IRPC เปิดแผนกลยุทธ์ แตกไลน์ต่อยอดธุรกิจหลัก

IRPC เปิดแผนกลยุทธ์แตกไลน์ต่อยอดธุรกิจหลักทั้งน้ำมัน ปิโตรเคมี ท่าเรือและอสังหาฯ ด้วยนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ชนิดพิเศษที่มีโอกาสเติบโตสูง รุกขยายพอร์ตลงทุนใหม่พุ่งเป้าธุรกิจโรงพยาบาลและที่พัก เพื่อสุขภาพ (Health & Wellness) สีและสารเคลือบ (Paint & Coating) เพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาด พร้อมมาตรการภายในเข้มแข็ง และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ปี 2060    

นายกฤษณ์  อิ่มแสง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่  บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC เปิดเผยว่า ช่วงที่ผ่านมา ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาคยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แม้ว่าเศรษฐกิจไทยจะปรับตัวดีขึ้นจากการท่องเที่ยว และภาคอสังหาริมทรัพย์ แต่ด้วยสถานการณ์และปัจจัยทั้งในและต่างประเทศที่ท้าทายและมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา บริษัทฯ ได้วางแผนกลยุทธ์ให้สอดคล้องและเหมาะสมกับสถานการณ์ในแต่ละช่วง โดยเพิ่มประสิทธิภาพเสริมขีดความสามารถในการผลิตและการแข่งขัน ที่ยึดหลักสร้างความแข็งแกร่งต่อยอดจากธุรกิจหลักปิโตรเลียม ปิโตรเคมี ท่าเรือ  และอสังหาริมทรัพย์ ขยายการลงทุนไปในกลุ่มธุรกิจใหม่ ด้วยมาตรการควบคุมภายในและสถานะทางการเงินที่เข้มแข็ง

การสร้างความแข็งแกร่งต่อยอดจากธุรกิจหลัก (Core Uplift)

ธุรกิจปิโตรเลียม (Domestic first)

1.ขยายระบบโลจิสติกส์ขนส่งน้ำมันทางท่อ โดยขยายคลังน้ำมันแห่งใหม่ที่ อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ด้วยระบบขนส่งน้ำมันทางท่อความยาว 99 กิโลเมตร ร่วมกับ บริษัท กรุงเทพขนส่งเชื้อเพลิง ทางท่อและโลจิสติกส์ จำกัด หรือ BFPL เพื่อรองรับความต้องการใช้พลังงานภาคขนส่งในภาคกลางและภาคเหนือ ช่วยให้การดำเนินงาน และการกระจายสินค้ามีประสิทธิภาพ ประหยัดค่าใช้จ่ายและระยะเวลาในการขนส่ง                    

2.โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงกลั่นและคุณภาพน้ำมันดีเซล ยูโร 5 (Ultra Clean Fuel Project หรือ UCF) มีความพร้อมผลิตน้ำมันมาตรฐานยูโร 5 หรือน้ำมันดีเซลที่มีกำมะถันต่ำ สามารถผลิตเชิงพาณิชย์ภายใน 1 มกราคม 2024 ตามนโยบายของภาครัฐ ช่วยสร้างมูลค่าและรายได้เพิ่มให้กับบริษัทฯ

ธุรกิจปิโตรเคมี (Specialty Boost)

ยกระดับความสามารถในการแข่งขันด้วยนวัตกรรมและสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยผลิตภัณฑ์ชนิดพิเศษ “POLIMAXX” ได้แก่ 1. เม็ดพลาสติก พีพี เมลต์โบลน (PP Melt Blown) สำหรับผลิตภัณฑ์อุปกรณ์ทางการแพทย์ และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัยที่มีคุณภาพ เช่น หน้ากากอนามัย หน้ากาก N95 ชุดกาวน์ ชุด PPE ผ้าอ้อมเด็ก และผู้ใหญ่ รวมถึงแผ่นกรองต่างๆ

2. เม็ดพลาสติก พีพีอาร์ (PPR: PP random copolymer pipe) มีคุณสมบัติที่แข็งแรงทนต่อแรงขีดข่วนและแรงดัน ทนต่อสารเคมีได้มากกว่าท่อน้ำประปาทั่วไป มีความปลอดภัยสูง ผลิตจากเทคโนโลยีแบบไร้สารทาเลต (Non Phthalate) เหมาะสำหรับผลิตท่อน้ำร้อนน้ำเย็นในครัวเรือนและในโรงงานอุตสาหกรรม

3. เม็ดพลาสติก HDPE 100-RC สำหรับผลิตท่ออุตสาหกรรมขนาดใหญ่ มีคุณสมบัติทนแรงกระแทกได้ดีมาก มีอายุการใช้งานนานกว่า 100 ปี ช่วยลดต้นทุนและระยะเวลาก่อสร้าง

ธุรกิจท่าเรือและอสังหาริมทรัพย์ (Maximize Infrastructure & Asset Utilization) บริษัทฯ มีความพร้อมให้บริการท่าเทียบเรือน้ำลึกเพื่อขนถ่ายสินค้าทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ รองรับการขนส่งของแต่ละภูมิภาค ได้แก่ ท่าเรือคอนเทนเนอร์และสินค้าทั่วไป (Bulk & Container Terminal) ท่าเรือปิโตรเคมีและปิโตรเลียมเหลว (Liquid & Chemical Terminal) นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้พัฒนาพื้นที่ให้เป็นที่ดินเพื่อการอุตสาหกรรมพร้อมสนับสนุนการขยายตัวของภาคเศรษฐกิจอุตสาหกรรมรองรับโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) รวมถึงโครงการตามนโยบายส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐและเอกชน โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ โครงการเขตประกอบการอุตสาหกรรม ไออาร์พีซี จ.ระยอง โครงการนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล เอสเตท ระยอง (WHAIER) อ.บ้านค่าย จ.ระยอง และที่ดินพื้นที่อื่นๆ ที่มีศักยภาพในพื้นที่ อ.จะนะ จ.สงขลา

รุกขยายพอร์ตลงทุนใหม่ (Step up and beyond)

บริษัทฯ ได้วางกลยุทธ์ไปสู่การลงทุนในธุรกิจโรงพยาบาลและที่พักเพื่อสุขภาพ (Health & Wellness) ร่วมกับโรงพยาบาลบางปะกอกและโรงพยาบาลปิยะเวท ศึกษาการลงทุนในธุรกิจโรงพยาบาลและที่พักเพื่อสุขภาพ ในพื้นที่ศักยภาพของบริษัทฯ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและสุขภาพประชาชนในพื้นที่ จ.ระยอง และจังหวัดใกล้เคียง

ธุรกิจสีและสารเคลือบ (Paint & Coating) ร่วมกับ บริษัท เบเยอร์ จำกัด พัฒนาผลิตภัณฑ์สีและสารเคลือบมาตรฐานโลกเป็นครั้งแรกของประเทศ ด้วยส่วนผสม Polytetrafluoroethylene (PTFE) ที่มีคุณสมบัติพิเศษมีความทนทานต่อสภาพอากาศที่รุนแรง ช่วยยืดอายุการใช้งานโครงสร้างเหล็กถึงสามเท่า เพื่อใช้เคลือบโครงสร้างเหล็กในโรงกลั่นน้ำมัน โรงงานปิโตรเคมีสนามบิน ท่าเรือและสะพาน เป็นต้น

นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ปุ๋ยและอาหารเสริมพืช "ปุ๋ยหมีขาว" ภายใต้เครื่องหมายการค้า "REINFOXX" เพิ่มอีก 4 สูตร เพื่อให้เกษตรกรไทยสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ มีความปลอดภัยต่อผู้ใช้ ต่อผลิตผลและสิ่งแวดล้อม โดยได้ขยายตลาดในประเทศ เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน เพื่อให้เกษตรกรไทยเติบโตอย่างยั่งยืน  

นายกฤษณ์ กล่าวต่อไปว่า “บริษัทฯ ยังคงดำเนินนโยบายธุรกิจแบบระมัดระวัง เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ ลดต้นทุนพลังงานจากความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจ จึงจำเป็นที่บริษัทฯ พร้อมทบทวนการลงทุนและสร้างโอกาสที่คุ้มค่า มุ่งเน้นธุรกิจที่มีการเติบโตสูง ขณะเดียวกันก็รักษาวินัยและสถานะทางการเงินให้แข็งแกร่ง มีกระแสเงินสดหมุนเวียนอย่างเพียงพอ

บริษัทฯ เพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาดขยายกำลังการผลิตโครงการโซลาร์ลอยน้ำหรือ Floating Solar เพิ่มขึ้นอีก 8.5  เมกะวัตต์  และบูรณาการความยั่งยืนเข้าไปในธุรกิจ มุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงร้อยละ 20 ปี 2030 บรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ปี 2050 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ปี 2060 เร็วกว่าเป้าหมายของประเทศ ปี 2065

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

IRPC จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ในรูปแบบ e-Meeting

เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2567 บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) (IRPC) ได้จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 (AGM) ในรูปแบบการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (e-Meeting)

IRPC เยี่ยมชม สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ

คุณอนุชา สมจิตรชอบ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ศูนย์นวัตกรรม บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC พร้อมคณะ เข้าเยี่ยมชม สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ

IRPC เข้ารับพระราชทานโล่ประกาศเกียรติคุณและเข็มที่ระลึกจากโครงการขาเทียมฯ

IRPC เข้ารับพระราชทานโล่ประกาศเกียรติคุณและเข็มที่ระลึกจากโครงการขาเทียมฯ โดยได้บริจาคแผ่นพลาสติก Polypropylene เกรด 3340H จำนวน 11,000 แผ่น

IRPC คว้ารางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น ประจำปี 2566

นายกฤษณ์ อิ่มแสง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC รับรางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น ประจำปี 2566

IRPC ร่วมกับ 3 บริษัทชั้นนำ เพิ่มทุน VISUP นำงานวิจัยสู่ตลาดเชิงพาณิชย์ ต่อยอดธุรกิจ New s-curve ด้านเทคโนโลยีเชิงลึก (Deeptech)

บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC โดย นายกฤษณ์ อิ่มแสง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ (ที่ 2 จากซ้าย) ร่วมกับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) บริษัท ท็อป เวนเจอร์ส จำกัด