รังสิมันต์บอกยึดทรัพย์ 'ชนนพัฒฐ์' 159 ล้านน้อยเกินไป!

'กมธ.มั่นคงฯ'​ เชิญ 'ชนนพัฒฐ์' แจงพรุ่งนี้ 'โรม' มองยึดทรัพย์ 159 ล้านบาทน้อยเกินไป เชื่อมีมากกว่านี้ ถาม 'อนุทิน' เหตุใดยังอุ้ม 'ธรรมนัส' ซัดมีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ ซักฟอก 1 ปีมี 1 ครั้ง จะยื่นต้องเอาให้สำเร็จ

12 พ.ย.2568 - นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมกมธ.วันนี้ ว่า จะพิจารณาเรื่องสแกมเมอร์ต่อจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะเราเกาะติดเรื่องนี้ เป้าหมายหลักอยู่ที่บริษัทฮุยวัน ซึ่งเราเชื่อว่าเรามีข้อมูลที่เป็นเงินคริปโต ที่เกิดจากการกระทำความผิดเกี่ยวข้องกับสแกมเมอร์ เท่าที่ทราบหน่วยงานของรัฐมีข้อมูลนี้ แต่ปัญหาการยึดอายัดทรัพย์ไม่มีการดำเนินการ คงต้องมาตรวจสอบดูว่าเป็นเพราะอะไร และนอกจากเรื่องของบริษัทฮุยวัน แล้ว ก็จะเชื่อโยงไปที่ฮุน โต ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกับนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ซึ่งเราไม่คาดคิดว่าจะมีเรื่องระเบิดเกิดขึ้นอีกครั้ง แต่เมื่อมาถึงจุดนี้ตนคิดว่าเป็นสถานการณ์ที่ประเทศไทยจะต้องเปิดเชิงรุกในเรื่องสแกมเมอร์ให้มากขึ้น เพราะเราต้องยอมรับว่าผู้มีอำนาจในกัมพูชาเกี่ยวพันและเกี่ยวโยงกับสแกมเมอร์ที่อยู่ในกัมพูชา เมื่อเป็นเช่นนี้ตนคิดว่าเป็นจังหวะที่ดี ที่ประเทศไทยต้องรุกให้มากขึ้น รวมถึงเครือข่ายอื่นๆที่มีการเปิดเผยชื่อไปหลายครั้งแล้วในประเทศไทย รวมถึงไทยเทา ที่ต้องเร่งปราบปราบให้เด็ดขาด

เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่รัฐบาลระบุว่ามีการยึดทรัพย์และจัดการปัญหาสแกมเมอร์ได้หลายหมื่นล้านบาทแล้ว นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เวลาเราดูการยึดทรัพย์ ก็เป็นการยึดแค่ชั่วคราว ก็ต้องพูดกันอย่างตรงไปตรงมาว่ายังไม่สามารถตอบได้ว่ากระบวนการจะไปจบที่ตรงไหน ล่าสุดที่มีการยึดทรัพย์ นายชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว สส.สงขลา พรรคกล้าธรรม ก็ต้องเรียนตามตรงว่าการไปยึดทรัพย์ดังกล่าว อาจเรียกว่าเป็นความคืบหน้าระดับหนึ่งเพราะไม่บ่อยที่เราจะเห็นนักการเมืองไทย ถูกดำเนินการจริงจังตามกฎหมาย แต่ตอนนี้ที่ต้องตรวจสอบคือมีแค่เฉพาะนายชนนพัฒฐ์หรือไม่ เพราะตามข่าวใช้คำว่ากับพวก คงต้องไปดูว่านอกจากนายชนนพัฒฐ์ ยังมีนักการเมืองอื่นอีกกี่คน จากที่ตนตรวจสอบดูเส้นทางการเมืองมากกว่านายชนนพัฒฐ์มีหลายคน แล้วชื่ออื่นๆที่อาจจะเกี่ยวข้องกับเส้นทางการเงินกับนายชนนพัฒฐ์ จะถูกดำเนินการอย่างไร หรือมีการยึดอายัดทรัพย์สินด้วยหรือไม่ และสิ่งที่ชวนคิดคือนายชนนพัฒฐ์ มีทรัพย์สินแค่นั้นจริงๆหรือ เพราะโดยธรรมชาติของเว็บพนันที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกับแก๊งสแกมเมอร์ ซึ่งปกติเว็บพนันมีเงินมหาศาล ดังนั้น ถ้ายึดแค่ 159 ล้านบาท ก็อาจจะดูน้อยเกินไป เมื่อเทียบกับข้อเท็จจริงที่เราเชื่อว่านายชนนพัฒฐ์มีทรัพย์สินที่มีมูลค่ามากกว่านั้น คงต้องตรวจสอบกันต่อไป เบื้องต้น 13 พ.ย. ทางกมธ. ได้เชิญนายชนนพัฒฐ์ มาชี้แจง ซึ่งตนได้รับแจ้งเบื้องต้นมานายชนนพัฒฐ์จะมาชี้แจง แต่ไม่รู้จะเปลี่ยนใจหรือไม่ และหวังว่านายชนนพัฒฐ์จะมาชี้แจง เข้าใจว่าจะมาพร้อมกับนายไผ่ ลิงค์ สส.กำแพงเพชร เลขาธิการพรรคกล้าธรรม ด้วยหรือไม่ ยังไม่แน่ใจ ซึ่งเมื่อมาแล้วก็เอาผังต่างๆมาชี้แจงให้ชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกันอย่างไร ถ้าพบว่ามีการทำความผิดเพิ่มเติม คงมีการส่งเรื่องให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินทางกฎหมายต่อไป

เมื่อถามว่า มองว่านายชนนพัฒฐ์ มีการยักย้ายทรัพย์สินออกไปก่อนที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) จะอายัด ถึงมีเพียง 159 ล้านบาท นายรังสิมันต์ กล่าวว่า คิดว่าคงเป็นทรัพย์สินในรูปแบบคริปโต และอาจจะยังตรวจไม่เจอ เพราะถ้าเราดูตามผังมีการใช้บัญชีม้า เส้นเงินอาจจะเชื่อมเข้าสู่บัญชีส่วนตัว แต่สิ่งที่ตนเป็นห่วงคือถ้าดูธรรมชาติของแก๊งสแกมเมอร์คือเขาจะมีการเปลี่ยนเงิน 3 แบบ คือ 1. เปลี่ยนเป็นอสังหาริมทรัพย์ หรือสินทรัพย์ราคาแพง รถหรู ซึ่งอาจจะใช้ชื่อนอมินีหรือชื่อตนเองก็ได้ 2. รูปแบบทองคำ และ 3. คริปโตเคอร์เรนซี หากเป็นรูปแบบนี้ตนเป็นห่วงว่าหน่วยงานของรัฐตรวจเจอมากน้อยแค่ไหน หรืออาจจจะมีการซุกซ่อนใช้กระเป๋าเงินดิจิทัลในการซุกซ่อนเหรียญคริปโตที่มีมูลค่ามากมายก็ได้ และตอบไม่ได้ว่านายชนนพัฒฐ์มีหรือไม่ ต้องตรวจสอบต่อไป และปปง.ต้องชี้แจงต่อกมธ. ในเรื่องนี้ด้วย

เมื่อถามว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ประกาศว่าใครมีข้อมูลชัดเจนว่ามีรายชื่อบุคคลใด ไม่ว่านักการเมืองหรือข้าราชการไปเกี่ยวข้อง ให้ส่งข้อมูลไปที่ผู้บังคับบัญชาโดยตรง ขณะที่นายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลและเศรษฐกิจเพื่อสังคม (ดีอี) ระบุว่ายังไม่ได้ข้อมูลนักการเมือง 7 คน นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนได้รับการประสานด้วยวาจาว่าให้นำข้อมูลไปให้นายกฯแต่ยังหาวันไม่ลงตัว ซึ่งตนยินดีที่จะไปให้ข้อมูลกับนายกฯ และตนไม่ได้กังวลว่าต้องไปชี้แจงกับใคร ส่วนเรื่องการทำหน้าที่ของรัฐบาลที่บอกว่าจะทำหน้าที่ตรงไปตรงมา ก็พูดกันตรงไปตรงมาว่าท่านควรมาดูลูกน้องของท่านบ้าง เพราะในการพูดคุยกันในกมธ.มีการปรากฏชื่อหลายคน ถ้าตรวจสอบว่าคนที่มากมธ.เป็นใคร ก็จะพอเห็นภาพว่าใครเป็นเป้าหมายในการตรวจสอบ แต่ปัญหาคือถ้าพูดแบบท่านไม่รู้อะไรเลย เพียงบอกว่ารายชื่อ 7 คน มีหรือไม่ ซึ่งนี่ก็เริ่มปรากฏแล้ว แทนที่จะมาตั้งคำถามกลับแบบนี้ทำไมไม่มาช่วยกันนการปราบปรามเรื่องนี้


“ผมยืนยันได้ว่าคุณอนุทินรู้ดี ว่ามีนักการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้อกับแก๊งสแกมเมอร์ ถ้าบอกว่าท่านไม่รู้ ผมไม่เชื่อ ยืนยันว่าให้มาช่วยกันปราบสแกมเมอร์ดีกว่า แต่ถ้าจะมาตอบโต้เราทั้งที่พวกเรามีความปรารถนาดี ผมคิดว่าจะทำให้ความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลในการปราบปรามสแกมเมอร์ลดลง จากที่ลดลงอยู่แล้วในฐานะที่มีร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกฯ​และรมว.เกษตรและสหกรณ์ ก็ยิ่งแย่ลงไปอีก ไม่รู้ว่ามีใครไปถามคุณธรรมนัสแล้วหรือไม่ เรื่องนายชนนพัฒฐ์”นายรังสิมันต์ กล่าว

เมื่อถามว่า ตั้งข้อสังเกตหรือไม่ว่าเหตุใดนายกฯไม่ขยับเรื่องนี้เลย นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เอาขั้นต่ำที่สุด นายกฯต้องรู้ว่ามีกรณีของนายเบน สมิธ เพราะตอนที่นายกฯเป็นรมว.มหาดไทยขณะนั้น เป็นคนที่ไม่ได้ให้สัญชาตินายเบน สมิธ และนายกฯต้องรู้อยู่แล้วว่านายเบน สมิธ เชื่อมโยงบุคคลสำคัญใดบ้าง ใครบ้างที่วิ่งเต้นให้นายเบน สมิธ แต่จะมาบอกว่าไม่มีนักการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องเลย ตนคิดว่าเป็นการพูดเอาง่าย ก็จะกลับมาที่ประเด็นเดิมว่านักการเมืองประเทศเรามีอิทธิพล จนทำให้กลไกการตรวจสอบต่างๆ ไม่สามารถทำได้โดยง่าย จึงทำให้การตรวจสอบไม่สามารถบรรลุผลได้ ถ้าไม่ตรวจสอบเข้มข้นขนาดนี้ ตนก็ไม่มั่นใจว่าเราจะเห็นความก้าวหน้าในเรื่องนี้ ซึ่งกรณีนายชนนพัฒฐ์ พอจะเห็นความก้าวหน้าแล้ว

เมื่อถามว่ามองการทำงานของรัฐบาลว่าจริงใจในการปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ด้านการสื่อสารขยายอยู่ แต่ทางปฏิบัติตนยังไม่มั่นใจเพราะยังคาดหวังมากกว่านี้ อย่างวันนี้ในที่ประชุมกมธ. เราจะชี้เป้าบริษัทฮุยวัน ที่เป็นบริษัทที่มีข้อมูลอยู่แล้ว น่าจะเปิดปฏิบัติการได้เลยหรือ 43 รายชื่อ ที่ทางกมธ.จะส่งให้ เราก็คาดหวังว่าจะบรรลุเป้าหมายว่าจะดำเนินการ ตั้งแต่ชั้น ตม. การตรวจสอบเส้นทางการเงิน และคดีความอาญา ถ้ากวาดทั้งระบบก็จะส่งผลดี ต่อประเทศไทยในการแก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติได้

“ถ้าให้ผมพุ่งเป้าว่าทำไมรัฐบาลถึงไม่จริงจังในเรื่องนี้ คิดว่าคงติดปัญหาเรื่องทุนไทยเทา ซึ่งมีอำนาจทางการเมือง ถ้าแฟร์ๆ ก็ไม่ได้มีแค่คุณธรรมนัส แต่วันนี้คุณธรรมนัสเป็นผู้ดำรงตำแหน่งที่สำคัญทางการเมือง คงต้องไปถามนายกฯว่าทำไมไม่ปลดคุณธรรมนัส ทั้งๆที่คุณธรรมนัสเกี่ยวข้องกับคุณเบน สมิธ และถ้าคุณธรรมนัสบริสุทธิ์ใจ ก็มาชี้แจงตอบคำถามกมธ. เราทุกอย่างออกมาเปิดให้หมด ถ้าท่านมีความจำไม่ดีเรื่องเรือยอร์จ ก็ไปทบทวนหน่อย ยังมีเวลา แล้วมาชี้แจงต่อกมธ.ว่าใครเป็นเจ้าของ แฟร์ๆเลยคือคุณธรรมนัสเคยให้สัมภาษณ์ไปบ้างแล้วคือคนที่ให้รู้จักกับเบน สมิธ คือนายทักษิณ​ ชินวัตร อดีตนายกฯ​แต่ตอนนี้เราไม่ทราบ เพราะคุณทักษิณ​พูดไม่ได้ อย่างไรก็ตาม อยากให้คุณธรรมนัสใช้โอกาสนี้ชี้แจงให้ชัดเจน นี่ยังไม่นับบุคลากรทางการเมืองที่เข้าไปเกี่ยวข้องอีกหลายคน บางท่านเป็นอดีตนายกฯ ดังนั้น ผมเชื่อว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้ความคืบหน้าเรื่องการแก้ปัญหาสแกมเมอร์ไม่สามารถจบโดยง่ายเพราะมีคนการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้อง ” นายรังสิมันต์ กล่าว

ต่อข้อถามว่า มีการเรียกร้องให้นายกฯ ดำเนินการต่อร.อ.ธรรมนัส และนักการเมือง แต่ดูเหมือนนายกฯเพิกเฉย ถือว่าเข้าข่ายการละเว้นปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า จากที่ดูทิศทางไปสู่จุดนั้นแน่นอน เพราะไม่มีเหตุผลที่จะปล่อยให้ร.อ.ธรรมนัส ดำรงตำแหน่งเป็นรองนายกฯ และยิ่งมีกรณีของนายชนนพัฒฐ์ ยิ่งไม่มีเหตุผลเลย ดังนั้น ถ้านายกฯไม่มีการดำเนินการเรื่องนี้ปัญหาเรื่องสแกมเมอร์ไม่มีทางจบ ไม่ใช่แค่เรื่องความเชื่อมั่นของรัฐบาลแต่เป็นความเชื่อมั่นระหว่างโลกกับประเทศไทย และทำให้กระแสกดดันที่มีต่อนายกฯจะเพิ่มสูงขึ้น และเกิดคำถามว่าทำไมนายกฯต้องอุ้มร.อ.ธรรมนัส แปลว่าอะไร จากเดิมที่คนไม่สงสัยมาก ไปๆมาๆก็ทำให้รู้สึกว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนบางอย่าง จึงทำให้การใช้อำนาจของนายกฯไม่เกิดขึ้น ดังนั้น เวลาที่เหลือนายกฯ จัดการกับสแกมเมอร์แและร.อ.ธรรมนัส จะน้อยลงเรื่อยๆในรัฐบาลนี้

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ข้อมูลที่พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรองผบ.ตร. และนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม คิดว่าไม่ใช่ทั้งหมดแต่เป็นข้อมูลที่เชื่อมโยงกับบุคลสำคัญจำนวนมาก บางส่วนเป็นข้าราชการตำรวจและอดีตข้าราชการระดับสูง จำนวนมาก บางส่วนเป็นนักการเมือง ซึ่งเราจะได้เห็นมีนักการเมืองภาคใต้อีกว่าอาจจะไปเชื่อมโยงเรื่องนี้ หาไม่เกี่ยวต้องเอาพยานหลักฐานมาชี้แจงกมธ. อย่างไรก็ตาม หากเอาไปขยายผลจะเห็นความสัมพันธ์ทางเส้นทางการเงินที่ลึกซึ้งมากขึ้น

เมื่อถามว่า จะมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจเรื่องสแกมเมอร์หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เราพร้อมคุยกับพรรคเพื่อไทย เพราะมองว่าไทม์ไลน์ทั้งการแก้รัฐธรรมนูญ​ เรื่องการเปิดสภาฯ มาจนเรื่องนี้ ไปด้วยกันได้ ดังนั้น การอภิปรายไม่ไว้วางใจถ้าจะเกิดขึ้นก็ต้องคุยกับพรรคฝ่ายค้านทั้งหมด และต้องออกแบบยุทธศาสตร์ ตนคิดว่าเราจะยื่นใครก็แล้วแต่ สิ่งสำคัญคือต้องเอาให้สำเร็จ เพราะใช้ได้แค่ครั้งเดียวต่อปี หากเรามีเสียงฝ่ายค้านเยอะขนาดนี้ ถ้าจะดำเนินการต้องเป้าหมายและต้องเอาให้ได้

“ปกติรัฐบาลไม่กี่เดือน เขาไม่ค่อยโดนอภิปรายไม่ไว้วางใจแต่การที่มีกระแสเรียกร้องมายังฝ่ายค้านให้เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ผมคิดว่าคุณอนุทินต้องทบทวนตัวเองว่าทำไมกระแสเรียกร้องถึงสูงขนาดนี้ การที่คุณอนุทินไม่ดำเนินการอย่างไรก็ต้องคิดถึงประโยชน์ระยะยาวต่อประเทศชาติด้วย” นายรังสิมันต์ กล่าว

เมื่อถามว่า ส่วนตัวคิดว่าปัญหาที่เกิดขึ้นร้ายแรงจนถึงขั้นต้องอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ เพราะน.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ระบุว่ายังไม่ร้ายแรง นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เวลาที่เรามองว่าร้ายแรงหรือไม่ร้ายแรง แน่นอนว่าเรื่องทุนสิเทาร้ายแรงอยู่แล้ว เพราะเป็นวาระระดับโลก ไม่ใช่แค่สังคมไทยเท่านั้น การที่เราตรวจสอบเชิงรุง และเรียกร้องกับรัฐบาลให้มีการดำเนินการเรื่องนี้จริงจัง ถ้าปล่อยแบบนี้ไปเรื่อยๆสิ่งที่สังคมจะตั้งคำถามคือ คุณมีเอี่ยวด้วยหรือไม่ เพราะแม้แต่นายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย ยังรู้ว่าใครเป็นโจร วันนี้คุณรู้ว่าโจรอยู่ไหนแล้วไม่ดำเนินการอะไร ความเสียหายจะเกิดขึ้นมาก และความร้ายแรงจะแปรผันไปตามกาลเวลาในการไม่ทำอะไรของนายอนุทิน ถ้าปล่อยไปแบบนี้ พรรคประชาชนปล่อยไม่ได้ คงต้องตรวจสอบทุกกระบวนการ ทุกกลไกที่เป็นไปได้ แต่การที่จะไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจต้องมีการพูดคุยกัน อย่างที่หัวหน้าพรรคเพื่อไทยได้เคยระบุไว้

เมื่อถามย้ำว่า การที่น.ส.ศิริกัญญาบอกว่าไม่ร้ายแรง แสดงว่าในพรรคไม่มีข้อมูลเรื่องนี้ใช่หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ไม่ใช่ว่าน.ส.ศิริกัญญา ไม่เห็นว่าเรื่องนี้ไม่ร้ายแรง เพราะเรื่องทุนสีเทาร้ายแรงทั้งหมด เพียงแต่เวลาที่เราพูดถึงผู้กระทำความผิด มีตัวละครหลายคน แต่ละตัวละครมีบทบาทที่ต่างกัน แต่ตนยืนยันว่าในสายตาของพรรคประชาชน ทุนสีเทาและแก๊งสแกมเมอร์ เป็นเรื่องที่ร้ายแรง และเรายืนยันในจุดยืน รวมถึงตรวจสอบรัฐบาลในเรื่องนี้ ยืนยันว่าไม่มีพรรคการเมืองไหนตรวจสอบรัฐบาลอย่างเข้มข้นเท่าพรรคประชาชน เพียงแต่เวลามองการอภิปรายไม่ไว้วางใจต้องมองทุกมิติที่ต้องคำนึงถึงหลายอย่าง และเราพร้อมใช้กลไกทั้งหมดแก้ไขเรื่องทุนสีเทา

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รู้จักน้อยไปจริง! กระทุ้ง 'อนุทิน' เผยตัวตนให้มากขึ้น

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า หรือเรารู้จักท่านนายกรัฐมนตรีน้อยไปจริงๆ

เพื่อไทยกระอัก! 'อนุทิน' ย้อนเจ็บ มีภาพคู่ทักษิณเยอะ ไม่เห็นมีปัญหา

"อนุทิน" เหน็บ "สุริยะ-โฆษกเพื่อไทย" ไม่รู้เรื่องอะไรเพราะไม่ได้ร่วมวง การสนทนาสำหรับผมต้องระดับสูงขึ้นไป ย้อนเจ็บภาพถ่ายคู่ทักษิณก็มีตั้งเยอะ ไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลย

โฆษกภูมิใจไทย โต้เดือด โทรโข่งเพื่อไทยแกล้งตาบอด ไม่เห็นภาพทักษิณกับเบน สมิธ

โฆษกภูมิใจไทย สวนโฆษกเพื่อไทย อย่าแกล้งตาบอด ปีนี้ใครถ่ายรูปกับ "เบน สมิธ" ยัน "อนุทิน" แค่รู้จักแต่ไม่สนิท ผลงานประจักษ์ยึดทรัพย์หมื่นล้านสแกมเมอร์รายใหญ่ บีบพ้น มท.1 เหตุไม่ให้สัญชาติใครหรือไม่ เย้ย 4 เดือนใครบริหารน้ำท่วมเหลว ขณะที่ "2 เดือน" นายกฯอนุทิน" เข้ามาแก้วิกฤติ

สส.ปชน. เรียกร้องรัฐบาลเยียวยาน้ำท่วมภาคกลางให้มีมาตรฐานเดียวกับภาคใต้

"เต้ ทวิวงศ์​" จี้รัฐบาลอย่า 2 มาตรฐาน ช่วยน้ำท่วมใต้แล้ว หันมาช่วยน้ำท่วมภาคกลางด้วย บอก "ภราดร" ลองกลับมาถามคนอ่างทอง หากรอการเยียวยาเป็นลำดับถัดไปไหวหรือไม่ เหตุอยุธยาจมน้ำมา 4-5 เดือนแล้ว คนเสียชีวิตไปกว่า 20 ราย ชี้ ชาวบ้านต้องทำมาหากิน ควรมีมาตรการชดเชย-ช่วยเหลือเต็มรูปแบบเหมือนกัน

บก.ลายจุด อวยว่าที่นายกฯ ฝึกงานล้างบ้าน เก็บขยะ มีพัฒนาการที่ดี ลงท้ายแขวะ 'อภิสิทธิ์'

นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือบก.ลายจุด โพสต์ภาพนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน กำลังล้างบ้านน้ำท่วมที่หาดใหญ่ พร้อมข้อความระบุว่า ใครทนอ่านเรื่องส้มไม่ได้ให้ข้ามไปก่อน