"ธนาธร" เชื่อ "ยุบสภา" ภายใน 4 เดือนตามเงื่อนไข MOA ตั้งรัฐบาล เหตุพรรคภูมิใจไทยไม่กล้าเสี่ยงอยู่ต่อยาวๆ เพราะจะเสียมากกว่าได้ ชี้แรงจูงใจทางการเมืองของ ภท. คือปรับภาพลักษณ์ต้องการเป็นพรรคใหญ่แทนที่ "เพื่อไทย" พร้อมยอมรับการตัดสินใจของ ปชน. ตั้งอยู่บนความเสี่ยงแน่นอน แต่ต้องทำเพื่อหยิบกุญแจมาไขกลอนแก้รัฐธรรมนูญ
19 กันยายน 2568 - ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม จัดกิจกรรมรำลึกครบรอบ 19 ปี การรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 และครบรอบ 5 ปีการชุมนุมใหญ่ ที่ท้องสนามหลวงของกลุ่มเยาวชน 19 กันยายน 2563 เพื่อรำลึกเหตุการณ์ทั้งสอง และมีการเสวนาหัวข้อ “4 เดือนนี้ ชี้ชะตาการเมืองไทย“ ซึ่งเป็นการพูดคุยเรื่องสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน
โดยนายนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ที่เป็นหนึ่งในวิทยากร กล่าวช่วงหนึ่งจากการตั้งคำถามถึงการยุบสภาจะเกิดขึ้นได้จริงภายใน 4 เดือนหรือไม่ ซึ่งนายธนาธร ระบุว่า เหตุเดียวที่ตนเชื่อว่า จะไม่มีวันที่ 121 คือการมีชีวิตรอดของพรรคภูมิใจไทยเอง ถ้าภูมิใจไทยเป็นรัฐบาลอยู่ต่ออีก 6 เดือน หรือ 1 ปี ภูมิใจไทยจะได้อะไร และเสียอะไร เพราะแรงจูงใจทางการเมืองของภูมิใจไทย คือความต้องการปรับภาพลักษณ์ของตัวเอง ในอนาคตภูมิใจไทยต้องการเป็นพรรคใหญ่
ดังนั้น ถ้ามองในแง่นี้ วิธีการของภูมิใจไทยจึงไม่ใช่การอยู่ต่ออีกเดือนหรือปี แต่คือการทำตามสัญญา เพื่อเป็นพรรคใหญ่แทนที่พรรคประชาธิปัตย์ หรือพรรคเพื่อไทยสมัยก่อน ด้วยเหตุผลนี้ ตนจึงไม่คิดว่าจะมีวันที่ 121
แน่นอนว่าในทางเทคนิค อาจจะเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองขึ้นได้ จนอาจจะมีความล่าช้าเกิดขึ้นตามมา ซึ่งเมื่อถึงจุดนั้น ก็ต้องดูว่า การเลื่อนการยุบสภาออกไป มีเหตุผลเพียงพอหรือไม่ ย้ำว่า การตื่นตัวของภาคประชาสังคม ที่จะช่วยกันกดดันเรื่องนี้ มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ในการทำให้สัญญาที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้ไว้ ให้ยังคงความศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ได้
นายธนาธร กล่าวต่อว่า การตัดสินใจของพรรคประชาชนตั้งอยู่บนความเสี่ยงแน่นอน แต่ตนเชื่อว่า ที่เพื่อนในพรรคประชาชนตัดสินใจเช่นนั้น ก็เพราะเห็นว่า ประตูที่จะนำไปสู่การแก้รัฐธรรมนูญ มีเพียงประตูนี้บานเดียว การเลือกของพรรคประชาชนครั้งนี้ จึงไม่ใช่การเลือกคนมีความรู้ความสามารถ หรือในอดีตทำอะไรไว้บ้าง และมีจริยธรรมหรือไม่ แต่ปัจจัยในการเลือก คือใครที่จะนำไปสู่การเปิดประตูแก้รัฐธรรมนูญได้มากกว่ากัน ในเมื่อเราไม่ได้ถือกุญแจ แต่เขาเป็นคนถือกุญแจ ก็ต้องมีการแลกเปลี่ยน และรับความเสี่ยงกัน ถือเป็นการตัดสินใจเสี่ยง เพื่อหยิบกุญแจนั้นมาไขกลอน เพื่อแก้รัฐธรรมนูญ
หากกระบวนการแก้รัฐธรรมนูญเดินไปถึงจุดที่มีการลงประชามติได้จริง การรณรงค์ประชามติก็เป็นเรื่องที่ประมาทไม่ได้ ทุกคนเคยเจอบทเรียนมาแล้ว ในการทำประชามติรัฐธรรมนูญในปี 2559 แต่การประชามติครั้งนี้ มีต้นทุนที่สูงกว่ามาก ถ้าแพ้ก็ไม่รู้จะกลับมาแก้อย่างไรได้อีก
ดังนั้น การบังคับให้การทำประชามติเกิดขึ้น พร้อมการเลือกตั้งทั่วไป เพื่อให้มีคนใช้สิทธิ์ให้เยอะที่สุด จึงมีความจำเป็นมาก ถ้าทำประชามติโดดๆ ไม่มีใครกลับบ้านไปลงประชามติแน่
หากกระบวนการผ่านไปถึงจุดนั้นจริงๆ ก็ต้องขอแรงทุกคนมาช่วยกันรณรงค์ให้เต็มทึ่ ร่วมการถกเถียง สื่อสารให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารให้มากที่สุด เห็นถึงปัญหาของรัฐธรรมนูญให้มากที่สุด เพราะวางใจไม่ได้เด็ดขาด ว่าจะผ่านโดยอัตโนมัติ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิด 100 ชื่อ ปาร์ตี้ลิสต์พรรคเพื่อไทย 'ยศชนัน' นำทีมเอง
มีการเปิดเผย 100 รายชื่อ ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ ของพรรคเพื่อไทย
ส่องบิ๊กเนมปาร์ตี้ลิสต์ 'ภูมิใจไทย' บ้านใหญ่พรึ่บ 'รมต.-นายกเบี้ยว' ลงด้วย
สำหรับรายชื่อว่าที่ผู้สมัคร สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) จำนวน 100 คน ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างจัดลำดับ
รัฐบาลพรรคเดียวในทางทฤษฎี กับการเมืองจริงของพรรคส้ม
พรรคประชาชน หรือที่ถูกเรียกกันทั่วไปว่า “พรรคส้ม” ตั้งเป้าหมายทางการเมืองไม่ใช่แค่การชนะเลือกตั้ง แต่คือการได้เสียงเกินครึ่งสภา มากกว่า
'พิเชษฐ' นำ 'พรรควิชชั่นใหม่' เปิดตัว ชูการเงินไร้ดอกเบี้ย ปักธงทางเลือกใหม่
พรรควิชชั่นใหม่เปิดตัวพรรคอย่างเป็นทางการ พร้อมแถลงนโยบายหลัก 4 ด้าน ชูแนวคิดเศรษฐกิจมนุษย์ และการเงินไร้ดอกเบี้ย เป็นหัวใจสำคัญทางเศรษฐกิจ เปิดตัว ธงรบ ด่านอำไพ และ พิเชษฐ สถิรชวาล เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ประกาศความพร้อมลงสู้ศึกเลือกตั้งในฐานะทางเลือกใหม่ของประเทศ
‘จาตุรนต์’ แจ้งข่าว ลาออกจากประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย
นายจาตุรนต์ ฉายแสง สมาชิกพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊ก ว่าขอแจ้งข่าวเล็กๆเรื่องหนึ่งครับ
'รทสช.' เตรียมเปิดตัว แคนดิเดตนายกฯ-นโยบายพรรคชุดแรก 22 ธ.ค.นี้
พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เตรียมแถลงเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และนโยบายชุดแรก ในวันที่ 22 ธ.ค.68 เวลา 13.00 น. ณ ที่ทำการพรรค

