
สำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (สำนักงาน ป.ย.ป.) โดยผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ย.ป. ร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงหรือเทียบเท่า จำนวน ๑๙ ราย ได้แก่ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ปลัดกระทรวงกลาโหม ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ปลัดกระทรวงยุติธรรม ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ เลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เลขาธิการสภาการศึกษา เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ร่วมกันขับเคลื่อนนโยบายผ่านหลักสูตรการพัฒนานักบริหารระดับสูง ผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลง (หลักสูตร ป.ย.ป.)
หลักสูตร ป.ย.ป. เป็นหลักสูตรที่มุ่งเน้นการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติไปสู่การปฏิบัติให้เกิดผลลัพธ์เป็นรูปธรรม ผ่านกระบวนการห้องปฏิบัติการนวัตกรรมเชิงนโยบาย (Policy Innovation Lab) ที่ประยุกต์ใช้แนวคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking) ซึ่งเป็นกระบวนการพัฒนานวัตกรรมที่ยึดประชาชนหรือผู้รับบริการเป็นศูนย์กลาง โดยเปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมตั้งแต่การแสดงความคิดเห็น การออกแบบต้นแบบนวัตกรรมและทดสอบต้นแบบก่อนนำไปขยายผลดำเนินการ นอกจากนี้ จะจัดให้มีการอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการทำงานเชิงบูรณาการให้กับผู้เข้าร่วมหลักสูตรเป็นระยะ ตลอดระยะเวลาหลักสูตร โดยมีรายละเอียดกิจกรรมตลอดหลักสูตร ดังนี้

โดยผู้เข้าร่วมหลักสูตร ป.ย.ป. ได้กำหนดโจทย์บูรณาการให้สอดคล้องกับการขับเคลื่อน
ตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติให้บรรลุผลสัมฤทธิ์ และการขับเคลื่อน
โดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง เพื่อให้การดำเนินการสอดรับกับความต้องการของประชานได้อย่างแท้จริง จำนวน ๕ โจทย์บูรณาการ ดังนี้
๑. การเพิ่มโอกาสเข้าถึงการศึกษาและการมีงานทำ เป็นการขับเคลื่อนร่วมกันระหว่าง กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อเพิ่มโอกาสให้เด็กได้เข้าถึงระบบการศึกษา ฟื้นฟูภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ให้กับผู้เรียนทุกระดับ และช่วยสนับสนุนในการพัฒนาศักยภาพเด็กที่อยู่ในวัยเรียนให้เกิดการเรียนรู้อย่างมีคุณภาพ รวมถึงดูแลปกป้องคุ้มครองนักเรียนให้มีความปลอดภัยด้านร่างกายและจิตใจ มีพฤติกรรมที่เหมาะสม และมีโอกาสด้านการศึกษาอย่างเท่าเทียมด้วยกิจกรรมที่หลากหลาย และเพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาให้มีความยืดหยุ่นในระบบการศึกษา เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนหรือเยาวชนที่หลุดออกจากระบบการศึกษาสามารถนำผลการเรียนรู้จากประสบการณ์การทำงานหรืออาชีพทั้งในระบบ นอกระบบและตามอัธยาศัยมาเทียบโอนระดับการศึกษาผ่านกลไกของกรอบคุณวุฒิแห่งชาติและการสะสมในธนาคารหน่วยกิตให้เด็กที่ขาดโอกาสและหลุดจากระบบการศึกษา ส่งเสริมให้ได้รับคุณวุฒิการศึกษาและมีงานทำ โดยระยะแรกได้ศึกษากลุ่มเป้าหมายเด็ก อายุ 6 - 15 ปี ที่หลุดออกจากระบบการศึกษา หรือเสี่ยงที่จะหลุดออกจากระบบการศึกษาภาคบังคับ ใน 4 พื้นที่ ได้แก่ ภูเก็ต พัทลุง ลำปาง ขอนแก่น ซึ่งปัจจุบันได้มีการการพัฒนารูปแบบ (Prototype) หรือเรียกว่า “ระบบปฏิบัติการร่วม การขยายโอกาสการศึกษาเพื่อการมีงานทำ”
๒. การลดจำนวนผู้เสพยาเสพติด โดยใช้การบำบัดรักษาโดยชุมชนมีส่วนร่วมเพื่อกลับคืนสังคมอย่างมีคุณค่า และการเพิ่มประสิทธิภาพในการตัดวงจรอาชญากรรม เป็นการขับเคลื่อนร่วมกันระหว่าง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงกลาโหม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เพื่อลดปัญหาจากผู้เสพยาเสพติด และลดจำนวนผู้เสพยา โดยการนำผู้ป่วยเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษาทั้งในระบบการบำบัดรักษา และการบำบัดรักษาโดยชุมชนมีส่วนร่วม โดยจุดเริ่มต้นของการแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมชน คือการมองเห็นปัญหาร่วมกันจากชุมชน กำหนดเป้าหมายร่วมกัน และกำหนดแผนการทำงานที่ชัดเจน ทำให้ชุมชนสามารถจัดการแก้ไขปัญหาและเกิดการพัฒนารูปแบบในการดูแลตนเองของคนในชุมชนได้อย่างเป็นรูปธรรม พร้อมทั้งสนับสนุนให้เกิดกระบวนการแก้ไขปัญหาแบบบูรณาการ ตามแนวคิด CBTx ในการกำหนดมาตรการในการบำบัดรักษา ฟื้นฟู และสร้างกลไกในการติดตามผล เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการกระทำผิดซ้ำในผู้เสพยาเสพติด อีกทั้ง เพื่อสร้างความเข้มแข็งในชุมชน ให้หลุดพ้นจากวงจรการเสพยาเสพติดอย่างยั่งยืน ซึ่งการเพิ่มประสิทธิภาพในการบำบัดรักษาผู้เสพยาเสพติด ควรมีการพิจารณาถึงการใช้ข้อมูลร่วมกัน และพัฒนาระบบสารสนเทศในการติดตามผลการดูแลต่อเนื่อง เพื่อเชื่อมโยงระบบสารสนเทศด้านการแก้ไขปัญหายาเสพติดกับฐานข้อมูล (Big Data) และเพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจเชิงนโยบายของผู้บริหารในการแก้ไขปัญหาด้านยาเสพติดระดับประเทศ โดยระยะแรกได้เก็บข้อมูลกลุ่มเป้าหมายกลุ่มผู้เสพ/ผู้เคยเสพ กลุ่มเสี่ยง (ไม่มีประวัติการใช้ยาเสพติด) ชุมชน และหน่วยงานราชการ ในพื้นที่ชุมชนสะพานสูง กทม. พื้นที่จังหวัดราชบุรี หลังจากนั้นได้มีการลงพื้นที่ทดสอบต้นแบบนโยบาย “โครงการ CBTx ในชุมชน โดยชุมชน” ณ อำเภอจตุรัส จังหวัดชัยภูมิ
๓. การสร้างความเข้มแข็งให้กับสถาบันเกษตรกร เพื่อให้สามารถบริหารจัดการสินค้าเกษตร ได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดห่วงโซ่ เป็นการขับเคลื่อนร่วมกันระหว่าง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และกระทรวงพาณิชย์ เพื่อสร้างหลักสูตรพัฒนานักธุรกิจการเกษตรยุคใหม่ให้มีสมรรถนะในการแข่งขันก้าวทันการเกษตรโลก กำหนดแนวทางปรับทัศนคติ (mind set) ความเชื่อของคนรุ่นใหม่ให้เข้าสู่การประกอบอาชีพการเกษตรเพิ่มขึ้น ด้วยวิธี "ระเบิดจากข้างใน" ด้วยการสร้าง Brand ambassador เกษตรภาพลักษณ์ใหม่ "Smart and Happy Farmer" เพื่อผสานกลไกภาครัฐในการสนับสนุน ส่งเสริม และยกระดับอาชีพการเกษตรตลอดจนสถาบันเกษตรกร ด้วยการสร้างระบบบริหารการจัดการทรัพยากรด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรมการเกษตรที่เหมาะสม ตลอดห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) (ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ) และเพื่อพัฒนาแนวทางการสร้างรายได้หลักเพิ่ม และเสริมรายได้จากอาชีพเกษตร (Value Added) ให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของตลาดยุควิถีชีวิตถัดไป (Next normal) โดยระยะแรกได้ลงพื้นที่เก็บข้อมูลกลุ่มเกษตรกรรุ่นใหม่ กลุ่มเกษตรกรรุ่นเก่า สถาบันเกษตรกร กลุ่มผู้เลี้ยงโคนม กลุ่มผู้ประกอบการแปรรูปสินค้าเกษตรในพื้นที่ บ้านหนองบอน ตำบลวังม่วง อำเภอวังม่วง จังหวัดสระบุรี
๔. การยกระดับอาหารไทยให้เป็น Soft Power ที่สามารถเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ เป็นการขับเคลื่อนร่วมกันระหว่าง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์ของประเทศด้วย Soft Power ด้านอาหารให้สัมฤทธิ์ผลอย่างเป็นรูปธรรม โดยการกำหนดเป้าหมาย กลยุทธ์ และแผนการดำเนินงานเพื่อขับเคลื่อนให้เกิดการนำอาหารไทยมาใช้ในการสร้างภาพลักษณ์ให้ประเทศ เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจผ่านห่วงโซ่คุณค่าต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ การเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้สินค้าเกษตรหรือสินค้าอุตสาหกรรมที่เป็นวัตถุดิบในการปรุงอาหารไทยให้เป็นที่รู้จักและต้องการในวงกว้างขึ้น การพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารไทยให้ตอบสนองความต้องการบริโภคทั้งในระดับประเทศและระดับสากล การส่งเสริมการรวมกลุ่มร้านอาหารไทยทั่วโลกให้เป็นตัวแทนประเทศไทยในการเผยแพร่ความคิดสร้างสรรค์ด้านอาหารของไทยโดยเฉพาะด้านสมุนไพร และการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับอาหารไทยจนเกิดเป็นกระแสที่สามารถกระตุ้นให้กับเศรษฐกิจได้ โดยระยะแรกได้เก็บข้อมูลนักท่องเที่ยวชาวไทย นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ผู้ประกอบการอาหาร/ผู้ส่งออก และชุมชน ในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี เพื่อนำมาพัฒนาต้นแบบนโยบาย “My Phetchaburi เส้นทางอร่อยไม่รู้จบ” และในระยะต่อไปจะนำไปขยายผลการขับเคลื่อนในพื้นที่อื่นๆ
๕. การใช้ Soft Power เพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายหลักในการ Workation (Best Destination for Workation) เพื่อดึงดูดให้ต่างชาติมาใช้จ่ายในประเทศไทยเพิ่มขึ้นเป็นการขับเคลื่อนร่วมกันระหว่าง สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อให้มีการใช้ Soft Power เพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายหลักในการ Workation (Best Destination for Workation) เพื่อดึงดูดให้ต่างชาติมาใช้จ่ายในประเทศไทยเพิ่มขึ้นทั้งในระยะสั้นและระยะยาวอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อดึงดูดให้คนต่างชาติมาใช้จ่ายในประเทศไทยเพิ่มขึ้น โดยใช้แนวทางและมาตรการการใช้ Soft Power เพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายหลักในการ Workation (Best Destination for Workation) และเพื่อให้มีการใช้ Soft Power เพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายหลักในการ Workation (Best Destination for Workation) เพื่อดึงดูดให้ต่างชาติมาใช้จ่ายในประเทศไทยเพิ่มขึ้น โดยที่หน่วยงานภาครัฐร่วมกันทำงานเชิงบูรณาการ และดำเนินการตามแผนที่กำหนดไว้ไปในทิศทางเดียวกัน ชาวต่างชาติโดยเน้นกลุ่มคนดิจิทัลโนแมด (Digital Nomads) หรือกลุ่มคนที่ทำงานโดยใช้เทคโนโลยีเป็นหลัก และสามารถทำงานและใช้ชีวิตที่ไหนก็ได้จากทั่วโลก รวมถึงชาวต่างชาติที่มีรูปแบบการทำงานที่ได้ทั้งการทำงานและการท่องเที่ยว (Workation) โดยระยะแรกได้มีการสำรวจข้อมูลจากกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และพัฒนาเป็นต้นแบบนโยบาย โดยใช้ชื่อว่า “ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางหลัก Workcation ด้วย Soft Power” และในระยะต่อไปจะนำไปขยายผลการขับเคลื่อนในพื้นที่อื่นๆ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เดินหน้านโยบาย Quick Big Win เต็มสูบ เสริมแกร่งผู้ประกอบการ SMEs และเพิ่มมูลค่าสินค้าไทย เตรียมจัดใหญ่…แฟรนไชส์ Roadshow 4 ภูมิภาคทั่วประเทศ
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เตรียมจัดงานแฟรนไชส์ Roadshow 4 ภูมิภาค 4 จังหวัด ทั่วประเทศ ชลบุรี เชียงใหม่ ภูเก็ต และอุดรธานี ยกระดับธุรกิจแฟรนไชส์ไทยสู่การเติบโตเชิงรุก พร้อมสร้างโอกาสให้ประชาชนในภูมิภาคเป็นเจ้าของธุรกิจอย่างเป็นระบบ ช่วยงสร้างงาน สร้างอาชีพ เพิ่มรายได้
อบจ.ชัยนาทคึกคัก เด็กเกือบ1,000 คนทั่วประเทศ เข้าสมัครหลักสูตรความเป็นเลิศด้านกีฬาฟุตบอลตามหาความฝัน หวังตามรอยแข้งทองแชมป์7สี
วันที่ 20 ธ.ค. 2568 ผู้ปกครองจากทั่วประเทศ รวมถึงกรุงเทพและปริมณฑล นำบุตรหลานรวมกว่า 800 คน เข้าคัดเลือกนักเรียนเพื่อเข้าศึกษาในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 (ที่เกิดปีพ.ศ.2556-2557)
ดร.รวีวรรณ ปลัดกระทรวงฯ นำทีม ทส. ชวนประชาชนพกถุงผ้า ลดใช้ถุงพลาสติก ในงานกาชาด ปี 2568
วันนี้ (19 ธันวาคม 2568) เวลา 16.30 น. ดร.รวีวรรณ ภูริเดช ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
มหาวิทยาลัยกรุงเทพ จัดพิธีประสาทปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษา ประจำปี 2568
มหาวิทยาลัยกรุงเทพ จัดพิธีประสาทปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษา ประจำปี 2568 โดยมี ดร.มัทนา สานติวัตร อุปนายกสภามหาวิทยาลัยกรุงเทพ เป็นประธานในพิธี
คนดังการเมืองแห่สมัครสส.พรรคภูมิใจไทยต่อเนื่อง "กุลวลี - สุดารัตน์ - รัชดา -หมอเอกภพ" ร่วมสู้ศึกเลือกตั้ง
คนดังการเมืองแห่สมัครสส.พรรคภูมิใจไทยต่อเนื่อง "กุลวลี - สุดารัตน์ - รัชดา -หมอเอกภพ" ร่วมสู้ศึกเลือกตั้ง
จุฬาฯ-มหิดล ผนึกกำลังสร้างนวัตกรรมเวชสำอางจากข้าวไรซ์เบอร์รี่ไทย เตรียมทดสอบทางคลินิกที่ศิริราช
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยมหิดล ลงนามถ่ายทอดเทคโนโลยี "AnthoRice™ Complex" นวัตกรรมเซรั่มบำรุงรากผมจากสารสกัดข้าวไรซ์เบอร์รี่อินทรีย์ไทย

