ทส. “เปิดประตูสู่ความร่วมมือภาคประชาชน” จัดประชุมเครือข่ายองค์กรเอกชนด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ

วันนี้ (16 ธันวาคม 2565) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม จัดการประชุมเครือข่ายองค์กรเอกชนด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และภาคีความร่วมมือ เพื่อสื่อสารนโยบายและแนวทางการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย รวมถึงแลกเปลี่ยนรับฟังความคิดเห็นของภาคประชาสังคม จัดทำข้อเสนอต่อการแก้ไขและรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยมีนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิด

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ประเทศไทยได้เข้าร่วมประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 27 พร้อมกับจัดส่งยุทธศาสตร์ระยะยาว โดยได้ตั้งเป้าบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี ค.ศ.2050 บรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี ค.ศ.2065 เพิ่มเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกเป็นร้อยละ 40 ภายในปี ค.ศ.2030 เพิ่มสัดส่วนของพลังงานทดแทนในการผลิตกระแสไฟฟ้าอย่างน้อยร้อยละ 50 ภายในปี ค.ศ.2050 สนับสนุนการใช้เทคโนโลยีเพื่อการดูดกลับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในเชิงพาณิชย์ก่อนปี ค.ศ.2040 ส่งเสริมการใช้วัสดุทดแทนในอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ และอยู่ระหว่างนำร่องวิธีการปลูกข้าวทางเลือกแบบปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำ รวมถึงกำหนดเป้าหมายที่จะเพิ่มพื้นที่สีเขียวทุกประเภท เป็นร้อยละ 55 ของพื้นที่ประเทศ เพื่อเพิ่มแหล่งกักเก็บก๊าซเรือนกระจกภายในปี ค.ศ.2037 อีกทั้งแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (2566 - 2570) ก็ใด้ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยกำหนดตัวชี้วัดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยรวมลดลงไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 เมื่อเทียบเคียงกับปริมาณก๊าซเรือนกระจกปกติที่คาดว่าจะเกิดขึ้น พร้อมทั้งกำหนดแนวทางการผลักดันให้การขับเคลื่อนแผนเป็นไปตามเป้าหมาย

นายวราวุธ กล่าวต่อว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตระหนักถึงสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จึงได้ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพเครือข่ายภาคประชาชนในการปรับตัวเพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เร่งผลักดันร่างพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ พ.ร.บ.Climate Change การพัฒนากลไกทางการเงินที่ได้ปรับกรอบทิศทางการสนับสนุนเงินจากกองทุนสิ่งแวดล้อม (พ.ศ.2566 - 2570) โดยเปิดกรอบสนับสนุนการบริหารจัดการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงการจัดประชุมภาคีการขับเคลื่อนการปฏิบัติงานต้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของไทย (Thailand Climate Action Conference หรือ TCAC เพื่อแสดงศักยภาพและความสามารถของคนไทย การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ไม่ใช่เรื่องไกลตัว ทุกคนได้รับผลกระทบ ดังนั้นถือเป็นหน้าที่ของทุกภาคส่วนในประเทศไทยตั้งแต่ภาคประชาสังคมลงไปจนถึงระดับหมู่บ้าน ระดับครัวเรือน และประชาชนทุกคน

นายสมศักดิ์ สรรพโกศลกุล อธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ได้ดำเนินการจัดประชุมเครือข่ายองค์กรเอกชนด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และภาคีความร่วมมือ เพื่อสื่อสารนโยบายและแนวทางการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย รวมถึงแลกเปลี่ยนรับฟังความคิดเห็นของภาคประชาสังคม จัดทำข้อเสนอต่อการแก้ไขและรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นำไปสู่การปฏิบัติที่สามารถสร้างรูปธรรมที่สอดคล้องกับบริบทประเทศไทย ส่งเสริมชุมชนเพื่อการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะต้องดำเนินการ เช่น การปรับตัวให้เข้ากับน้ำท่วม น้ำแล้ง การทำการเกษตรที่จากนี้ไปจะให้เป็น Green Agriculture ภายใต้คอนเซ็ปต์ Green Thailand การดำเนินการภาคธุรกิจทั้งเศรษฐกิจขนาดใหญ่ และเศรษฐกิจชุมชนให้มีความเข้มแข็ง จากสิ่งที่เรามีและต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ภาควิชาการ และประชาชนต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการทำงานด้วยกัน สำหรับกิจกรรมที่น่าสนใจ ประกอบด้วย วันที่ 15 ธันวาคม 2565 มีการเสวนาในหัวข้อ “รับฟังความคิดเห็นของภาคประชาสังคมกับแนวทางการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย” หัวข้อ “เครื่องมือและกลไกสนับสนุนบทบาทภาคประชาชนในการขับเคลื่อนปฏิบัติการเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไทย” รวมถึงการจัดแสดงนิทรรศการและจำหน่ายสินค้าต่าง ๆ ของภาคีเครือข่าย และวันที่ 16 ธันวาคม 2565 นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดพร้อมมอบนโยบาย “การมีส่วนร่วมในการลดปัญหาการเปลี่ยนปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศไทยและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม”

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

“สุชาติ” ลงหาดใหญ่ ให้กำลังใจ ทีม ทส.หนึ่งเดียว เร่งร่วมฟื้นฟูพื้นที่ให้ประชาชน .. รพ.หาดใหญ่ ขอบคุณชื่นชมทีม ฮ.ทส. เข้าช่วยเหลือเป็นทีมแรก

วันนี้ (5 ธันวาคม 2568) เวลา 13.30 น. นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา

รองนายกฯ สุชาติ เดินหน้ามาตรการเข้ม คุมโรงงานน้ำตาล-โรงไฟฟ้าชีวมวล ลดฝุ่น PM2.5 รับมือหมอกควันปี 2569

นายสุรินทร์ วรกิจธำรง อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เปิดเผยว่า นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มอบนโยบายสำคัญให้หน่วยงานในสังกัดเดินหน้าจัดการมลพิษเชิงรุก เพื่อรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในปี 2569

“สุชาติ” ประสานไก่ CP ส่งผ่าน เครื่องบิน ทส. ช่วยโรงครัวมูลนิธิเพชรเกษม ประกอบอาหารเลี้ยงผู้ประสบภัยน้ำท่วมหาดใหญ่

นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า วันนี้ได้สั่งการให้เครื่องบินเล็ก ของ ทส. รับมอบไก่สดจาก CP จำนวน 1 ตัน มูลค่ากว่า 1 แสนบาท ไปส่งให้มูลนิธิเพชรเกษม

รองนายกฯ สุชาติ ขอบคุณและให้กำลังใจทีม ทส. ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้​ พร้อมส่งกำลังใจพี่น้องประชาชน​ และเผยแผนกำลังพล​ ทส.​ รวม​ 910 เข้าสนับสนุนภารกิจฟื้นฟูวันนี้​

1 ธันวาคม​ 2568 นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี ได้แสดงความขอบคุณและให้กำลังใจแก่ทีมงานของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ที่ได้ลงพื้นที่ปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้

ประเดิมแจ้งเตือน 'ฝุ่นPM2.5' ผ่าน Cell Broadcast 'กทม.' โหมดส้ม

เริ่มแล้ว! แจ้งเตือน PM2.5 ผ่าน Cell Broadcast 'กรุงเทพฯ–ปริมณฑล' เข้าสู่โหมดสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ 'รมว.สุชาติ' กำชับ ทส. ติดตามใกล้ชิด หลังแนวโน้มฝุ่นสะสมต่อเนื่องถึง 2 ธ.ค.

'มทภ.4' ระดม 400 นาย เร่งฟื้นฟู 'รพ.หาดใหญ่' ให้เสร็จวันนี้

'มทภ.4' กำชับทุกหน่วย-ทส. ระดมกำลังกว่า 400 นาย เร่งฟื้นฟูโรงพยาบาลหาดใหญ่ ปรับสภาพผิวจราจรโดยรอบให้เสร็จวันนี้ พร้อมลุยต่อถนนเส้นหลัก เปิดการจราจรให้ประชาชน ก่อนบิ๊กคลีนนิ่งเมืองทั้งหมด