
2 ธ.ค. 2568- ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน โพสต์ข้อความว่าอย่าผลักภาระให้ประชาชนต้องพิสูจน์ตัวเองเพื่อรับการเยียวยา น้ำท่วมใต้ครั้งนี้สาหัส พวกเขาสูญเสียมากเกินไปแล้ว
วันนี้ผมพร้อมทีมอาสากระจกเงาและทีมงานพรรคประชาชน ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายของหาดใหญ่ สงขลา พร้อมทำภารกิจฟื้นฟูช่วยทำความสะอาดที่อยู่อาศัยพี่น้องประชาชนบริเวณชุมชนริมคลองหวะ ซอยสามัคคี และที่วัดเกาะเสือ พร้อมหารือกับสมาคมและผู้ประกอบการในพื้นที่ และพูดคุยเพื่อรับฟังปัญหาจากประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมครับ
วันนี้ ความเสียหายจากเหตุอุทกภัยที่ประชาชนได้รับ แม้จะแตกต่างกันบ้าง แต่ก็ได้รับผลกระทบกันทุกคน ล่าสุดที่รัฐมีมาตรการเยียวยา 9,000 บาทออกมา สร้างภาระให้ประชาชนต้องหาทางไปถ่ายเอกสารสำเนาบัตรประชาชน ทั้งที่น้ำท่วมครั้งใหญ่ทั่วเมืองขนาดนี้ ร้านถ่ายเอกสารก็คงจมน้ำไปไม่แพ้กัน ไหนจะเอกสารที่ประชาชนต้องจัดหาอีก
แม้จะมีการแจ้งแก้ไขให้ประชาชนมาลงทะเบียนพร้อมบัตรประชาชนใบเดียว หรือลงทะเบียนในระบบออนไลน์ได้ แต่กระบวนการขอรับการเยียวยาก็ยังคงเป็นภาระการพิสูจน์ของประชาชนอยู่ดี พวกเขาต้องมายืนยันตัวตนกับภาครัฐ ในขณะที่บ้านพักที่อยู่อาศัยของพวกเขาเพิ่งจมน้ำกันมาอย่างหนัก หลายคนก็ไม่สะดวก เข้าไม่ถึงอินเทอร์เน็ต ทำให้พวกเขาต้องสูญเสียสิทธิไปโดยใช่เหตุหรือไม่?
ผมขอย้ำข้อเสนออีกครั้งว่ากระบวนการเยียวยาควรมี 2 รูปแบบ
1. คือการจ่ายถ้วนหน้าให้ทุกคนที่อยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบโดยไม่ต้องมีการพิสูจน์ และ
2. การเยียวยาอีกรูปแบบหนึ่งสำหรับประชาชนที่ได้รับความเสียหายเป็นการเฉพาะ ที่ต้องมีการพิสูจน์ความเสียหาย ก็เป็นอีกกระบวนการหนึ่งไป
ในส่วนของการจ่ายเงินเยียวยาถ้วนหน้าเป็นสิ่งที่อยู่ในขอบข่ายที่รัฐทำได้อยู่แล้ว เพราะข้อมูลจากหน่วยงานต่างๆ ของภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลด้านภูมิสารสนเทศจาก GISTDA ที่อาศัยภาพถ่ายดาวเทียม หรือข้อมูลทะเบียนบ้านจากไปรษณีย์ไทย สามารถบ่งชี้ได้อย่างแม่นยำว่าพื้นที่บ้านเรือนประชาชนส่วนไหนที่ได้รับผลกระทบบ้าง? เป็นระยะเวลากี่วัน? เข้าเงื่อนไขการเยียวยาที่กำหนดหรือไม่?
น่าเสียดายนะครับ ที่รัฐซึ่งมีข้อมูลอยู่ในมืออยู่แล้ว แต่กลับไม่นำข้อมูลเหล่านี้มาบูรณาการใช้ และกลับเลือกใช้ความเคยชินในการจ่ายเงินเยียวยาแบบเดิมๆ
ทำให้ประชาชนต้องเป็นผู้รวบรวมและยื่นเอกสารกับทางการเอง เป็นการผลักภาระในการพิสูจน์ไปให้กับประชาชน ทั้งที่คลังข้อมูลของหน่วยงานรัฐต่างๆ สามารถใช้เพื่อการพิสูจน์ได้ไม่ยาก และสามารถข้ามขั้นตอนที่เป็นภาระของประชาชนอย่างการรวบรวมและยื่นเอกสารได้
นอกจากนี้ จำนวนเงินเยียวยาเพียง 9,000 บาทต่อหัว นับว่าน้อยเกินไปมากสำหรับความเสียหายที่ประชาชนได้รับจากอุทกภัยในครั้งนี้ หลังจากการที่ผมได้เข้าพื้นที่สำรวจความเสียหายร่วมกับอาสาสมัครมูลนิธิกระจกเงาวันนี้ ผมได้เห็นภาพความเสียหายที่อย่างไรเสีย เงิน 9,000 บาทไม่พอที่จะชดเชยเยียวยาได้แน่นอน
ไม่ต้องพูดถึงส่วนที่ได้รับความเสียหายเฉพาะด้านที่ต้องมีการพิสูจน์ ความเสียหายของประชาชนทั่วไปที่ขาดโอกาสในการหารายได้ หรือความเสียหายต่อทรัพย์สินและบ้านเรือน เงิน 9,000 บาทถือว่ายังน้อยเกินไปจริงๆ
อย่าผลักภาระให้ประชาชนต้องพิสูจน์ตัวเองเพื่อรับการเยียวยา น้ำท่วมใต้ครั้งนี้สาหัส พวกเขาสูญเสียมากเกินไปแล้ว
วันนี้ผมพร้อมทีมอาสากระจกเงาและทีมงานพรรคประชาชน ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายของหาดใหญ่ สงขลา พร้อมทำภารกิจฟื้นฟูช่วยทำความสะอาดที่อยู่อาศัยพี่น้องประชาชนบริเวณชุมชนริมคลองหวะ ซอยสามัคคี และที่วัดเกาะเสือ พร้อมหารือกับสมาคมและผู้ประกอบการในพื้นที่ และพูดคุยเพื่อรับฟังปัญหาจากประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมครับ
วันนี้ ความเสียหายจากเหตุอุทกภัยที่ประชาชนได้รับ แม้จะแตกต่างกันบ้าง แต่ก็ได้รับผลกระทบกันทุกคน ล่าสุดที่รัฐมีมาตรการเยียวยา 9,000 บาทออกมา สร้างภาระให้ประชาชนต้องหาทางไปถ่ายเอกสารสำเนาบัตรประชาชน ทั้งที่น้ำท่วมครั้งใหญ่ทั่วเมืองขนาดนี้ ร้านถ่ายเอกสารก็คงจมน้ำไปไม่แพ้กัน ไหนจะเอกสารที่ประชาชนต้องจัดหาอีก
แม้จะมีการแจ้งแก้ไขให้ประชาชนมาลงทะเบียนพร้อมบัตรประชาชนใบเดียว หรือลงทะเบียนในระบบออนไลน์ได้ แต่กระบวนการขอรับการเยียวยาก็ยังคงเป็นภาระการพิสูจน์ของประชาชนอยู่ดี พวกเขาต้องมายืนยันตัวตนกับภาครัฐ ในขณะที่บ้านพักที่อยู่อาศัยของพวกเขาเพิ่งจมน้ำกันมาอย่างหนัก หลายคนก็ไม่สะดวก เข้าไม่ถึงอินเทอร์เน็ต ทำให้พวกเขาต้องสูญเสียสิทธิไปโดยใช่เหตุหรือไม่?
ผมขอย้ำข้อเสนออีกครั้งว่ากระบวนการเยียวยาควรมี 2 รูปแบบ
1. คือการจ่ายถ้วนหน้าให้ทุกคนที่อยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบโดยไม่ต้องมีการพิสูจน์ และ
2. การเยียวยาอีกรูปแบบหนึ่งสำหรับประชาชนที่ได้รับความเสียหายเป็นการเฉพาะ ที่ต้องมีการพิสูจน์ความเสียหาย ก็เป็นอีกกระบวนการหนึ่งไป
ในส่วนของการจ่ายเงินเยียวยาถ้วนหน้าเป็นสิ่งที่อยู่ในขอบข่ายที่รัฐทำได้อยู่แล้ว เพราะข้อมูลจากหน่วยงานต่างๆ ของภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลด้านภูมิสารสนเทศจาก GISTDA ที่อาศัยภาพถ่ายดาวเทียม หรือข้อมูลทะเบียนบ้านจากไปรษณีย์ไทย สามารถบ่งชี้ได้อย่างแม่นยำว่าพื้นที่บ้านเรือนประชาชนส่วนไหนที่ได้รับผลกระทบบ้าง? เป็นระยะเวลากี่วัน? เข้าเงื่อนไขการเยียวยาที่กำหนดหรือไม่?
น่าเสียดายนะครับ ที่รัฐซึ่งมีข้อมูลอยู่ในมืออยู่แล้ว แต่กลับไม่นำข้อมูลเหล่านี้มาบูรณาการใช้ และกลับเลือกใช้ความเคยชินในการจ่ายเงินเยียวยาแบบเดิมๆ
ทำให้ประชาชนต้องเป็นผู้รวบรวมและยื่นเอกสารกับทางการเอง เป็นการผลักภาระในการพิสูจน์ไปให้กับประชาชน ทั้งที่คลังข้อมูลของหน่วยงานรัฐต่างๆ สามารถใช้เพื่อการพิสูจน์ได้ไม่ยาก และสามารถข้ามขั้นตอนที่เป็นภาระของประชาชนอย่างการรวบรวมและยื่นเอกสารได้
นอกจากนี้ จำนวนเงินเยียวยาเพียง 9,000 บาทต่อหัว นับว่าน้อยเกินไปมากสำหรับความเสียหายที่ประชาชนได้รับจากอุทกภัยในครั้งนี้ หลังจากการที่ผมได้เข้าพื้นที่สำรวจความเสียหายร่วมกับอาสาสมัครมูลนิธิกระจกเงาวันนี้ ผมได้เห็นภาพความเสียหายที่อย่างไรเสีย เงิน 9,000 บาทไม่พอที่จะชดเชยเยียวยาได้แน่นอน
ไม่ต้องพูดถึงส่วนที่ได้รับความเสียหายเฉพาะด้านที่ต้องมีการพิสูจน์ ความเสียหายของประชาชนทั่วไปที่ขาดโอกาสในการหารายได้ หรือความเสียหายต่อทรัพย์สินและบ้านเรือน เงิน 9,000 บาทถือว่ายังน้อยเกินไปจริงๆ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ศป.กฉ.ยันอินเทอร์เน็ตหาดใหญ่ใช้ได้แล้ว 100%
ศป.กฉ.โอนเงินเยียวยาวันนี้อีก 3.3 พันล้านให้ 3.6 แสนครัวเรือน ระบุสัญญาณอินเทอร์เน็ตครอบคลุมพื้นที่หาดใหญ่ 100% แล้ว
เปิดคำยืนยันจาก อาจารย์หมออ๊อด เจ้าพ่อนิติเวชผู้ชันสูตรศพน้ำท่วมหาดใหญ่
ผศ.นพ.ธนพันธ์ ชูบุญ สูตินรีแพทย์ รพ.สงขลานครินทร์ และนักเขียนชื่อดัง "เรื่องเล่าของหมอสูติ" โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า "ตู้นึงเก็บได้ ๒๐ ร่างใช่ไหม" เมื่อช่วงค่ำ ผมได้คุยกับอาจารย์หมออ๊อด เจ้าพ่อนิติเวชที่ทำ
จากใจถึงใจ... ทีมผู้บริหารทรูลงพื้นที่หาดใหญ่ เร่งช่วยเหลือ พร้อมเติมพลังใจฮีโร่ชุดขาว จิตอาสาด่านหน้า พนักงาน คู่ค้า และชุมชนผู้ประสบภัย
จากสถานการณ์อุทกภัยที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อพี่น้องชาวใต้เป็นวงกว้าง จนต้องเร่งฟื้นฟูให้ทุกคนสามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติ ทรู คอร์ปอเรชั่น ยังคงเดินหน้าภารกิจสำคัญในการดูแลช่วยเหลือคนไทย โดยล่าสุด คณะผู้บริหารทรู
รถยกนครบาล 40 คัน ถึงหาดใหญ่ ภารกิจเคลียร์รถกว่า 2 พันคันขวางถนน
ผบ.ตร.ส่งกำลังเสริมช่วยจัดระเบียบจราจรเมืองหาดใหญ่ หลังพบรถถูกน้ำพัด-จอดขวางจำนวนมาก สั่งสำรวจ–ตามหาเจ้าของ พร้อมเปิดจุดเก็บรถ 3 แห่งรองรับกว่า 2,300 คัน และให้ประชาชนสแกน QR ตรวจสอบตำแหน่งรถได้
นักวิชาการ มธ. ชูแผน 3 ระยะ แก้วิกฤติซากขยะหลังน้ำลดหาดใหญ่
นักวิชาการธรรมศาสตร์ เสนอแผน 3 ระยะแก้วิกฤติซากขยะ “หาดใหญ่” หลังน้ำลด ระยะเร่งด่วน “เทศบาล-อบต.” ต้องกำหนดจุดทิ้งขยะใกล้ชุมชน
ระทึก! หนุ่มลูกครึ่ง 17 ปี กระโดดตึกที่หาดใหญ่ รอดปาฏิหาริย์ค้างบนชั้น 3
เหตุระทึกกลางหาดใหญ่ วัยรุ่นป่วยซึมเศร้ากระโดดโรงแรม 7 ชั้น แต่ร่างไปค้างบนจั่วชั้น 3 กู้ภัยโรยตัวช่วยทันก่อนส่ง รพ. พ่อเลี้ยงเผยมีอาการซึมเศร้า มาเยี่ยมย่าป่วยก่อนเกิดเหตุ


