ได้-ไม่คุ้มหายนะ..! ยกเลิกคำสั่งนายทะเบียนที่ 38/2564

ต้องยอมรับกันว่าตั้งแต่ช่วงปี 2563-2564 กลุ่มธุรกิจที่เข้ามามีบทบาทในการบริหารความเสี่ยงภัย
ให้กับประชาชนอย่างโดดเด่น ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 ก็คือ กลุ่มธุรกิจประกัน ทั้งในฝั่งของธุรกิจประกันชีวิตและธุรกิจประกันวินาศภัย โดยเห็นได้จากในช่วงปี 2563 บริษัทประกันภัย ได้ออกผลิตภัณฑ์ประกันภัยโควิด -19 หลากหลายรูปแบบ สู่ตลาดเพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชน และดูเหมือนว่าผลิตภัณฑ์ประกันภัยโควิด-19 ที่โดนใจประชาชนมากที่สุด ก็คือ ประกันภัยโควิด-19 แบบ เจอ จ่าย จบ โดยเห็นได้จาก ณ สิ้นปี 2563 มีประชาชนทำประกันภัยโควิด-19 จำนวน 24.4 ล้านฉบับ เบี้ยประกันภัยสะสม 4.5 พันล้านบาท และมีการจ่ายค่าสินไหมทดแทนจำนวน 4.2 ร้อยล้านบาท ส่งผลทำให้บริษัทประกันภัยที่รับประกันภัยโควิด-19 มีกำรี้กำไรกันทั่วหน้าก็ว่าได้

ถัดมาในปี 2564 บริษัทประกันภัยก็ยังคงเดินหน้ารับประกันภัยโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง และคาดหวังว่าการรับประกันภัยโควิด-19 จะยังคงราบรื่นไร้คลื่นลมมรสุมเหมือนปีที่ผ่านมา โดยเห็นได้จากข้อมูล ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2564 มีประชาชนทำประกันภัยโควิด-19 จำนวน 20 ล้านฉบับ เบี้ยประกันภัยสะสม 6.2 พันล้านบาท และมีการจ่ายค่าสินไหมทดแทนจำนวน 2.3 หมื่นล้านบาท และกลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักหน่วงสุด ก็คือ กลุ่มธุรกิจประกันวินาศภัย ที่ขายประกันภัย แบบเจอ จ่าย จบ

ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลก เมื่อดำเนินธุรกิจประสบภาวะขาดทุนอย่างหนักเช่นนี้ บริษัทประกันวินาศภัยบางแห่ง จึงออกอาการเกเร และแสดงอาการไม่รับผิดชอบต่อผู้ทำประกันภัย ด้วยการส่งหนังสือบอกเลิกสัญญาประกันภัยโควิด-19 จำนวนมากแบบเหมาเข่ง ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อระบบประกันภัยไทยเป็นอย่างมาก

ทันทีที่เกิดเหตุการณ์บอกเลิกสัญญาประกันภัยโควิด-19 แบบเหมาเข่ง และไม่เป็นธรรม จนสร้างความแตกตื่นให้กับผู้ทำประกันและสังคมไทย และกลายเป็นประเด็นร้อนติดอันดับหนึ่งของทวิตเตอร์ในขณะนั้น สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) จึงได้ออกคำสั่งนายทะเบียนที่ 38/2564 ให้ยกเลิกเงื่อนไขการใช้สิทธิบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยโดยบริษัท สำหรับกรมธรรม์ประกันภัย COVID-19 ที่บริษัทได้รับความเห็นชอบจากนายทะเบียน และกรมธรรม์ประกันภัย COVID-19 ที่บริษัทได้ออกให้แก่ผู้เอาประกันภัยก่อนวันที่ 16 กรกฎาคม 2564 และยังคงมีผลใช้บังคับ เว้นแต่ปรากฏหลักฐานชัดเจนต่อบริษัทว่าผู้เอาประกันภัยได้กระทำการทุจริตหรือฉ้อฉลประกันภัย เพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์จากการประกันภัย ซึ่งหมายความว่า กรมธรรม์ประกันภัยโควิดที่ยังไม่หมดอายุจะได้รับความคุ้มครองตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ประกันภัยต่อไปจนกว่าจะหมดอายุความคุ้มครอง โดยที่บริษัทประกันภัยจะไม่สามารถบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยได้ตามอำเภอใจ

โดยสำนักงาน คปภ. ได้ให้เหตุผลและความจำเป็นในการออกคำสั่งนายทะเบียนที่ 38/2564  เนื่องจากเป็นเรื่องที่กระทบต่อพี่น้องประชาชนผู้เอาประกันโควิดเป็นวงกว้าง ทั้งส่งผลต่อความเชื่อมั่นของระบบประกันภัยไทย รวมทั้งมีการใช้มาตรการอย่างอื่นแล้วไม่เป็นผล จึงจำเป็นต้องใช้มาตรการทางกฎหมายดำเนินการโดยเร่งด่วนเพื่อมิให้ปัญหาลุกลามบานปลาย โดยที่คำสั่งดังกล่าวมีผลกับบริษัทประกันภัยทุกแห่ง จึงไม่มีการเลือกปฏิบัติ
แต่อย่างใด

“ซึ่งในช่วงที่ออกคำสั่งปรากฏว่ามีบริษัทประกันภัยต่าง ๆ ออกมาขานรับแนวทางตามคำสั่งนี้อย่างท่วมท้นโดยลั่นวาจาว่าจะไม่บอกเลิกกรมธรรม์ประกันโควิด”

แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า ภายหลังเมื่อมีการระบาดของโควิดสูงมากและยอดผู้เคลมประกันโควิดเพิ่มสูงจนท่วมเบี้ยประกันที่ได้รับแล้วก็มีการเคลื่อนไหวให้มีการยกเลิกคำสั่งดังกล่าวอย่างมีนัยสำคัญ

โดยหากพิจารณาอย่างรอบด้าน การออกคำสั่งนายทะเบียนที่ 38/2564 ของสำนักงาน คปภ.
ถือเป็นการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของผู้ทำประกันภัยโควิด-19 ทั้งระบบไม่ให้ถูกเทอย่างไม่เป็นธรรม
ในขณะเดียวกันก็เป็นคุณต่อบริษัทประกันภัย ที่ไม่ต้องเสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้องดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติว่าด้วยข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม พ.ศ. 2540 มาตรา 4  ที่ระบุไว้ว่า ข้อตกลงในสัญญาระหว่างผู้บริโภคกับผู้ประกอบธุรกิจการค้า หรือ วิชาชีพ หรือในสัญญาสำเร็จรูป หรือในสัญญาขายฝากที่ทำให้ผู้ประกอบธุรกิจการค้า หรือวิชาชีพ หรือผู้กำหนดสัญญาสำเร็จรูป หรือผู้ซื้อฝากได้เปรียบคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งเกินสมควร เป็นข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม และให้มีผลบังคับได้เพียงเท่าที่เป็นธรรมและพอสมควรแก่กรณีเท่านั้น

ในกรณีที่มีข้อสงสัย ให้ตีความสัญญาสำเร็จรูปไปในทางที่เป็นคุณแก่ฝ่ายซึ่งมิได้เป็นผู้กำหนดสัญญาสำเร็จรูปนั้น โดยข้อตกลงที่มีลักษณะหรือมีผลให้คู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งปฏิบัติหรือรับภาระเกินกว่าที่วิญญูชนจะพึงคาดหมายได้ตามปกติ เป็นข้อตกลงที่อาจถือได้ว่าทำให้ได้เปรียบคู่สัญญาอีกฝ่ายหนี่ง เช่น ใน (3) ระบุว่า ข้อตกลงให้สัญญาสิ้นสุดลงโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร หรือให้สิทธิบอกเลิกสัญญาได้โดยอีกฝ่ายหนึ่งมิได้ผิดสัญญาในข้อสาระสำคัญ

ดังนั้น บริษัทผู้รับประกันภัย จึงไม่สามารถบอกเลิกสัญญากับประชาชนจำนวนมาก ๆ แบบเหมาเข่งในคราวเดียวกัน ในขณะเดียวกันผู้เอาประกันภัยที่ถูกบอกเลิกสัญญาก็ไม่ได้ทำผิดสัญญาหรือด้วยเหตุที่ไม่เป็นธรรมแต่อย่างใด และการที่บริษัทประกันภัยนำเอาสภาวะแวดล้อมภายนอกจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่รุนแรงและต่อเนื่อง นำมาเป็นเงื่อนไขในการบอกเลิกสัญญาด้วยแล้ว จึงเข้าข่ายเป็นการบอกเลิกสัญญาที่ไม่เป็นธรรมอย่างชัดแจ้ง 

นอกจากนี้ ในมาตรา 10  แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม พ.ศ. 2540 ยังระบุไว้ว่า
ในการวินิจฉัยว่า ข้อสัญญาจะมีผลบังคับเพียงใด จึงจะเป็นธรรมและพอสมควรแก่กรณีให้พิเคราะห์ถึงพฤติการณ์ทั้งปวง รวมทั้ง

  1. ความสุจริต อำนาจต่อรอง ฐานะทางเศรษฐกิจ ความรู้ความเข้าใจ ความสันทัด จัดเจน ความคาดหมาย แนวทางที่เคยปฏิบัติ ทางเลือกอย่างอื่น และทางได้เสียทุกอย่างของคู่สัญญาตามสภาพที่เป็นจริง
  2. ปกติประเพณีของสัญญาชนิดนั้น
  3. เวลาและสถานที่ในการทำสัญญาหรือในการปฏิบัติตามสัญญา
  4. การรับภาระที่หนักกว่ามากของคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง

โดยกฎหมายดังกล่าว บริษัทประกันภัยจะอ้างเรื่องหลักความศักดิ์สิทธิ์ในการแสดงเจตนาแล้วนำมาใช้ยกเลิกสัญญาแบบเหมาเข่งหรือตามข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม ย่อมไม่อาจกระทำได้ เนื่องจากจะเกิดความไม่สงบสุขในสังคมได้ พระราชบัญญัติว่าด้วยข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม พ.ศ. 2540 จึงยกเว้นไม่นำหลักความศักดิ์สิทธิ์ในการแสดงเจตนามาใช้ ดังจะเห็นได้จากเหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติว่าด้วยข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม พ.ศ. 2540 คือ เนื่องจากหลักกฎหมายเกี่ยวกับนิติกรรมหรือสัญญาที่ใช้บังคับอยู่มีพื้นฐานมาจากเสรีภาพของบุคคล ตามหลักของความศักดิ์สิทธิ์ของการแสดงเจตนา รัฐจะไม่เข้าแทรกแซงแม้ว่าคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งได้เปรียบคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง เว้นแต่จะเป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมายหรือขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน แต่ในปัจจุบัน สภาพสังคมเปลี่ยนแปลงไป ทำให้ผู้ซึ่งมีอำนาจต่อรองทางเศรษฐกิจเหนือกว่าถือโอกาสอาศัยหลักดังกล่าวเอาเปรียบคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งมีอำนาจต่อรองทางเศรษฐกิจด้อยกว่าอย่างมาก ซึ่งทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมและไม่สงบสุขในสังคม สมควรที่รัฐจะกำหนดกรอบของการใช้หลักความศักดิ์สิทธิ์ของการแสดงเจตนาและเสรีภาพของบุคคล เพื่อแก้ไขความไม่เป็นธรรมและความไม่สงบสุขในสังคมดังกล่าว โดยกำหนดแนวทางแก่ศาลที่จะสั่งให้ข้อสัญญาหรือข้อตกลงที่ไม่เป็นธรรมนั้นมีผลใช้บังคับเท่าที่เป็นธรรมและพอสมควรแก่กรณี จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ขึ้นมาบังคับใช้

เมื่อการยกเลิกกรมธรรม์แบบเหมาเข่งโดยที่ไม่เหตุที่เป็นธรรมไม่สามารถกระทำได้โดยชอบกฎหมาย และหากบริษัทประกันภัยยังยืนยันที่จะบอกเลิก ก็จะทำให้บริษัทประกันภัยกลายเป็นผิดสัญญา เนื่องจากเป็นการบอกเลิกสัญญาโดยไม่มีสิทธิหรือเหตุอันเป็นธรรม ขณะเดียวกันคำสั่งนายทะเบียนยังมีผลตามกฎหมายและชอบด้วยกฎหมาย

หากจะมองว่าคำสั่งนายทะเบียนนั้นไม่ชอบ เพราะให้มีผลย้อนหลังไปเป็นโทษก็ไม่ถูกต้องแต่อย่างใด เพราะคำสั่งดังกล่าวไม่ได้กำหนดเงื่อนไขใดๆ ขึ้นใหม่ระหว่างคู่สัญญาแต่ประการใด แต่เป็นการเน้นย้ำหลักการที่คู่สัญญาไม่อาจยกเลิกสัญญาด้วยเหตุที่ไม่เป็นธรรมซึ่งเป็นหลักการที่มีอยู่แล้วและสอดคล้องพระราชบัญญัติข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรมฯ จึงไม่ใช่การออกคำสั่งให้มีผลย้อนหลังหรือไปเป็นโทษแต่อย่างใด หรือสุดท้ายแล้วแม้จะเป็นการมีผลบังคับย้อนหลัง แต่หากเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะและประชาชนส่วนใหญ่ได้ประโยชน์ ในหลักการออกกฎหมายก็ให้มีผลย้อนหลังได้โดยชอบเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม มีการตั้งข้อสังเกตการนักกฎหมายในแวดวงธุรกิจประกันภัยว่า หากบริษัทประกันภัยยังยืนยันให้มีการยกเลิกคำสั่งนายทะเบียนที่ 38/2564 เพื่อเปิดประตูให้บริษัทประกันภัยแห่บอกเลิกสัญญาประกันภัยโควิด-19 ก่อนจะสิ้นอายุสัญญาในช่วงเดือนมิถุนายน 2565 ได้ ย่อมจะมีความเสี่ยงอย่างมาก เนื่องจากประชาชนไม่ได้มีความผิดในสาระสำคัญย่อมเป็นการเอาเปรียบเกินสมควรเป็นการบอกเลิกตามอำเภอใจ ต่อให้บริษัทประกันภัยคืนเบี้ยประกันเต็มจำนวนก็ถือว่าไม่เป็นธรรมอยู่ดี เนื่องจากผู้เอาประกันภัยไม่สามารถทราบเงื่อนไขการบอกเลิกเช่นนี้ในขณะทำประกันแต่อย่างใด นอกจากนี้ ในแผนบริหารความเสี่ยงที่บริษัทประกันภัยจะต้องแจ้งต่อ คปภ. ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลและให้ความเห็นชอบแบบกรมธรรม์ ก็เชื่อว่าไม่ได้มีการแจ้งเงื่อนไขการบอกเลิกในลักษณะดังกล่าวต่อ คปภ. แต่อย่างใด หรือหากมีการแจ้ง ก็เชื่อว่า คปภ. คงไม่อนุญาตให้บริษัทขายกรมธรรม์ที่มีเงื่อนไขไม่เป็นธรรมเช่นนี้อย่างแน่นอน

ดังนั้น หากบริษัทประกันภัยยังคิดว่าจะรับประกันไว้ก่อน ด้วยการรับเบี้ยประกันหรือรับประโยชน์จากผู้เอาประกันภัยไปแล้ว ต่อมาเกิดความเสี่ยงเกินคาดการณ์ไว้ กลับโยนความเสี่ยงให้ประชาชนแบกรับ ด้วยการใช้สิทธิบอกเลิกกรมธรรม์ด้วยเหตุที่ไม่เป็นธรรม ย่อมถือว่า เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตและจงใจหลอกลวงประชาชนตั้งแต่ตอนแรก จึงเชื่อมั่นว่าการกระทำดังกล่าว ไม่เพียงแต่จะถูกสำนักงาน คปภ. ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลใช้มาตรทางกฎหมายอย่างเคร่งครัดและสูงสุดกับบริษัทประกันภัยที่บอกเลิกสัญญาด้วยเหตุที่ไม่เป็นธรรม และอาจจะเป็นเหตุให้บริษัทประกันภัยนั้น ถูกสภาองค์กรของผู้บริโภค หน่วยงานเอ็นจีโอด้านผู้บริโภคต่าง ๆ รวมทั้ง
ผู้เอาประกันภัย ตลอดจนกลุ่มการเมืองที่ต้องการอาศัยฐานเสียงจากมวลชนผู้เอาประกันภัยที่มีจำนวนเป็นล้านๆคน รุมฟ้องร้องเกี่ยวกับประเด็นว่าด้วยข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม พ.ศ. 2540 อย่างแน่นอนอีกด้วย

จึงขอย้ำและขอเตือนว่า เป็นอันตรายอย่างยิ่งสำหรับการไม่ยึดถือคำมั่นสัญญาที่ให้กับประชาชนที่บริษัทประกันภัยให้ไว้ตั้งแต่ทำสัญญา ด้วยการรับความผูกพันตามสัญญาต่อไป และจ่ายค่าสินไหมทดแทนเมื่อเกิดเหตุตามกรมธรรม์ขึ้น หรือใช้วิธีอื่นในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยการบอกความจริงและชักชวนให้ประชาชนเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขของสัญญาด้วยความสมัครใจแล้ว หากยังยืนยันจะยกเลิกคำสั่งนายทะเบียนที่ 38/2564 และบอกเลิกสัญญาประกันภัยโควิด-19 ด้วยเหตุไม่สุจริตหรือไม่เป็นธรรมที่แม้ในหลักการสากลตามมาตรฐานการกำกับดูแลธุรกิจประกันภัย  (Insurance Core Principles)  ก็ไม่สามารถกระทำหรือยินยอมให้กระทำเช่นนั้นได้ และถือเป็นการเอาเปรียบผู้เอาประกันภัยอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้ รวมทั้งเป็นการหลอกลวงประชาชนเป็นการดำเนินการโดยไม่สุจริต และดูเหมือนว่าเวลานี้ฝั่งธุรกิจประกันภัยออกอาการดื้อแพ่งไม่ฟังเสียงเรียกร้องของประชาชน และสาดโคลนโทษกรรมการ คือ คปภ. อย่างไม่ลืมหูลืมตา ดูความผิดพลาด
ของตัวเองที่เกิดขึ้น ผลที่บริษัทประกันภัยและอุตสาหกรรมจะได้รับ จึง “ได้ ไม่คุ้มหายนะ” ที่จะถูกผู้บริโภครุมกินโต๊ะฟ้องร้อง รวมทั้งจะกระทบต่อความเชื่อมั่นและความศรัทธาของประชาชนที่มีต่อระบบประกันภัยไทย
ให้ล่มสลายลงทันที และยากที่จะเรียกคืนความเชื่อมั่นกลับคืนมา

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

TQM ผนึกกำลัง พรูเด็นเชียล ประเทศไทย เดินหน้าขยายธุรกิจประกันชีวิตเต็มรูปแบบ มุ่งส่งมอบบริการ และความคุ้มครองที่เข้าใจง่าย ตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้บริโภค

บริษัท ทีคิวเอ็ม อัลฟา จำกัด (มหาชน) หรือ TQM เดินหน้าขยายธุรกิจประกันชีวิต ผ่านบริษัทในเครือ ทีคิวเอ็ม ไลฟ์ อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ จำกัด หรือ TQM Life โดยจับมือ

อัยการพิจิตรลงพื้นที่ แนะตร.ใช้พรบ.ประกันชีวิต เอาผิดมิจฉาชีพขายประกันหมู่ลวงโลก

อัยการพิจิตรลงพื้นที่สอบข้อเท็จจริงแนะนำตำรวจใช้พ.ร.บ.ประกันชีวิตเอาผิดมิจฉาชีพขายประกันหมู่ลวงโลก

ราชกิจจาฯ แพร่คำสั่งคำนิยาม 50 โรคร้ายแรง สำหรับบริษัทประกันชีวิต

ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คำสั่งนายทะเบียนที่ ๕๕/๒๕๖๑ เรื่อง คำนิยามโรคร้ายแรง ๕๐ โรค แบบมาตรฐานและหลักเกณฑ์การให้ความเห็นชอบสำหรับบ

ทำไมประกันชีวิตรายเดือนถึงเป็นทางเลือกที่ยืดหยุ่นและคุ้มค่า

ประกันชีวิตเป็นหนึ่งในเครื่องมือทางการเงินที่สำคัญในการวางแผนอนาคตและความมั่นคงทางการเงิน โดยเฉพาะในปัจจุบันที่มีความไม่แน่นอนทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคม

ประกันชีวิตมีกี่ประเภท เลือกแบบไหนให้เหมาะกับคนวัยทำงาน

คนวัยทำงานเป็นช่วงอายุที่ต้องเริ่มวางแผนชีวิตอย่างจริงจัง ทั้งในด้านการเงิน การลงทุน และการสร้างความมั่นคงให้กับตนเองและครอบครัว ด้วยเหตุนี้ หลายคนจึงเริ่มสนใจที่จะทำประกันคุ้มครองชีวิตกันมากขึ้น