'ศิริกัญญา' โวยภูมิใจไทยให้เป็นรัฐบาล 4 เดือน แก้รธน.-ยุบสภา ไม่ใช่แจกคนละครึ่ง

"ศิริกัญญา" อัดรัฐบาลลุกลี้ลุกลนเดินเครื่องโครงการคนละครึ่ง อาจเป็นการซื้อเสียงล่วงหน้าหรือไม่ ชี้ไม่คาดหวัง 4 เดือนแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ แต่อย่าสร้างความเสียหายที่ไม่สามารถกลับไปแก้ได้ในอนาคต ถามจะมีประโยชน์อะไรหากรัฐมนตรีคนนอกโปรไฟล์ดีนั่งนิ่งยอมให้รัฐบาลทำอะไรก็ได้

29 กันยายน 2568 - จากนั้นเวลา 16.55 น. น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน อภิปรายว่า คำแถลงนโยบายของรัฐบาลยังคงอยู่ในรูปแบบเดิมๆ ไม่ได้แตกต่างจาก 2 รัฐบาลก่อนหน้านี้ หรือแม้กระทั่งรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี มีแต่คำกว้างๆ ลอยๆ ขาดความชัดเจนของเป้าหมายที่จะไปถึง ไม่มีการใส่ตัวชี้วัดใดๆ ทั้งสิ้น ถึงแม้จะมีไทม์ไลน์ที่แน่ชัดว่าทุกอย่างจะต้องเสร็จภายใน 4 เดือน รอบนี้เราไม่ได้คาดหวังกับรัฐบาลว่าจะต้องมีนโยบายในการแก้ไขปัญหา มีการตั้งเป้าหมาย ไม่ได้คาดหวังแม้กระทั่งท่านต้องทำตามนโยบายที่หาเสียง เพราะระยะเวลาของรัฐบาลสั้น รัฐบาลนี้มีข้อจำกัดในด้านของเวลาและงบประมาณ แต่สิ่งที่เราคาดหวังคือการบริหารจัดการประเทศไปแบบประคับประคองไปจนถึงการเลือกตั้ง เน้นแก้ไขปัญหาเร่งด่วนเฉพาะจุดเฉพาะด้าน และต้องไม่ตัดสินใจที่จะทำให้เกิดความเสียหายแบบที่แก้ไขอะไรอีกไม่ได้ในอนาคต และต้องไม่ฉวยโอกาสในการหากินจากภาษีของประชาชน

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า คำแถลงนโยบายฉบับนี้ไม่ได้สร้างความกระจ่างชัดเจน แต่สร้างคำถามตามมาเต็มไปหมด ในด้านของเศรษฐกิจ ที่ใส่เข้ามามีแต่ What คืออะไร แต่ขาด How ว่าจะทำอย่างไรให้เสร็จภายใน 4 เดือน ไม่มีการจัดลำดับความสำคัญ ต้องยอมรับว่าพรรคแกนนำรัฐบาลอย่างพรรคภูมิใจไทย ไม่ได้เป็นพรรคการเมืองที่มีวาระการเมือง นโยบายทางการเมืองแบบที่พรรคอื่นมี ก็เลยไม่ได้มีการเตรียมนโยบายมาอย่างเข้มข้นเพื่อขับเคลื่อน แม้จะมีรัฐมนตรีคนนอกที่มาจากภาคธุรกิจ เป็นนักธุรกิจ แต่อาจจะยังเร็วเกินไปคิดไม่ทัน ยังไม่ตกผลึกว่าจะแก้ปัญหาด้วยวิธีการใด

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อไปว่า ยกตัวอย่าง โครงการคนละครึ่ง ซึ่งตนคิดว่าไม่มีใครไม่เห็นด้วย แต่แปลกใจที่คนให้รายละเอียดกลับไม่ใช่รองนายกฯ ไม่ใช่ รมว.คลัง แต่เป็นรองหัวหน้าพรรคภูมิใจ ซึ่งอาจจะเป็นโฆษกรัฐบาลในอนาคตหรือไม่ก็ไม่แน่ใจ แต่ชวนให้คิดว่าโครงการนี้เป็นโครงการการเมืองหรือเป็นโครงการทางด้านเศรษฐกิจกันแน่ มีการประกาศว่าคนละครึ่งพลัส จะเป็นเพียงเฟสแรกเท่านั้น ซึ่งคาดว่าจะจบในเดือน พ.ย.-ธ.ค. และเฟสอื่นๆ ในปีหน้า ซึ่งแค่เฟสแรกใช้งบประมาณถึง 66,400 ล้านบาท แบ่งเป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 13.5 ล้านคน โดยการเติมเงิน 1,700 บาท/คน ใช้งบประมาณ 22,000 ล้านบาท ผู้ที่ไม่ได้ยื่นภาษี 9 ล้านคน รัฐสมทบ 2,000 บาท/คน ใช้งบประมาณ 18,000 ล้านบาท และผู้ที่ยื่นภาษี 11 ล้านคน รัฐสมทบ 2,400 บาท/คน ใช้งบประมาณ 26,400 ล้านบาท ตนเข้าใจว่าจะใช้งบกลางของปี 2568 ยังเหลือในส่วนของรายจ่ายฉุกเฉินจำเป็นประมาณ 30,000 ล้านบาท และมีงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 157,000 ล้านบาท ที่จะใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต แต่ไม่ได้ทำแล้วและอนุมัติไม่หมดก็ยังเหลืออยู่

“หากจะใช้งบกลางปี 68 ต้องมีมติ ครม. อนุมัติให้ทันภายใน 30 ก.ย.นี้ จึงได้เร่งรัฐสภาให้แถลงให้จบในวันพรุ่งนี้ ก่อนจะมีประชุม ครม.นัดพิเศษที่รัฐสภา เราก็ว่าทำไมเร่งเราจังเลย มีกระทั่งว่าให้แถลงนโยบายวันอาทิตย์ เพราะต้องเร่งอนุมัติงบทั้งหมด 63,000 ล้านบาท พรุ่งนี้เขาจึงบอกว่าให้เราอภิปรายให้เสร็จ 6 โมงเย็น เพราะจะมีการประชุม ครม.นัดพิเศษต่อ ถือว่ารีบร้อนมาก กรมบัญชีกลางคงต้องเปิดระบบกดปุ่มกันกลางดึก เพื่อโอนเงินเข้าระบบสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อให้ใช้เงินทัน ทำเพื่ออะไรกันคะ” น.ส.ศิริกัญญา กล่าว

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า ตนมองว่ามีเรื่องน่าประหลาดใจอยู่ ตอนที่รัฐบาลชุดที่แล้วอนุมัติงบกระตุ้นเศรษฐกิจไม่หมด เราก็ถามว่าจะมีโครงการอื่นหรือไม่ ก็ได้คำตอบว่าไม่มี ซึ่งเป็นเรื่องดีที่ได้ลดการขาดดุล ลดการกู้เงินเพิ่มได้ เพื่อไม่ให้เพิ่มหนี้สาธารณะ แต่เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลก็นำออกมาใช้ทันที ตกลงแล้วเราควรจะใช้งบก้อนนี้ให้หมดจนหยดสุดท้ายจริงหรือไม่ ส่วนในงบคนละครึ่งพลัสที่รวมทั้งคนยื่นและไม่ได้ยื่นภาษี จำนวน 44,000 ล้านบาท จะใช้งบปี 69 ซึ่งคิดเป็น 1 ใน 3 ของกระสุนการคลังที่เราเหลืออยู่ ซึ่งรัฐบาลเองบอกว่าจะมีการทำเฟส 2 ต่อ มีโครงการลดค่าใช้จ่าย ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าทางด่วน รวมถึงเยียวยาผลกระทบภาษีทรัมป์ ฟื้นความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยว รัฐบาลกะจะไม่เหลือเงินสำรองจ่ายไว้ให้รัฐบาลหน้าใช้เลยหรือ

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อไปอีกว่า ยิ่งลุกลี้ลุกลนอยากอนุมัติงบให้ได้ยิ่งน่าเคลือบแคลง ตนไม่ติดเรื่องคนละครึ่งแม้จะไม่ตอบโจทย์ในเรื่องของการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งหากรัฐบาลอยากกระตุ้นยอดขายให้กับร้านค้ารายย่อยก็ทำได้สามารถพิสูจน์มาแล้ว แต่ถ้าหากอยากให้กระตุ้นเศรษฐกิจต้องมีการปรับปรุงเงื่อนไข เช่น กำหนดค่าใช้จ่ายขั้นต่ำ 200 บาทขึ้นไป สิทธิ์อาจจะต้องหมดวันต่อวัน เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ได้ใช้เร็วขึ้น จะสามารถทำให้กระตุ้นเศรษฐกิจได้ แต่ก็ยังไม่มีการเปลี่ยนเงื่อนไขแต่อย่างใด เราต้องลุ้นมติ ครม.อีกครั้ง

“ถ้าถามว่าลดค่าครองชีพได้หรือไม่ ก็สามารถลดได้ แต่ในส่วนของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ก็เพิ่งมีการแจกเงินหมื่นไปเมื่อปีที่แล้ว จะแจกอีกแล้วหรือ ถ้าถามว่าช่วยเอสเอ็มอีได้หรือไม่ โครงการคนละครึ่งสามารถช่วยได้ แต่แจกเงินสวัสดิการฯ ไม่ได้ช่วยใคร เพราะต้องไปซื้อของตามร้านธงฟ้าเหมือนเดิม แต่หากถามว่าทั้ง 2 โครงการสามารถซื้อเสียงล่วงหน้าได้หรือไม่ ก็ทำได้ทั้งคู่ จึงไม่เข้าใจว่าทำไมต้องอนุมัติใส่เงินในบัตรสวัสดิการอีกเพราะทั้งไม่กระตุ้นเศรษฐกิจ เอสเอ็มอีก็ไม่ได้ช่วย”น.ส.ศิริกัญญา กล่าว

รองหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวอีกว่า ส่วนทำไมตนต้องกังวลเกี่ยวกับงบปี 68 นั้น เพราะผลจัดเก็บ 11 เดือนในปี 68 รายได้รัฐตกเป้า 34,000 ล้านบาท ถึงแม้รัฐบาลนี้จะอยู่เพียงแค่ 4 เดือน แต่ต้องทำหน้าที่ตัดสินใจเรื่องสำคัยในปลายปีนี้ คือเป็นผู้กำหนดกรอบประมาณปี 70 และมอบนโยบายงบประมาณ และปี 69 หนี้สาธารณะจะสูงถึง 69 % ซึ่งจะทำให้เราสามารถกู้เงินเพิ่มได้แค่ 2.1 แสนล้านบาท ไม่ทราบว่าใครจะต้องเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังแห่งรัฐ ที่จะต้องขยายเพดานหนี้สาธารณะ จากเดิมอยู่ที่ 70 % และเพื่อรักษาภาพลักษณ์การคลังอาจจะต้องเป็นผู้นำเสนอการจัดเก็บรายได้ใหม่ๆ ให้กับประเทศด้วย เพราะบริษัทจัดลำดับเรตติ้งจับตาดูเราอยู่

“จึงขอถามว่าหากท่านทำแผนจัดเก็บรายได้การปฏิรูปภาษีหรือแผนการปฏิรูปการคลัง จะกลายเป็นแผนที่ใช้บังคับกับรัฐบาลหน้า ถ้าฝ่ายการเมืองยังเร่งรีดเงินทุกบาททุกสตางค์เพื่อคะแนนนิยม และรัฐมนตรีคนนอกที่เป็นเทคโนแครตเข้าไปนั่งนิ่งๆ ยอมให้ทำอะไรก็ได้ จะมีประโยชน์อะไรที่เราจะมีรัฐมนตรีคนนอกโปรไฟล์ดีๆ มานั่งเป็น รมว.คลัง แถม รมช.คลังก็ยังพูดเอาหล่อจะเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม เก็บภาษีนำเข้าทองคำ เรามีบทเรียนจากรมว.คลังคนที่แล้ว ที่ระบุว่าจะเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 15 เพิ่ม จนถูกกระแสตีกลับจนต้องพับโครงการ 4 เดือนนี้แก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้ ไม่มีใครว่า แต่อย่าสร้างความเสียหายที่เราไม่สามารถกลับไปแก้ไขและไม่สามารถเรียกคืนความเชื่อมั่นกลับมาได้อีกในอนาคต”น.ส.ศิริกัญญา กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เลขาฯ ปชน. สุดมั่นใจกวาดครบทุกเขต 33 พื้นที่กรุงเทพฯ ใกล้เลือกตั้ง 'เท้ง' คะแนนพุ่ง

เลขาฯพรรคประชาชน มั่นใจ กวาดครบ 33 พื้นที่ กทม. แม้ผลโพลความนิยมพรรคประชาชนลดลง เหตุ หนุน "อนุทิน-ปัญหาชายแดน" เชื่อ เวลาที่เหลือสมามรถชี้แจงได้ โว ใกล้เลือกตั้ง "เท้ง" เจิดจรัสคะแนนนิยมพุ่งแน่ ปัดตอบจุดยืน 112 ห่วงขัดศาล รธน. ชี้ "ณัฐพงษ์" ยังไม่ปิดโอกาสจับมือ 100% แต่ต้องการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ด้าน"กาย" ยัน คว้าชัยกทม.ได้แน่นอน

'ชูวิทย์' ฟันธงเลือกตั้ง พรรคประชาชนต่ำ 100 ชี้เดินเกมผิดพลาดครั้งใหญ่

"ชูวิทย์" วิจารณ์ "ธนาธร" เลือกเดินเกมแก้รัฐธรรมนูญผ่านพรรคภูมิใจไทยคือความผิดพลาดครั้งใหญ่ ไม่ใช่การประนีประนอม พร้อมคาดผลเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคประชาชนอาจได้ สส. ต่ำกว่า 100 จากกระแสที่เปลี่ยนและความเชื่อมั่นที่ลดลง

ดร.ณัฏฐ์ ชี้ชัดบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ เกิดรัฐบาลผสม ไม่มีพรรคใดชนะเบ็ดเสร็จ

“ดร.ณัฏฐ์” ชี้ระบบ “บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ” เกิดรัฐบาลผสม ไม่มีพรรคการเมืองใด ชนะเลือกตั้งเบ็ดเสร็จ เปิดตัวทีม “ว่าที่รองนายกรัฐมนตรี” ไม่มีกฎหมายบัญญัติห้ามไว้

โทรโข่งเพื่อไทย โจมตี 'อนุทิน' โยกย้าย ขรก.มหาดไทย ในจำนวนที่น่าตกใจมาก

"ศึกษิษฏ์" ซัด "อนุทิน" โยกย้าย ขรก.มหาดไทยไม่หยุด ตั้งข้อสังเกตโยงเครือข่ายบ้านใหญ่รับศึกเลือกตั้ง ตอก "ธนาธร" หลังออกโรงป้อง "เสี่ยหนู" เหน็บ ภท.-ปชน.ติดค้างสินน้ำใจกันอยู่หรือไม่

'สุพิศาล' อดีตแกนนำพรรคส้ม ลาออกแล้ว แฉเลือกผู้สมัคร สส. มีลับลมคมใน

พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวกรณีที่ได้ลาออกจากพรรคประชาชน ว่า เป็นเรื่องจริง ซึ่งได้ยื่นลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ตั้งแต่เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.ที่ผ่านมา

'อนุทิน' บอกถ้าได้เป็นรัฐบาล 'เอกนิติ-ศุภจี-สีหศักดิ์' ร่วมงานต่อ เดินหน้าคนละครึ่ง

"อนุทิน" ระบุแคนดิเดตนายกฯ ยังไม่ตอบรับ แต่ถ้าได้เป็นรัฐบาลยืนยัน "เอกนิติ-ศุภจี-สีหศักดิ์" ร่วมงานต่อ ส่วนจะเปิดตัววันไหนบอกยังมีเวลา ส่วนนโยบายพรรคยังไม่สะเด็ดน้ำ แต่คนละครึ่งพลัสได้ไปต่อ