร.ณัฏฐ์” ชี้ระบบ “บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ” เกิดรัฐบาลผสม ไม่มีพรรคการเมืองใด ชนะเลือกตั้งเบ็ดเสร็จ เปิดตัวทีม “ว่าที่รองนายกรัฐมนตรี” ไม่มีกฎหมายบัญญัติห้ามไว้
โทรโข่งเพื่อไทย โจมตี 'อนุทิน' โยกย้าย ขรก.มหาดไทย ในจำนวนที่น่าตกใจมาก
"ศึกษิษฏ์" ซัด "อนุทิน" โยกย้าย ขรก.มหาดไทยไม่หยุด ตั้งข้อสังเกตโยงเครือข่ายบ้านใหญ่รับศึกเลือกตั้ง ตอก "ธนาธร" หลังออกโรงป้อง "เสี่ยหนู" เหน็บ ภท.-ปชน.ติดค้างสินน้ำใจกันอยู่หรือไม่
'สุพิศาล' อดีตแกนนำพรรคส้ม ลาออกแล้ว แฉเลือกผู้สมัคร สส. มีลับลมคมใน
พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวกรณีที่ได้ลาออกจากพรรคประชาชน ว่า เป็นเรื่องจริง ซึ่งได้ยื่นลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ตั้งแต่เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.ที่ผ่านมา

