“พิพัฒน์” มอบหมาย สปส. ลงพื้นที่ให้การช่วยเหลือลูกจ้าง เหตุรถบรรทุกติดเครน พลิกคว่ำขณะปฏิบัติหน้าที่ อ.บ่อเกลือ จ.น่าน

เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2568 เวลาประมาณ 09.00 น. ที่ผ่านมา เกิดอุบัติเหตุรถบรรทุก 10 ล้อ ติดเครน ของบริษัทผู้รับจ้างการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดน่าน เสียหลักพลิกคว่ำ บริเวณโค้งพับผ้า อำเภอบ่อเกลือจังหวัดน่าน ขณะเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ตัดต้นไม้ตามแนวเขตเสาไฟฟ้าช่วงถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1081 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้แสดงความห่วงใย พร้อมมอบหมายให้ สำนักงานประกันสังคม ตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บอีก 5 ราย ทั้งนี้ ได้กำชับการให้ความช่วยเหลือเยียวยาด้านสิทธิประโยชน์ต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บ โดยทายาทผู้เสียชีวิตจะได้รับสิทธิประโยชน์รวมกว่าล้านบาท

ด้าน นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและกำชับให้สำนักงานประกันสังคมเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง ในการนี้ นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ได้มอบหมายให้ประกันสังคมจังหวัดน่านพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม

พบว่า ผู้เสียชีวิต จำนวน 1 ราย คือ นายวินัย อายุ 41 ปี เป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 ซึ่งเป็นลูกจ้างของบริษัท เบญจกาย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด ทายาทผู้เสียชีวิตจะได้รับสิทธิประโยชน์จากกองทุนเงินทดแทน ดังนี้ เงินค่าทำศพ จำนวน 50,000 บาท เงินค่าทดแทนกรณีถึงแก่ความตายเนื่องจากการทำงาน เงินบำเหน็จชราภาพ รวมทั้งสิ้นประมาณ 1 ล้านบาท จากเหตุการณ์ดังกล่าว มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 5 ราย ประกอบด้วย นายศรัณญ์ อายุ 25 ปี นายณวพงษ์ อายุ 24 ปี นายจักรกริช อายุ 29 ปี นายสวัสดิวรรษ อายุ 22 ปี และนายธีรพล อายุ 28 ปี โดยผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 5 ราย เป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 ซึ่งเป็นลูกจ้างของบริษัท สยามราชธานี สาขาสยามราชธานี (SR) จังหวัดน่าน และจะได้รับสิทธิประโยชน์จากกองทุนเงินทดแทน ประกอบด้วย ค่ารักษาพยาบาลจ่ายตามจริง ไม่เกิน 65,000 บาท กรณีบาดเจ็บรุนแรง หรือเรื้อรัง จ่ายเพิ่มอีกไม่เกิน 100,000 บาท ค่าทดแทนกรณีขาดรายได้จำนวน 70% ของค่าจ้างรายเดือน และค่าฟื้นฟูสมรรถภาพในการทำงาน ทั้งนี้ สำนักงานประกันสังคมจังหวัดน่าน ได้ประสานให้การช่วยเหลือ พร้อมทั้งชี้แจงสิทธิประโยชน์แก่ทายาทผู้เสียชีวิตแล้ว

ถึงแม้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะเป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด แต่ขอให้ผู้ประกันตนทุกคนเชื่อมั่นและมั่นใจว่าสำนักงานประกันสังคมพร้อมดูแลให้การช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้ประกันตน รวมทั้งทายาทของผู้ประกันตนให้ได้รับสิทธิประโยชน์อย่างครบถ้วน เพื่อเป็นหลักประกันในการดำรงชีวิตของผู้ประกันตนทุกคน นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวในตอนท้าย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดร.บุณณดา โฆษกกระทรวงแรงงาน พร้อมคณะที่ปรึกษารัฐมนตรี ลงพื้นที่ติดตามงานศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพคนงาน ภาค 1 จ.ปทุมธานี พร้อมผลักดันยกระดับคุณภาพชีวิตผู้ประกันตนทุพพลภาพ

เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2568 ดร.บุณณดา สุปิยพันธุ์ โฆษกกระทรวงแรงงาน (ฝ่ายการเมือง) พร้อมด้วยนายกานต์ กิตติอำพน คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน (ด้านต่างประเทศ) ร่วมลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม

“สปส.” ห่วงแรงงานพลาดสิทธิคุ้มครอง “กองทุนเงินทดแทน”ภัยที่ทำงาน เตือนนายจ้างป้องสิทธิรักษาพยาบาลลูกจ้างหลังเกิดภัยภายใน 15วัน

นางสาวกาญจนา พูลแก้ว เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กล่าวว่า ในทุกสถานประกอบการอาจซ่อนความเสี่ยงที่ไม่มีใครคาดคิดไว้เสมอและเมื่อเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการช่วยชีวิตและการใช้สิทธิอย่างถูกต้องและทันเวลา

“ สปส.” แนะช่องทางนายจ้างชำระเงินสมทบกองทุนเงินทดแทน ส่งเสริมคุณภาพชีวิตสร้างหลักประกันให้แรงงานไทย

นางสาวกาญจนา พูลแก้ว เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กล่าวว่า ปัจจุบันสำนักงานประกันสังคม(สปส.)ได้ให้ความสำคัญอย่างมากในการยกระดับคุณภาพกลไกลการทำงานของ “กองทุนเงินทดแทน” ให้มีมาตรฐานมายิ่งขึ้น

“สปส.” เดินหน้ายกระดับกลไกคุ้มครองแรงงาน“กองทุนเงินทดแทน”

นางสาวกาญจนา พูลแก้ว เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กล่าวว่า เพื่อให้แรงงานทุกคนมีหลักประกันเมื่อประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยเนื่องจากการทำงาน กองทุนเงินทดแทน สำนักงานประกันสังคมจึงให้ความคุ้มครองและให้สิทธิประโยชน์แก่ลูกจ้างอย่างทั่วถึงตามพระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2561

“สปส.” เร่งยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงานไทย กระทุ้งนายจ้างต้องยื่นแบบขึ้นทะเบียนลูกจ้างภายใน30วันที่รับลูกจ้างเข้าทำงาน

กระทุ้งนายจ้าง ต้องยื่นแบบขึ้นทะเบียนลูกจ้างภายในระยะเวลา 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ลูกจ้างเริ่มทำงานวันแรกในสถานประกอบการ ขู่ฟอดนายจ้างไม่ปฏิบัติจะมีความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท