วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566 นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม เปิดเผยว่า ตามที่สื่อมวลชนได้นำเสนอข่าวจากเพจเฟสบุ๊คปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้านเกี่ยวกับการเรียกหัวคิวพม่า 40% แลกเดินเรื่องเงินชดเชยแปดแสนบาทกรณีเหตุการณ์เรือบรรทุกน้ำมันระเบิดกลางแม่น้ำแม่กลอง จังหวัดสมุทรสงคราม เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2566 ที่ผ่านมานั้น ในเรื่องนี้ ทันทีที่ทราบข่าวท่านสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้สั่งการให้สำนักงานประกันสังคม พร้อมด้วยหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานลงพื้นที่ไปสอบข้อเท็จจริงกับญาติของแรงงานที่เสียชีวิตด้วยตนเอง เพื่อสัมภาษณ์ข้อเท็จจริงหากพบข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่รายใดมีส่วนเกี่ยวข้องในการเรียกรับผลประโยชน์ตามข่าวจริง ก็จะถูกส่งดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพราะถ้ามีคนทำนาบนหลังคนเดือดร้อน จะต้องรับโทษตามกฎหมายโดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆ ทั้งสิ้น
นายบุญสงค์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของสำนักงานประกันสังคม ผมได้รับรายงานจากนางสาวชณิการ์ โกวะประดิษฐ์ ประกันสังคมจังหวัดสมุทรสาครว่า กรณีนี้สำนักงานประกันสังคมจังหวัดสมุทรสาคร ได้ดำเนินการจ่ายเงินค่าทำศพให้กับญาติที่มีชื่ออยู่ในหลักฐานการจัดการศพทั้ง 7 รายๆ ละ 50,000 บาท เรียบร้อยแล้ว ส่วนเงินที่เหลือเป็นเงินค่าทดแทนการตายและเงินบำเหน็จชราภาพ รายละประมาณ 7 แสนกว่าบาท ขณะนี้ อยู่ในขั้นตอนรอหลักฐานของทายาท ซึ่งได้สอบสวนข้อเท็จจริงแล้วว่ามีผู้ใดเป็นผู้มีสิทธิตามกฎหมายและได้ชี้แจงให้ญาติทราบแล้ว ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา ได้มีนาย THUREIN TUN ทูตแรงงานเมียนมา และนาย Sai Soe ล่ามของสถานฑูตเมียนมา พร้อมกับ คุณกนกพร บุญโต ผู้รับมอบอำนาจของนายจ้าง และญาติของผู้เสียชีวิตทั้ง 7 ราย มาพบเจ้าหน้าที่สำนักงานประกันสังคมจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งทางสำนักงานฯ ได้ชี้แจงเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์และหลักฐาน โดยทางสถานทูตรับเรื่องไปประสานงานและช่วยเหลือในเรื่องการออกพาสปอร์ต หนังสือรับรองยืนยันตัวตนของผู้มีสิทธิ บันทึกถ้อยคำของทายาท และหลักฐานอื่นๆ เช่น ทะเบียนบ้าน ทะเบียนสมรส เป็นต้น
และในวันนี้ ผมได้มอบหมายให้นางนงลักษณ์ กอวรกุล ผู้ตรวจราชการกรม สำนักงานประกันสังคม สำนักงานประกันสังคมจังหวัดสมุทรสาคร และสำนักงานประกันสังคมจังหวัดสมุทรสงคราม ลงพื้นที่ พร้อมด้วย หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจากญาติของผู้เสียชีวิตที่จังหวัดสมุทรสงคราม จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงของญาติผู้เสียชีวิตทั้ง 7 ราย พบว่า มี ญาติ 1 ราย ให้ข้อมูลว่า มีผู้มาติดต่อ ณ ที่พักอาศัย จำนวน 4 คน โดยเสนอความช่วยเหลือเกี่ยวกับการเบิกเงินจากสำนักงานประกันสังคมแลกกับการจ่ายเงินค่าเดินเรื่องดังกล่าว แต่ญาติปฏิเสธข้อเสนอเนื่องจากได้รับความช่วยเหลือจากสถานทูตเมียนมาร์และกระทรวงแรงงานโดยสำนักงานประกันสังคมแล้ว และมีความมั่นใจเกี่ยวกับการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ สำนักงานประกันสังคมได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมของกลุ่มบุคคลที่มาติดต่อญาติแล้ว ทราบว่าเป็นกลุ่มบุคคลที่เข้ามาช่วยเหลือรับประสานงานให้กับแรงงานข้ามชาติที่มาทำงานในประเทศไทย และมีเพจเป็นหลักฐานในการอ้างอิงกลุ่มบุคคลดังกล่าว อย่างไรก็ตาม สำนักงานประกันสังคมได้แนะนำญาติผู้เสียชีวิตที่ถูกเรียกรับเงินค่าเดินเรื่อง ว่า หากมีความประสงค์จะดำเนินการทางกฎหมาย จะได้ให้ความช่วยเหลือแนะนำ รวมทั้ง สำนักงานประกันสังคมได้ยืนยันกับญาติผู้ประกันตนทุกรายว่าสำนักงานประกันสังคมพร้อมที่จะประสานงานกับทุกหน่วยงานในการเร่งรัดการจ่ายเงินเยียวยาให้แก่ผู้มีสิทธิโดยเร็ว
“ขอยืนยันว่าเจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงานและเจ้าหน้าที่สำนักงานประกันสังคมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องการเรียกหัวคิวพม่า 40% แลกกับการเดินเรื่องกับเงินชดเชยแปดแสนบาท และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกคนช่วยกันสอดส่องดูแลไม่ให้มีกลุ่มบุคคลมาแสวงหาผลประโยชน์จากความเดือดร้อนของผู้ประกันตน หากพบว่ามีความเสียหายเกิดขึ้นจะดำเนินการทางคดีเพื่อป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก ทั้งนี้ ขอย้ำเตือนไปยังผู้ประกันตนทุกท่านว่า การที่ผู้ประกันตนจะได้รับสิทธิประโยชน์จากสำนักงานประกันสังคมนั้น สำนักงานประกันสังคมจะดูแลผู้ประกันตนอย่างเต็มที่ โดยผู้ประกันตนไม่ต้องมีการจ่ายเงินใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งนี้ หากผู้ประกันตนมีข้อสงสัยเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานประกันสังคมทุกแห่งทั่วประเทศ หรือโทรสายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 1 สำนักงานประกันสังคม” นายบุญสงค์ กล่าวท้ายสุด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘อารี’ มอบวุฒิบัตรผู้ผ่านการฝึกอบรม หลักสูตรนวดศีรษะ และการประยุกต์ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในเครื่องปรับอากาศภายในบ้าน สร้างรายได้
นายอารี ไกรนรา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้รับมอบหมายจากนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้เยี่ยมชมการฝึกอบรมและมอบวุฒิบัตรผู้ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรการนวดศีรษะ และหลักสูตรการประยุกต์ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในเครื่องปรับอากาศภายในบ้าน
"พิพัฒน์" รับแก้ปัญหาแรงงานนอกระบบ อิสระ ทำงานที่บ้าน สั่งช่วยเปิดทางแหล่งทุน ที่ทำมาหากิน ฟื้นฟูเศรษฐกิจ พัฒนาอาชีพ สร้างงาน สร้างรายได้
วันที่ 13 ธันวาคม 2567 เวลา 13.30 น. นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย นายภุชงค์ วรศรี ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน และผู้บริหารกระทรวงแรงงาน ให้การต้อนรับ
ประกันสังคม เปิดโอกาสให้ผู้ประกันตนเปลี่ยน รพ. ปี 68 ผ่าน 4 ช่องทาง เริ่ม 16 ธ.ค.67 นี้
นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน แจ้งว่า สำนักงานประกันสังคม แจ้งให้ผู้ประกันตนมาตรา 33 และมาตรา 39 สามารถเปลี่ยนสถานพยาบาลประจำปี 2568 ได้ ตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม 2567 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2568 ผ่าน 4 ช่องทาง คือ 1.
“พิพัฒน์” เอาจริง! ตั้งชุดเฉพาะกิจตรวจสอบการจ้างแรงงานต่างด้าว ป้องปรามแย่งอาชีพคนไทย ออกจับ ปรับส่งกลับประเทศ
วันที่ 11 ธันวาคม 2567 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานเปิดโครงการพัฒนาศักยภาพคณะทำงานเฉพาะกิจตรวจสอบการจ้างงาน สภาพการจ้าง การบังคับใช้แรงงานหรือบริการ และการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้าย
บุญสงค์ ปลัดแรงงาน เปิดประชุมรับฟังความคิดเห็น พร้อมขับเคลื่อนการเพิ่มสิทธิประโยชน์ประกันสังคม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงาน
วันที่ 9 ธันวาคม 67 เวลา 13.30 น. นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการจัดการประชุมรับฟังความคิดเห็น “การเพิ่มสิทธิประโยชน์เมื่อปรับเพดานค่าจ้าง” โดยมี นางมารศรี ใจรังษี
'พิพัฒน์' มอบ เลขา 'อารี' วางศิลาฤกษ์อาคารสำนักงานประกันสังคมจังหวัดบุรีรัมย์ สาขานางรอง พร้อมยกระดับการให้บริการ เพิ่มความสะดวกแก่ นายจ้าง ลูกจ้าง ผู้ประกันตนในเขตพื้นที่ทั้ง 10 อำเภอ
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายอารี ไกรนรา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์อาคารสำนักงานประกันสังคมจังหวัดบุรีรัมย์ สาขานางรอง ในวันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคม 2567