28 ก.พ.2567 - นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาลว่า เนื่องในปีมหามงคล ครบ 6 รอบของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ ทรงดีไซน์ลายผ้าวชิรภักดิ์ ลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ ลายหัวใจ เป็นเครื่องแต่งกาย ให้ทางรัฐบาลช่วยกันนำไปประชาสัมพันธ์ และจะมีการตัดเย็บนำไปสวมใส่ นอกจากนี้ นายกฯ ได้เร่งรัด กระทรวงวัฒนธรรม ทำเรื่อง ชุดไทย : ความรู้ งานช่างฝีมือ และแนวปฏิบัติการแต่งกายชุดไทยประจำชาติ (Chud Thai : The Knowledge, Craftsmanship and Practices of The thai National Costume) หรือชุดไทยพระราชนิยม เพื่อเสนอขึ้นทะเบียนรายการตัวแทนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติต่อ UNESCO อีกด้วย
“ ขณะนี้การจัดทำข้อมูลชุดไทยพระราชนิยมรองรับการเตรียมนำเสนอต่อยูเนสโกมีความพร้อมแล้ว อยู่ระหว่างดำเนินการขอความเห็นชอบต่อคณะรัฐมนตรี ในครั้งต่อไป เมื่อ ครม. ให้เห็นชอบ กรมส่งเสริมวัฒนธรรมในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบงานมรดรภูมิปัญญาของชาติจะดำเนินการส่งข้อมูลตามเอกสารที่ยูเนสโกกำหนดให้ทันภายในเดือนมีนาคม 2567 นี้ หลังจากนั้น ยูเนสโกจะนำข้อมูลมรดกภูมิปัญญาฯ ที่ประเทศต่าง ๆ ที่นำเสนอเข้าสู่วาระการพิจารณาตามลำดับต่อไป ในส่วนของประเทศไทยปลายปี 2567 จะมีรายการต้มยำกุ้งกับเคบายาจะเข้ารับการพิจารณา และลำดับถัดไปจะเป็นรายการชุดไทยพระราชนิยม มวยไทย และประเพณีลอยกระทงตามลำดับ” นายเสริมศักดิ์ กล่าว
รมว.วัฒนธรรม กล่าวด้วยว่า ประเทศไทยได้ประกาศขึ้นบัญชีชุดไทยพระราชนิยมเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม (ระดับชาติ) เมื่อพุทธศักราช 2566 ในราชกิจจานุเบกษา แล้วเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2567 โดยชุดไทยพระราชนิยม เป็นรายการตัวแทนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ในลักษณะแนวปฏิบัติทางสังคม พิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล มีสาระสำคัญแสดงให้เห็นถึงองค์ความรู้เกี่ยวข้องกับงานช่างฝีมือ และการพิจารณานำชุดไทยไปใช้สวมใส่ตามโอกาส ถือเป็นแนวปฏิบัติการแต่งกายของสตรีไทยที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน
ด้านนายโกวิท ผกามาศ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กล่าวว่า ชุดไทยเป็นเครื่องแต่งกายที่แสดงถึงอัตลักษณ์ความเป็นไทย ได้รับการพัฒนาต่อเนื่องเป็นเวลานาน โดยมีปรากฏหลักฐานรูปแบบการนุ่งและการห่ม มากว่า 1,400 ปี ตั้งแต่สมัยทวารวดี อยุธยาจนถึงต้นรัตนโกสินทร์ ภาพการแต่งกายจึงเป็นหลักฐานสำคัญที่บอกเล่าให้คนรุ่นหลังได้รับรู้และสืบทอด ในปี พ.ศ.2503 ชุดไทยได้รับการพัฒนารูปแบบครั้งสำคัญ เมื่อสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินินาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้ทรงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ศึกษาวิวัฒนาการรูปแบบการแต่งกายของสตรีไทย และสร้างสรรค์ชุดไทยขึ้น 8 แบบ เพื่อให้ประชาชนใช้ในโอกาสต่าง ๆ ปัจจุบัน คนไทยนิยมสวมใส่ชุดไทย ทั้ง 8 แบบ ในวิถีชีวิต ทั้งงานรัฐพิธี งานพิธีการทางศาสนา งานพิธีการสำคัญในชีวิต
อธิบดี สวธ. กล่าวค่อว่า การสวมใส่ชุดไทยของคนไทยแสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการการนุ่งห่มของคนไทยในยุคสมัยต่างๆ และมีคุณค่าที่ควรตระหนักถึงความสำคัญในฐานะมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ ประกอบด้วยด้านงานช่างฝีมือ แสดงให้เห็นถึงฝีมือช่าง และหัตถศิลป์การทอผ้า การสร้างสรรค์ลวดลาย การออกแบบและตัดเย็บ รวมถึงการปักประดับด้วยเทคนิคต่าง ๆ อันวิจิตรบรรจง ส่งต่อให้ผู้สวมใส่เกิดความภาคภูมิใจ ด้านแนวปฏิบัติทางสังคม และความรู้ความเข้าใจในการนำ ชุดไทย ไปสวมใส่ให้เหมาะสมกับโอกาส แสดงถึงอัตลักษณ์ความเป็นไทยและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของคนไทย เกิดความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาช้านาน บ่งบอกถึงความผูกพันของครอบครัว ชุมชนและสังคม การสวมใส่ชุดไทยช่วยเสริมบุคลิกภาพของสตรีไทยให้ดูสง่างามในความเป็นไทย ใช้ในโอกาสที่เหมาะสมทั้งเป็นทางการและไม่เป็นทางการ ตลอดจนส่งเสริมกระบวนการทางความคิด มีการสื่อสารและการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ รวมทั้งการให้ความเคารพในความหลากหลายทางวัฒนธรรม และย้ำเตือนให้ผู้คนในปัจจุบัน ได้ตระหนักถึงรากเหง้าวัฒนธรรมคุณค่าฝีมือช่างคนไทยที่สืบทอดวิชาการออกแบบตัดเย็บสิ่งทอ รวมทั้งเป็นแรงบันดาลใจสู่การเรียนรู้สร้างสรรค์แฟชั่นของคนรุ่นใหม่ โดยนำผ้าที่เป็นเอกลักษณ์ของชุมชนท้องถิ่น มาออกแบบตัดเย็บเป็นชุดไทยทั้งแบบอนุรักษ์และสร้างสรรค์
“ การสวมใส่ชุดไทยของผู้คนมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของชุมชนให้หมุนเวียนตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ จนถึงปลายน้ำ ชุดไทย สามารถสวมใส่และศึกษาเรียนรู้ได้ในคนทุกกลุ่ม ทั้งในครอบครัว ชุมชน การศึกษาในระบบ นอกระบบ รวมถึงการศึกษาตามอัธยาศัย และอุตสาหกรรมแฟชั่นและสิ่งทอ เป็นซอฟท์พาวเวอร์ ที่สร้างงาน สร้างรายได้ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ” นายโกวิท กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สวธ.สำรวจภูมิปัญญาท้องถิ่น‘บ้านทะเลน้อย’ พัทลุง ต่อยอดอัตลักษณ์ชุมชน
นางสาวลิปิการ์ กำลังชัย รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (รักษาราชการแทนอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม) ลงพื้นที่ ณ อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง
สวธ.จับมือ มศว.พัฒนาสร้างสรรค์ผลงานต้นแบบ 5 ชุมชนจากมรดกวัฒนธรรม
5 มี.ค.2568 นางสาวลิปิการ์ กำลังชัย รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (รักษาราชการแทนอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม) เป็นประธานในพิธีเปิดงานเสวนาวิชาการเพื่อพัฒนาความรู้ทางวัฒนธรรมสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์และซอฟต์พาวเวอร์ โดยมีนายชุมพล พรประภา นายกสภามหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ รศ.ดร.หทัยรัตน์ มาประณีต หัวหน้าโครงการฯ และรศ.ดร.ชลวิทย์ เจียรจิตต์
สวธ.คว้ารางวัลด้านส่งเสริมผลงานยอดเยี่ยมบนโซเชียลมีเดียตอกย้ำศักยภาพเผยแพร่วัฒนธรรม
นางมงคลทิพย์ รุ่งงามฤกษ์ ผู้อำนวยการสถาบันวัฒนธรรมศึกษา กรมส่งเสริมวัฒนธรรม เข้าร่วมงานประกาศรางวัล Thailand Social Awards ครั้งที่ 13 เพื่อรับรางวัล Finalist ของกลุ่มรางวัล Best Brand Performance on Social Media สาขา Promotion and Support Agency
สวธ.ประชุมจัดการมรดกภูมิปัญญาน่าน ‘แข่งเรือ-ผ้าทอไทลื้อ-บ่อเกลือภูเขา’ เน้นฐานชุมชน
กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) กระทรวงวัฒนธรรม โดยสถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ “การบริหารจัดการมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมอย่างยั่งยืนโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน ประจำปีงบประมาณ 2568” เมื่อวันที่ 17-19 ก.พ.2568 ที่ผ่านมา เพื่อให้เด็ก
สวธ.หนุน Unfest’25 เสริมศักยภาพอุตสาหกรรมหนังไทยสู่สากล
กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) เดินหน้าสนับสนุนโครงการ Unfest’25 เสริมศักยภาพอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย ให้พร้อมแข่งขันในเวทีสากล โครงการดังกล่าวจัดขึ้น เมื่อวันที่ 20 - 22 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา ภายใต้แนวคิด
สวธ.พัฒนายกระดับอาหารถิ่นสู่มรดกวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ไทย เสริมแกร่งชุมชน
วันที่ 26 ก.พ. 2568 นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการการชี้แจงแนวทางการขับเคลื่อนโครงการส่งเสริมและพัฒนายกระดับอาหารถิ่นสู่มรดกทางวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ความเป็นไทย (Thailand Best Local Food) “รสชาติ...ที่หายไป The Lost Taste” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568