
7 ต.ค. 2568- ที่รัฐสภา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ยื่นหนังสือถึงนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ตรวจสอบและพิจารณากรณีพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. มีการใช้อำนาจหน้าที่ไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติของกฎหมาย และไม่ปฏิบัติหน้าที่ ราชการด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มีการใช้กิริยาวาจาหรือประพฤติตนในลักษณะที่ไม่ควร
โดยพล.ต.อ. สุรเชษฐ์ กล่าวว่า จากกรณีที่พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เมื่อวันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา กรณีการทุจริตการสอบของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเมื่อมีการตั้งคณะกรรมการวินัจตรวจสอบตน ทั้งที่พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ทราบอยู่แก่ใจว่าตนไม่ได้มีกรณีถูกดำเนินคดีอาญา แต่กลับมีการไประบุในกรรมการวินัยว่าตนถูกดำเนินคดีอาญาในข้อหาการทุจริตข้อสอบ คือการนำข้อสอบออกจากห้องสอบไปลอก และผ่านมาประมาณ 29 วัน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ก็ยอมรับว่ากระทำผิด และออกคำสั่งแก้ไขโดยเปลี่ยนเป็นผู้กระทำความผิดเฉยๆ และลงชื่อตนออก โดยที่คำสั่งแรกมีการระบุชื่อตนไปแล้ว รวมถึงยังมีการแจ้งเวียนคำสั่งต่างๆ ไปทั่วทั้งบอร์ด ตนเสียหายแล้ว ถือเป็นเรื่องหมิ่นประมาท ซึ่งตนได้ไปฟ้องต่อศาลอาญาแล้ว
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนซึ่งทำให้ประชาชนเข้าใจว่าตนทุจริตข้อสอบ ต่อมาก็ได้มีการแอบแก้ไขคำสั่งโดยการลบชื่อตนออก เพื่อให้พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พ้นผิด และไม่ได้ทำต่อสาธารณะ ได้รับทราบว่าตนไม่ใช่ผู้ต้องหาในคดีทุจริตข้อสอบ สุดท้ายที่ตนทราบคือพนักงานสอบสวนไซเบอร์ ได้สั่งฟ้องคดีนี้เสร็จนานแล้ว โดยไม่มีชื่อตน แม้แต่รายชื่อเดียว และการสอบสวนตั้งแต่แรกปรากฏว่ามีอาจารย์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เรียกเจ้าหน้าที่คุมสอบไปพูดคุยในวันหยุด แล้วให้เจ้าหน้าที่สอบสวนโดยไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้า เจ้าหน้าที่คุมห้องสอบดังกล่าว ได้ให้การว่าตนและน.ส.ขนิษฐา เลิศบรรเจิดวงศ์ หรือ ดร.นิด ไม่ได้นำข้อสอบไป แต่พนักงานสืบสวนไซเบอร์กลับไปสรุปเอาเองว่าน.ส.ขนิษฐา เอาข้อสอบไป และได้มีการเรียหมายจับ ค้นบ้าน รวมถึงเรียกน.ส.ขนิษฐา ให้ไปให้ปากคำตั้งแต่ 08.00 น. ถึง 00.00 น. ของอีกวัน พร้อมบังคับให้น.ส.ขนิษฐา ซัดทอดตนว่าตนเป็นคนขโมยข้อสอบแต่น.ส.ขนิษฐา ไม่ยอมทำตาม ก็ขู่ว่าจะไม่ให้ประกันตัว จนกระทั่งน.ส.ขนิษฐา ไปแจ้งความที่สน.ทุ่งสองห้อง ว่า พนักงานสอบสวนท่านนี้บังคับขู่เข็ญให้ให้การ สุดท้ายก็มีการเรียกน.ส.ขนิษฐา มาพบที่ตำรวจไซเบอร์ และพาขึ้นรถไปถอนแจ้งความที่สน.ทุ่งสองห้อง แต่น.ส.ขนิษฐา ก็ยังไม่ยอมและมีการไปฟ้องต่อศาลอาญา
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า การที่มีการตั้งคณะกรรมการวินัยสอบตนเกิดขึ้นนั้น เพราะพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ จากคดีเว็บพนันหรือคดีต่างๆของตน ตนน่าจะได้กลับมาจึงหาเรื่องใหม่ให้ตน เพื่อดำเนินคดีตนเพิ่มและจะเอาเรื่องใหม่ให้ตนออกจากราชการ ครั้งที่ 2 แต่ตามพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) ตำรวจ มาตรา 129 การตั้งกรรมการสอบสวนวินัยผู้ที่ออกจากราชการไปแล้ว ต้องทำภายใน 1 ปี เกิน 1 ปีจะทำไม่ได้ จึงมีการมาตั้งวันสุดท้าย แต่กลับมีการตั้งโดยที่ไม่มีอำนาจ ฉะนั้น การกระทำของพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ จึงเป็นการกระทำที่จงใจเพราะรู้ตั้งแต่ต้น โดยในสัปดาห์หน้าตนจะไปฟ้องอาญาทุจริตต่อ วันนี้ตนฟ้องหมิ่นประมาทไปแล้ว 2 คดี
“ขอฝากไปถึงคณะกรรมการว่าอย่าไปเป็นเบี้ยล่างเขา หากไม่ทำตามที่นายสั่งแต่ทำถูกต้อง แม้จะโดนย้าย ก็สามารถย้ายกลับมาได้ แต่หากโดยอาญาแล้วจะติดคุก อย่างไรก็ตาม วันนี้พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง ซึ่งเป็นประธานกรรมการ รวมถึงกรรมการทุกคน ไม่มีอำนาจในการสอบสวนตน ขอฝากเตือนไว้ก่อน ท่านอย่ามาสอบสวนเหตุทั้งหมดนี้ตนไม่ได้รับความยุติธรรม และถูกกลั่นแกล้งทุกรูปแบบ จึงมาขอความเป็นธรรมจาก กมธ.ความมั่นคงฯ” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าว
ด้านนายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนคิดว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่งที่กมธ.ต้องรับเรื่องนี้เอาไว้ และจะนำข้อมูลทั้งหมดไปพิจารณา เพื่อกำหนดประเด็นต่อไป โดยในวันที่ 8 ต.ค. จะมีการประชุมกมธ.เพิ่มอีก 1 วัน ซึ่งจะมีการหารือกันในกมธ. ยืนยันว่าตนพร้อมที่จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และยืนยันว่าไม่มีใครมาแทรกแซงการทำงานของตนได้ ขอให้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ สบายใจได้ สำหรับตนจะทำหน้าที่ราวกับว่าจะเป็นวันสุดท้าย อย่างไรก็ตาม หากมีการพิจารณาเรื่องดังกล่าวในกมธ. และเพื่อความเป็นธรรมมีความจำเป็นจะต้องเรียกพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ และต้องมาด้วยตนเอง เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เราไม่ได้กลั่นแกล้งใครแต่เป็นเรื่องของการให้ความเป็นธรรม
เมื่อถามว่าจะมีการดำเนินคดีกับ ตุลาการ อัยการ ที่เกี่ยวข้องในวันไหนอีก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า กรณีที่จะฟ้องท่านสิริกาญจน์ ซึ่งเป็นประธานแผนกอีกท่านหนึ่ง คาดว่าจะฟ้องในวันศุกร์นี้ โดยท่านสิริกาญจน์รับสำนวนของตนจากองค์คณะ ซึ่งองค์คณะมีมติแล้ว ว่าคำสั่งนี้เป็นคำสั่งโดยมิชอบ ปรากฏว่าท่านเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศก็รับสำนวนของตน และได้พูดว่า “ฉันเกลียดไอ้โจ๊ก” ซึ่งตนมองว่าเป็นเรื่องอคติ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'โจ๊ก' ซัด 'บิ๊กต่าย' ไม่ปราบสแกมเมอร์-เว็บพนัน ชี้แจงสังคมไม่ได้ ก็เอาองค์กรตำรวจมาบังหน้า
"โจ๊ก" ซัด "บิ๊กต่าย" เลือกปฏิบัติ ลงโทษทางวินัยไม่เป็นธรรม เเฉเส้นเงินเว็บพนันเอี่ยวนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ โยง “สส.ช.” ยันรักองค์กรไม่อยากให้เสียหายเพราะตำรวจบางคน เหน็บ ผบ.ตร.หากรับองค์กรจริงต้องปกป้อง
'บิ๊กต่าย' ยกมือ-ส่ายหน้า ไม่ตอบปม 'โจ๊ก' ลุยแฉองค์กรตำรวจพัวพันสแกมเมอร์
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ปฏิเสธตอบคำถาม หลังสื่อพยายามสอบถามกรณีพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ออกมาแฉว่าภายในอ
กมธ.ความมั่นคง ชงหลายหน่วยงานสอบ 43 ชื่อบุคคล-บริษัท โยงสแกมเมอร์ข้ามชาติ
"โรม" เผยกมธ.ความมั่นคงเตรียมส่ง 43 รายชื่อให้ทางการสอบ-แบล็กลิสต์ห้ามเข้าประเทศ ไม่ท้อเรียก "นายกฯ-ธรรมนัส" แจงกรรมาธิการฯ
กธ.VSปชน.ฟาดกันเดือด กล้าธรรม หลังพิงฝา สวนกลับ
หลัง พรรคกล้าธรรม-รอ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ตกอยู่ในสภาพตั้งรับทางการเมืองจากการถูกรุกไล่ทางการเมืองจากพรรคประชาชนมาหลายสัปดาห์ ด้วยวิธีการรุกตีขนาบ หลายกระบวนท่า
'โรม' ชงญัตติด่วน จี้นายกฯ ปราบสแกมเมอร์ ทุนเทายึดประเทศ ฉะ 'ซูเปอร์บอร์ด' ตั้งมาซื้อเวลา ไร้แผนงาน
"โรม" ชงญัตติด่วน จี้นายกฯ ปราบสแกมเมอร์ ดึงนานาชาติร่วมปฏิบัติการ ไม่ใช่แค่เดินไปคุย แนะออก พ.ร.ก.ปราบ ยกเครดิต "ชาดา" มองออกใครเป็นโจร ลั่นควรสร้างอนุสาวรีย์ให้ ซัดรัฐบาลซื้อเวลาไร้ความคืบหน้า หวั่นไทยกลายเป็นสวรรค์แห่งการฟอกเงิน ห่วงทุนเทาฮุบอำนาจ ชี้ เลือกตั้งรอบหน้าอาจมี 4 พรรค “สีส้ม สีแดง สีน้ำเงิน และสีดำ” ฉะ "ธรรมนัส" ไม่กล้าเผชิญหน้าความจริง
กมธ.ความมั่นคง ลุยสอบนักการเมือง-บุคคล เอี่ยวสแกมเมอร์ จี้ 'อนุทิน' เร่งสร้างความกระจ่าง
นายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.ระยอง และพรรคประชาชน ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร แถลงผลการประชุมกมธ. ว่า

