ไทย-ลาว จับมือพัฒนาอุตสาหกรรมร่วมกัน เล็งพื้นที่นิคมฯ ทั่วประเทศ

ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังให้การต้อนรับ นายมะไลทอง กมมะสิด รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) และคณะ เนื่องในโอกาสเยือนประเทศไทย ว่า มีการหารือแลกเปลี่ยนประสบการณ์ร่วมกัน รวมถึงหาแนวทางการดำเนินงานในด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศไทย ได้แก่ การบริหารจัดการภายในนิคมอุตสาหกรรมของประเทศไทยในพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศ การส่งเสริม MSMEs (Micro, Small and Medium Enterprises) การคุ้มครองและการบริหารเกี่ยวกับพลังงานน้ำมันและแร่ธาตุ การกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ซึ่งการหารือครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมืออันดีในด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมระหว่างไทย-ลาว นอกจากนี้ ทาง สปป.ลาว ยังได้ขอคำแนะนำแนวทางจากไทยในเรื่องการดูแลช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบการ ภายหลังจากสถานการณ์ โควิด-19 คลี่คลายด้วย

สำหรับการหารือครั้งนี้ มีนายบรรจง สุกรีฑา เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม เข้าร่วมหารือและให้การต้อนรับ ณ ห้องประชุม อก.1 ชั้น 2 อาคารสำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สะสางปัญหา กากแคดเมียม เดิมพันการเมืองครั้งสำคัญ พิมพ์ภัทรา-รมว.อุตสาหกรรม

ปัญหาการพบกากแร่อันตรายแคดเมียม ที่มีการขนย้ายมาจากจังหวัดตาก ซึ่งปัจจุบันมีการยึดอายัดได้ประมาณ 12,500 ตัน หลังพบที่สมุทรสาคร ชลบุรี และกรุงเทพฯ

'พิมพ์ภัทรา' ดึงดีเอสไอ-ปปง. ร่วมสอบปมกากแคดเมียม ชี้หากมีแต่คนใน ก.อุตฯ สังคมจะคาใจ

น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการลักลอบขนย้ายกากสารแคดเมียมที่ผิดกฎหมาย ว่า คำสั่งการการประชุมครม. ที่ผ่านมา เป็นการทำงานร่วมกันของทั้ง 6 กระทรวง

กมธ.อุตสาหรรม ไล่บี้เอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐ รับผลประโยชน์ขนย้ายกากแคดเมียม

นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ว่า ในวันที่ 17 เมษายน เวลา 10.00 น.ที่รัฐสภา กมธ.อุตสาหกรรม

พิมพ์ภัทรา คุมเข้มมาตรการขนย้ายกากแคดเมียม ต้นทางถึงปลายทาง

รมว.อุตสาหกรรม” เข้ม มาตรการขนย้ายกากแคดเมียม และความแข็งแรงของบ่อฝังกลบ เร่งสร้างความมั่นใจและทำความเข้าใจชุมชนรอบโรงงาน จ.ตาก และเตรียมความพร้อมขนส่งให้ปลอดภัยตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง พร้อมรายงานการปรับปรุงทั้งระบบภายในวันที่ 16 เมษายน