
นายมนรัฐ ผดุงสิทธิ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด กล่าวว่า หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในปี 2563 – 2564 จากอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ ทำให้นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนในบริษัทที่มีความเสี่ยงสูงและเติบโตสูง (หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี) ได้ อย่างไรก็ดีในปีนี้บริษัทในกลุ่มเทคโนโลยีเหล่านี้ถูกเทขายอย่างหนักหลังธนาคารกลางสหรัฐฯ เร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วและรุนแรง (FED Fund Rate เพิ่มขึ้นจาก 0.25% เป็น 3 – 3.25% ในปัจจุบัน เพื่อลดอัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง และมีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องอีก 0.5% - 0.75% ในสิ้นปีนี้ ทำให้นักลงทุนหันมาซื้อหุ้นกลุ่มที่แนวโน้มการเติบโตของรายได้และกำไรและมีความเสี่ยงต่ำกว่ามากขึ้นเพื่อรับมือกับความผันผวนของตลาดหุ้น
นายมนรัฐกล่าวต่อว่าหุ้นกลุ่ม Financial Sector ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มธุรกิจหลักๆ ได้แก่ ธนาคาร (Banking), ตลาดทุน (Capital Market), ประกัน (Insurance) และ Electronic Payment Network เป็นอีกกลุ่มที่งบไตรมาส 3/2565 ค่อนข้างดี โดยหุ้นกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่เช่น Bank of America, CITI, JP Morgan และ Wells Fargo มีกำไรที่ดีกว่าคาด 15% รายได้สูงกว่าคาด 3% ขณะที่การตั้งสำรอง (เผื่อหนี้สงสัยจะสูญ) อยู่ที่ 12% น้อยกว่าคาด ในรายละเอียดพบว่ารายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (Net Interest Income: NII) เพิ่มขึ้น 0.11% จากไตรมาสก่อน และ 0.22% จากปีก่อน ขณะที่ส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ (Net Interest Margin: NIM) เพิ่มขึ้น 0.27% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 0.43% จากปีก่อน นอกจากนี้หุ้นกลุ่ม Electronic Payment Network หรือบริษัทที่เป็นตัวกลางในการชำระเงิน และดำเนินการระหว่าง ร้านค้า กับ สถาบันการเงิน เช่น VISA, American Express ต่างก็มีรายได้และกำไรที่เติบโตต่อเนื่อง โดยรายได้ของ VISA และ American Express เติบโต 19% และ 24% เมื่อเทียบกับปีก่อนตามลำดับ หนุนโดยธุรกรรมการชำระเงินที่เพิ่มขึ้น ขณะที่กำไรเพิ่มขึ้น 13% และ 9% เมื่อเทียบกับปีก่อนตามลำดับ หุ้นกลุ่ม Electronic Payment Network ยังมีโอกาสเติบโตอีกมากจากมูลค่าตลาดที่เป็นไปได้ในอนาคต (Total Addressable Market หรือ “TAM”) โดยรวมที่มีโอกาสเพิ่มเป็น 255 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเพิ่มขึ้น 5 เท่า จากปัจจุบัน
นายมนรัฐกล่าวเพิ่มเติมว่าหากนักลงทุนสนใจลงทุนในหุ้นกลุ่ม Financial Services ของสหรัฐฯ ที่มีความชัดเจน (visibility) ของรายได้และกำไรที่มากกว่าเมื่อเทียบกับหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในสถานการณ์ปัจจุบัน LH Fund มีกองทุน LHUSFIN ซึ่งมีนโยบายลงทุนในหุ้น U.S. Financial Services ผ่านกองทุนหลักคือ iShares US Financial Services ETF เป็นหนึ่งตัวเลือกให้นักลงทุน โดยนักวิเคราะห์คาดว่าหุ้น 10 ตัวแรกรายได้เติบโตเฉลี่ย 7-8% ต่อปี ขณะที่กำไรต่อหุ้นเติบโตระดับ 13-15% ต่อปี ในปีนี้และปีหน้า และ valuation (forward P/E 12 เดือนข้างหน้า) อยู่ที่ 12 เท่า -1S.D. เทียบค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี และต่ำกว่าดัชนี S&P500 ที่อยู่ที่ 16.4 เท่า โดยผู้ที่สนใจลงทุนสามารถทำรายการผ่านทาง LHFund Online หรือติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ www.lhfund.co.th หรือ โทร 02-286-3484 กด 7 หรือธนาคาร แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ทุกสาขา หรือตัวแทนการขายหน่วยลงทุนที่ได้รับการแต่งตั้ง
คำเตือน
- ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน ความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
- ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ดร.รวีวรรณ ปลัดกระทรวงฯ นำทีม ทส. ชวนประชาชนพกถุงผ้า ลดใช้ถุงพลาสติก ในงานกาชาด ปี 2568
วันนี้ (19 ธันวาคม 2568) เวลา 16.30 น. ดร.รวีวรรณ ภูริเดช ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
มหาวิทยาลัยกรุงเทพ จัดพิธีประสาทปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษา ประจำปี 2568
มหาวิทยาลัยกรุงเทพ จัดพิธีประสาทปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษา ประจำปี 2568 โดยมี ดร.มัทนา สานติวัตร อุปนายกสภามหาวิทยาลัยกรุงเทพ เป็นประธานในพิธี
คนดังการเมืองแห่สมัครสส.พรรคภูมิใจไทยต่อเนื่อง "กุลวลี - สุดารัตน์ - รัชดา -หมอเอกภพ" ร่วมสู้ศึกเลือกตั้ง
คนดังการเมืองแห่สมัครสส.พรรคภูมิใจไทยต่อเนื่อง "กุลวลี - สุดารัตน์ - รัชดา -หมอเอกภพ" ร่วมสู้ศึกเลือกตั้ง
จุฬาฯ-มหิดล ผนึกกำลังสร้างนวัตกรรมเวชสำอางจากข้าวไรซ์เบอร์รี่ไทย เตรียมทดสอบทางคลินิกที่ศิริราช
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยมหิดล ลงนามถ่ายทอดเทคโนโลยี "AnthoRice™ Complex" นวัตกรรมเซรั่มบำรุงรากผมจากสารสกัดข้าวไรซ์เบอร์รี่อินทรีย์ไทย
C PAINT พลิกโฉมงานซ่อมสีและตัวถังรถยนต์ไทย เปิดกลยุทธ์ Pop-up Store รายแรก ตั้งเป้า 100 สาขา รองรับงานซ่อม 50,000 คัน รับการเติบโตของตลาด EV
C PAINT คือศูนย์ซ่อมสีและตัวถังรถยนต์มาตรฐานครบวงจร ที่พัฒนาเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้รถยุคใหม่ ด้วยคุณภาพระดับศูนย์บริการ เทคโนโลยีพ่นสีสมัยใหม่ ห้องอบสีมาตรฐาน และระบบควบคุมคุณภาพทุกขั้นตอน รองรับรถทุกประเภท ทั้งรถสันดาป รถไฮบริด และรถยนต์ไฟฟ้า
TOA เปิดตัวเทรนด์สี 2026 ‘The Pigmentum’ เมื่อสีสันคือพลังขับเคลื่อนชีวิต พร้อมเจาะลึก 4 กลุ่มสี สะท้อนตัวตน จาก 5 สถาปนิกนักออกแบบชั้นนำ
ในทุกๆ ปี วงการสีทาอาคาร ต่างตั้งตารอการประกาศเทรนด์สีใหม่จาก บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TOA ผู้นำตลาดสีอาคารอันดับหนึ่งของไทย และสำหรับปี 2026 นี้ TOA ได้ก้าวข้ามคำว่า 'เฉดสี' ไปสู่การสร้างพลัง แรงบันดาลใจในการขับเคลื่อนชีวิต ภายใต้คอนเซ็ปต์สุดล้ำที่ชื่อว่า “The Pigmentum” ประกอบด้วย 4 กลุ่มเทรนด์สีที่สะท้อนถึงพลังของอารมณ์ ความคิด และจิตใจ โดยความร่วมมือกับ 5 สถาปนิกนักออกแบบชั้นนำของประเทศไทย

