ดร.ณัฏฐ์ ชำแหละโมเดลแก้รธน. ฉบับ 3 พรรคการเมือง

“ดร.ณัฏฐ์” มือกฎหมายมหาชน ชำแหละ โมเดล “ที่มา” และ “คณะผู้จัดทำรัฐธรรมนูญ” ฉบับพรรค “ปชน.พท.-ภท.“ ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่

25 กันยายน 2568 - สืบเนื่องนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ภายหลังนำคณะรัฐมนตรีเข้าเฝ้าถวายสัตย์ต่อหน้าพระมหากษัตริย์เป็นไปตาม รธน.มาตรา 161 ต่อมาได้แถลงผ่านสื่อมวลชนครั้งแรก ว่า จะยุบสภาประมาณปลายเดือนมกราคม 2569 พร้อมเสนอให้จัดทำประชามติ พร้อมกันกับการเลือกตั้ง สส.เป็นการทั่วไป ประมาณปลายเดือนมีนาคม หรือต้นเดือนเมษายน 2569 ทั้งนี้ แล้วแต่ดุลพินิจ กกต.นั้น  

ล่าสุด “ดร.ณัฏฐ์” หรือ ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม นักกฎหมายมหาชน ได้ให้ความเห็นเพื่อประโยชน์สาธารณะและกล่าวว่า การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ม.256(8) ได้กำหนดไว้ 3 หมวด ได้แก่ หมวด 1ทั่วไป หมวด 2 หระมหากษัตริย์ และหมวด 3 การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เป็นบทบังคับเด็ดขาดต้องจัดให้ประชาชนออกเสียงประชามติก่อน

ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยไว้เป็นบรรทัดฐานและไม่เกินคำขอ เรื่องที่พิจารณาที่ 9/2568 โดยตีความตามอำนาจหน้าที่ของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 210(2) โดยนำคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/2564 กำหนดเป็นแนวทางประกอบ รัฐธรรมนูฐ มาตรา 256(2) โดยวินิจฉัยชัดแจ้งถึง 2 ประเด็น ประเด็นที่หนึ่ง อำนาจริเริ่มจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้แต่ต้องให้ประชาชนออกเสียงประชามติให้ความเห็นชอบว่าสมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ก่อน ส่วนในวิธีการจัดทำ “รัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้”

ส่วนประเด็นที่สอง การจัดรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องจัดให้ประชาชนออกเสียงประชามติ 3 ครั้ง

ครั้งที่ 1 ให้ประชาชนออกเสียงประชามติว่าสมควรจะมีรัฐธรรมนูญบับใหม่หรือไม่

ครั้งที่ 2 .ให้ประชาชนออกเสียงประชามติว่า มีวิธีการและเนื้อหาที่สำคัญอย่างไร ครั้งที่ 3 ภายหลังรัฐสภาจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จแล้ว ให้ประชาชนออกเสียงประชามติว่า เห็นชอบกับร่างฉบับใหม่หรือไม่ โดยออกเสียงประชามติครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 อาจรวมเป็นครั้งเดียวกันได้

พูด ภาษาชาวบ้าน คือ ศาลตีความในอำนาจสถาปนา “รัฐธรรมนูญฉบับใหม่” โดยการออกเสียงประชามติเป็น“ประชาธิปไตยโดยตรง” เกิดขึ้นครั้งแรก รัฐธรรมนูญ 2550 และรัฐธรรมนูญ 2560 ส่วนการเลือก สสร.จากประชาชน เป็น“ประชาธิปไตยโดยทางอ้อม” เหมือนการเลือกตั้ง สส.หรือผู้บริหารท้องถิ่น

เหตุที่เป็นเช่นนี้ ที่มาของรัฐธรรมนูญ กฎหมายสูงสุดของประเทศ อำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญ จึงเป็นอำนาจของประชาชนในการใช้อำนาจอธิปไตย ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 3 วรรคหนึ่ง

ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยเป็นบรรทัดฐาน “รัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้” ไม่ว่าขั้นตอนหนึ่งขั้นตอนใด หากฝ่าฝืนย่อมขัดรัฐธรรมนูญ เหตุที่เป็นเช่นนี้ คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญย่อมเด็ดขาดและมีผลผูกพันทุกองค์กร ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 211 วรรคสี่

ผลคำวินิจฉัยผูกพัน “กกต.” โมเดลในการเลือกตัวแทนมาเป็นส่วนหนึ่งในคณะยกร่างไม่ว่าในรูปแบบใดๆ ในประชาธิปไตยทางอ้อม เมือ่ได้ตัวบุคคลมาแล้ว นำมาให้รัฐสภาคัดเลือกภายหลัง ย่อมกระทำไม่ได้

ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ หมวด 15/1 โดยเพิ่มเติมบทบัญญัติใหม่ให้มีคณะจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยรูปแบบนำเสนอร่างของ “พรรคประชาชน” “พรรคเพื่อไทย”และ“พรรคภูมิใจไทย” มีความแตกต่างกันในรูปแบบและวิธีการ“ที่มา” ของ “คณะผู้จัดทำ”เท่านั้น ส่วนวิธีการและเนื้อหาที่เป็นประชาธิปไตยยังไม่ปรากฏโฉมว่า เนื้อหาจะดีกว่ารัฐธรรมนูญ 2560 ฉบับปราบโกงหรือไม่ อย่างไร

หากเทียบร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ทั้งสาม พรรคการเมือง มีความเหมือนและแตกต่างกัน ตนจะชำแหละ ให้เห็นดังนี้

พรรคประชาชน โดยกำหนดรูปแบบและคณะผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 135 คน ใช้โมเดล “2 คณะ” คณะผู้ร่าง 35 คน ทำหน้าที่ในการยกร่างรัฐธรรมนูญ โดยกำหนดที่มา สมัครเป็นทีม ทีมละไม่เกิน 70 คน ประชาชนเลือกเป็นทีม มานำคำนวณคะแนน จากนั้นให้รัฐสภาคัดเลือกเหลือ 35 คน คณะผู้แทนหรือสภาที่ปรึกษาจำนวน 100 คน ทำหน้าที่สะท้อนความเห็นของประชาชน โดยที่มาประชาชนเลือกตั้งมาโดยตรง สมัครเป็นตัวแทนจังหวัด อย่างน้อยจังหวัดละ 1 คน และมากสุดจังหวัดละไม่เกิน 5 คน

พรรคเพื่อไทย โดยกำหนดรูปแบบและคณะผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญ 140 คน ใช้โมเดล “จังหวัด-อาชีพ” ตัวแทนจังหวัดจำนวน 100 คน ประชาชนลือกตั้งมา 200 คน จากนั้นให้รัฐสภาคัดเลือกเหลือ 100  คน แต่ละจังหวัดต้องมีตัวแทนอย่างน้อย 1 คน ตัวแทนวิชาชีพจำนวน 40 คน  เลือกจากผู้เชี่ยวชาญด้านนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์องค์กรวิชาชีพ นิสิตนักศึกษา เป็นต้น

พรรคภูมิใจไทย โดยกำหนดรูปแบบและคณะผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญ 99 คน ใช้โมเดล “สสร.2539” ตัวแทนจังหวัดจำนวน 77 คน จากนั้นให้รัฐสภาคัดเลือกจังหวัดละ 1 คน กลุ่มผู้เชี่ยวชาญ  จำนวน 22 คน เปิดรับสมัครผู้เชี่ยวชาญแต่ละสาย เช่น ด้านนิติศาสตร์ ด้านรัฐศาสตร์ แบ่งเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มละ 7-8 คน ให้รัฐสภาเป็นผู้เลือก

หากเทียบเคียงทั้งสามร่างแต่กต่างกันในประเด็น “ที่มา” และ “รูปแบบคณะผู้จัดร่าง”

โดยร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับ “พรรคประชาชน”และ “พรรคเพื่อไทย” ยังดื้อดึงนำรูปแบบคณะผู้จัดทำหรือ สสร. มาจากการเลือกตั้งจากประชาชนแล้ว มาคัดเลือกในภายหลังโดยขั้นตอนหนึ่งขั้นตอนใดมาจากการเลือกตัวแทนมาเป็นคณะผู้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ย่อมขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมและขัดต่อรัฐธรรมนูญ

เหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยโดยชัดแจ้ง “รัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้”  ดังนั้น กระบวนการไม่ว่าในขั้นตอนใด ขั้นตอนหนึ่งในการเลือก สสร.ไม่อาจกระทำได้

พูด ภาษาชาวบ้าน คือ เลือก สสร.จากภาคประชาชน แล้วมารัฐสภาคัดเลือกภายหลัง  กระบวนการขั้นตอนใด ขั้นตอนหนึ่ง กระทำไม่ได้ ย่อมไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ

ส่วนร่างฉบับพรรคภูมิใจไทย ใช้โมเดล สสร.เหมือนในปี 2539 โดยให้ กกต.เปิดรับสมัครผู้ร่วมยกร่างรัฐสภาและรัฐสภาคัดเลือกในภายหลัง ไม่มีกระบวนการขั้นตอนหนึ่งขั้นตอนใดนำไปสู่การจัดการเลือก สสร.เพื่อนำมาเป็นคณะผู้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หากใช้ดมเดลนี้ ย่อมสามาระกระทำได้ แต่มีจุดอ่อน คือ จำนวนคณะผู้ยกร่างมีจำนวนน้อย แต่กต่างจากพรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทย   กระบวนการนี้ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ย่อมสามารถกระทำได้

แต่จุดอ่อน ในการคัดเลือกของรัฐสภา มีความสงสัยว่า วิธีการคัดเลือกตัวแทน ใช้รูปแบบใดกัแน่ หากใช้รูปแบบคล้ายการให้ความเห็นชอบบุคคลของสมาชิกวุฒิสภา ทำให้เกิดช่องว่าง คณะผู้ร่างมาจากคนการเมืองหรือเครือข่ายนักการเมือง มิใช่มาจากตัวแทนภาคประชาชนอย่างแท้จริง

หากร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับพรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทย ยังฝ่าฝืนเดินหน้าลุยไฟ รัฐธรรมนูญเปิดช่องให้สมาชิกรัฐสภา ยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ย่อมทำให้ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญย่อมตกไป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เพื่อไทยกระอัก! 'อนุทิน' ย้อนเจ็บ มีภาพคู่ทักษิณเยอะ ไม่เห็นมีปัญหา

"อนุทิน" เหน็บ "สุริยะ-โฆษกเพื่อไทย" ไม่รู้เรื่องอะไรเพราะไม่ได้ร่วมวง การสนทนาสำหรับผมต้องระดับสูงขึ้นไป ย้อนเจ็บภาพถ่ายคู่ทักษิณก็มีตั้งเยอะ ไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลย

โฆษกภูมิใจไทย โต้เดือด โทรโข่งเพื่อไทยแกล้งตาบอด ไม่เห็นภาพทักษิณกับเบน สมิธ

โฆษกภูมิใจไทย สวนโฆษกเพื่อไทย อย่าแกล้งตาบอด ปีนี้ใครถ่ายรูปกับ "เบน สมิธ" ยัน "อนุทิน" แค่รู้จักแต่ไม่สนิท ผลงานประจักษ์ยึดทรัพย์หมื่นล้านสแกมเมอร์รายใหญ่ บีบพ้น มท.1 เหตุไม่ให้สัญชาติใครหรือไม่ เย้ย 4 เดือนใครบริหารน้ำท่วมเหลว ขณะที่ "2 เดือน" นายกฯอนุทิน" เข้ามาแก้วิกฤติ

เพื่อไทย เปิดตัว 'อดีตปลัด ก.เกษตร' ลงสนามชนบ้านใหญ่ 'ศิลปอาชา'

พท.เปิดตัว “ประยูร อินสกุล” อดีตปลัด ก.เกษตรฯ ลงสนามชนบ้านใหญ่ “ศิลปอาชา” ไม่ฟันจะปักธงเมืองสุพรรณได้หรือไม่ ชี้ขึ้นกับ ปชช. อ้อนกาเพื่อไทยทั้งคนทั้งพรรค

เทนนิสตั้งเป้า4เหรียญทองซีเกมส์ 'ดร.ณัฏฐ์'ชื่นชมการบริหารงานสมาคมฯ

ดร.ณัฏฐ์ ธีรณัฐสุภานนท์ ประธานมูลนิธิกองทุนพัฒนาการกีฬา มอบกำลังใจทีมเทนนิสซีเกมส์ของไทย หลังชมการฝึกซ้อม ที่ทางสมาคมกีฬาลอนเทนนิสฯ ตั้งเป้าหมายไว้ 4 เหรียญทอง ชมเปาะสมาคมฯ มีการบริหารจัดการที่ยอดเยี่ยม พร้อมแนะแนวทางในการประชาสัมพันธ์ซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ควรเร่งเครื่องให้คนไทยได้ร่วมรับรู้ เพื่อมาชมและเชียร์ เป็นการให้กำลังใจนักกีฬามากกว่านี้